บทที่ 430 รีบร้อน
การแสดงออกว่าหวาดกลัวทางอารมณ์จริงๆ จะโน้มน้าวใจผู้คนได้ง่ายกว่าการแสดงมาก
จางจิ้งอานเดินไปที่กล้องของเจียงเซ่อ ตอนนี้เธอก็เหมือนกับนกน้อยที่ได้รับบาดเจ็บที่นอนเอาหัวซุกปีก ทั้งๆ ที่ถูกมัดเชือกอยู่
เขาพลันถอนหายใ จ หลายเดือนมานี้เจียงเซ่อไม่ได้อยู่เฉยๆ อย่างที่คิดไว้จริง ๆ เธอเข้าใจจิตใจของถังจิ้งได้เป็นอย่างดี และสามารถตีความความบริสุทธิ์และความอ่อนแอของถังจิ้งได้ถูกต้อง และในตอนนี้เธอยังถ่ายทอดความสิ้นหวังและความหวาดกลัวออกมาได้อีกด้วย
ภายใต้แสงไฟในฉาก เงาของกลุ่มโจรทอดยาว โหนกคิ้วยกสูงทำให้ร่องตาลึกเป็นชั้น ๆ
เจียงเซ่อไม่ได้แสดงแข็งทื่อ กระทั่งนักแสดงที่จางจิ้งอานคัดสรรมาเป็นพิเศษก็คิดไม่ต่างกัน แม้กระทั่งโจรที่อำมหิตและโหดเหี้ยมอย่างแดเนียลถึงกับตกตะลึง
บนหลังคา สายไฟห้อยระโยงรยาง หลอดไฟด้านบนลอดผ่านใยแมงมุมปรากฏเป็นแสงริบรี่ จนไม่สามารถแยกแยะใบหน้าของแต่ละคนออกได้ หลิวเย่ที่รับบทเฉิงเจี้ยนกั๋วผู้เลือดเย็นแสดงออกมาได้อย่างมีชีวิตชีวาจนทำให้จางจิ้งอานรู้สึกพอใจ ภายใต้ความตึงเครียดนี้ เจียงเซ่อไม่ได้ถูกแรงกดดันจากนักแสดงคนอื่นเลย แม้เธอจะพัฒนาจนโดดเด่นมากขึ้นเมื่อเทียบกับหลิวเย่ แดเนียลแล้วก็ตาม
ตอนแบกร่างสูงเพรียวของเธอ แม้กระทั่งปลายเท้าก็โผล่ออกมา เดิมทีเธอสวมรองเท้าส้นสูงสีขาวมุก แต่ในระหว่างที่โดนฉุดกระฉากลากถู รองเท้าก็หลุดหายไปไหนก็ไม่รู้
เมื่อจางจิ้งอานให้สัญญาณ คนกำกับแสงที่ทำงานร่วมกับเขามาหลายปีรู้ใจเขาเป็นอย่างดี ก็ลดเลนส์กล้องถ่ายหนังลงเพื่อเตรียมถ่ายที่นิ้วเท้าของเธอ เท้าทั้งสองข้างที่เรียบเนียนของเธอก็คงได้รับการดูแลมาอย่างดี ไม่เว้นนิ้วเท้านุ่มที่เรียงสวยอย่างชัดเจน พูดได้เลยว่าเธอเกิดมาจากชาติตระกูลที่ร่ำรวย
เลนส์กล้องค่อยๆ เคลื่อนตัวช้าๆ โดยเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อย ๆ โดยเพิ่มความตึงเครียดระหว่างฝูงหมาป่าพวกนั้นกับเหยื่อเข้าไป
จางจิ้งอานเก็บรายละเอียดตรงส่วนนี้ออกมาได้ยอดเยี่ยม โทมัสที่รับบทโดยแดเนียลพลันโฉบกระชากหัวเจียงเซ่ออย่างรวดเร็ว
ประมาณสองชั่วโมงก่อนการถ่ายทำ มีเครื่องบินจากกว่างโจวลำหนึ่งทำการลงจอด ณ ท่าอากาศยานเมืองหนานเจียง
เมื่อประตูชั้น Business class เปิดออก ก็ปรากฏร่างของร่างสูงโปร่งของวัยรุ่นคนหนึ่งที่สะพายกระเป๋าธรรมดาออกมา ช่วงขายาวก้าวผ่านกลุ่มผู้โดยสารมากมายออกมาอย่างรวดเร็ว
พอเขาเดินออกมาจากสนามบิน ด้วยรูปร่างหน้าของเขาดึงดูดความสนใจแก่ผู้คนตามทางไม่น้อย บางคนคาดเดาถึงฐานะที่ไม่ธรรมดาของเขา ทว่าเขากลับไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง หลังจากที่เขาออกจากสนามบินก็ขึ้นรถแท็กซี่ที่กำลังนั่งรอผู้โดยสารคนหนึ่งและพูดกับคนขับว่าาของเขาดึงดูดผู้คนยาวำ มาอย่างดี
“นครใหม่”
ตอนที่นั่งรถแท็กซี่ เขาก็สวมแว่นกันแดด และด้วยร่างกายที่สูงใหญ่ทำให้รถถึงกับสั่นเล็กน้อย หลังจากที่ปิดประตูอย่างแรงจนทำให้คนขับได้สติและมองไปที่กระจกหลัง แม้จะเห็นแขกท่านนี้ได้ไม่ชัดนัก แต่กลับรู้สึกว่าเขามองมาอย่างกดดัน
“นครใหม่เหรอครับ มันห่างจากที่นี่เกือบร้อยกิโลเลยนะครับ......” คนขับพูดโพล่งขึ้นมา ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่นั่งอยู่ด้นหลังไม่ได้แสดงแสดงอาการใด ๆ แต่กลับพูดกลับมาว่า
“นครใหม่”
เสียงทุ้มต่ำของเขาเอ่ยออกมาอย่างไม่ทุกข์ร้อน คนขับจำต้องทำหน้าที่ตนไปโดยไม่ยุ่งกับเรื่องที่ไม่ใช่ตนเองอีก
ได้แต่คาดเดาฐานะของผู้โดยสารท่านนี้อยู่ในใจ ดูๆ แล้วไม่เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป
คนขับคิดที่จะต่อบทสนทนา เผยอี้กลับไม่มีทีท่าอยากจะคุยเล่นกับเขาเลยสักนิด
เขาอยากจะไปสืบสถานที่ถ่ายทำของเจียงเซ่อให้แน่ชัดมานานแล้ว น่าเสียดายแพลนดันไม่เป็นอย่างที่คิด
ระยะหลังมานี้เขาฝึกพิเศษที่โรงเรียนมาตลอด ตอนแรกเขาฟังเจียงเซ่อพูดเข้าใจแล้วว่าเธอจะต้องเข้าอบรมที่เซี่ยงไฮ้ประมาณร้อยวัน เปิดกล้องอย่างเป็นทางการก็น่าจะปลายเดือนตุลาคม
เป็นเพราะจางจิ้งอานอยากจะถ่ายที่เซี่ยงไฮ้ก่อน ดังนั้นจึงไปถ่ายทำช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนหรือเดือนธันวาคมที่ นครใหม่คำนวณเวลาแล้วก็น่าจะมาทัน
ที่ไหนได้เมื่อสอบถามก็ได้รู้ว่าทางกองถ่ายจะเริ่มถ่ายทำหนังล่วงหน้าไปสองวันแล้วที่นครใหม่
ตอนแรกเจียงเซ่อไม่อยากจะรับบทนี้สักเท่าไหร่ แต่เป็นเพราะเผยอี้ให้กำลังใจเธอ และรับปากว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเธอสักพักหนึ่ง ทว่าตอนนี้แผนดันล่มไปซะก่อน ทำให้เขามาที่นี่ช้าไปตั้งสองวัน
ดังนั้น ตอนที่เขาลงจากเครื่องจึงยังไม่ได้เปิดเครื่อง พอเปิดเครื่อง ‘ติ๊ดติ๊ดติ๊ด’เสียงเตือนพลันดังขึ้นโดยบ่งบอกว่าข้อความที่เกี่ยวกับบ้านตระกูลเผย ทว่าอีกเบอร์หนึ่งเขากลับไม่คุ้นเลยสักนิด
ตอนที่เผยอี้เห็นเบอร์นี้โชว์ขึ้นมา ก็แสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมา
เฉินหมิ่นซูไม่เข็ดหลาบจริงๆ หลังจากสอบถามเบอร์มือถือและบัญชีทางโซลเชียลของเขา โดยถามเอาจากพ่อของเขา เธอก็หันเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายส่งข้อความหาเขาแทน
แม้จะใช้เบอร์เป็นโล่กำบังก็ยังทำไม่ได้ เธอมักจะเปลี่ยนเบอร์ในการส่งข้อความหาเขา
เมื่อมองหน้าจอที่มีข้อความมากมายส่งมาว่า‘นายอยู่ที่ไหนเหรอ?’ขึ้นมาเขาก็จัดการกดปิดมันซะ
เผยอี้กดความรังเกียจที่นับวันยิ่งมากขึ้นทุกทีเอาไว้ หลังจากที่เขาท้าประลองซ้อมรบเสมือนจริงกับเฉินหมิ่นซูเมื่อเดือนพฤศจิกายนไป หล่อนก็ทำเหมือนเขาเป็นสมบัติที่เก็บเอาไว้บนหิ้งของหล่อน นับวันยิ่งไม่รู้จักแยกแยะผิดถูก
เขาปลอบใจตัวเอง พลางอดทนอดกลั้น ตอนนี้เธออ่อนซ้อมก็ดีแล้ว เวลาอยู่ในสนามรบจะจัดการเธอให้ตายซะก็เป็นเรื่องง่ายแล้ว
ข้อความยังถูกส่งมาไม่หยุด หลังจากที่เขาเปิดเครื่องได้พักหนึ่ง ก็มีเบอร์หนึ่งที่ถูกบล็อกโทรเข้ามือถือของเขาอีกครั้ง โดยโทรเข้าเกือบๆ ครึ่งชั่วโมงจนแบตมือถือของเผยอี้หมด หลังจากที่เขาเดินทางไปกว่างโจว เพราะเตรียมตัวไปไม่พร้อม แบตเลยเหลือไม่ถึงครึ่งตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง เลยไม่สามารถส่งข้อความหรือรับโทรศัพท์ได้
หลังจากที่เผยอี้ขึ้นรถ ข้อความก็ยังถูกส่งเข้ามาไม่หยุด และสถานการณ์แบบนี้ก็ดึงดูดความสนใจของคนขับรถแท็กซี่เข้า เขาจึงหันหน้าไปมองเผยอี้แวบหนึ่ง แต่ผู้โดยสารท่านนี้กลับเม้มปากแน่น แสดงท่าทีไร้อารมณ์ความรู้สึก
ณ ตี้ตู เฝิงจงหลียงที่เดิมที่ร้อนใจได้สงบลงแล้ว เขาอาศัยช่วงเวลานี้ริบห้อง เงินปันผล สินทรัพย์ ของสะสมและอื่นที่ชื่อเป็นของเฝิงหนานเอาไว้ทั้งหมด และมักจะหยิบของใช้ของเฝิงหนานขึ้นมาดูด้วยความเศร้าบ่อยๆ
ระยะหลังมานี้หมอจ้าวให้เขาพักบนเตียง กลัวนายท่านจะเป็นกังวลจนส่งผลกระทบกับสุขภาพ
เขาเองก็รู้ตัวดี แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวของเฝิงหนาน เรื่องพรรค์นี้มันเป็นมายังไงกันแน่ แต่ในเมื่อเขาก็หาหลานสาวของตนพบแล้ว หากเธอกลับตี้ตู ก็ไม่อาจจะให้เธอมาเจอเขาสภาพที่ย่ำแย่แบบนี้ได้
อาศัยเวลานี้ดูแลตัวเอง เขาเองก็มีเรื่องอยากจะถามเจียงเซ่อมากมาย แต่เสี่ยวหลิวกลับบอกข่าวร้ายอย่างเรื่องที่เจียงจื้อหยวนปรากฎตัวแล้ว แถมเขายังลักพาตัวคนบ้านตระกูลตู้ จนเกือบจะฆ่าล้างตระกูลด้วยนี่ซิ ช่างใจดำอำมหิตเหลือเกิน เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ไม่เพียงไม่ยั้งมือ เผลอๆ จะโหดร้ายอำมหิตกว่าเดิมหลายเท่า
พอนึกถึงเจียงจื้อหยวน เฝิงจงเหลียงก็รู้ได้ว่าตนได้มองข้ามเรื่องนี้ไป
ตอนแรกเผยอี้เติมจะบล็อกหมายเลขนี้แล้ว แต่เขาดันเห็นหมายเลขของ‘ปู่ของเฝิงหนาน’ขึ้นมา จึงรีบรับสายทันที
“อาอี้”
เฝิงจงเหลียงลืมตัวเผลอตะคอกใส่ทางโทรศัพท์ เสียงของเขาดูร้อนรน ‘ตู๊ดตู๊ด’สัญญาณเตือนเมื่อแบตจะหมด เผยอี้ขมวดคิ้วมุ่น เฉินหมิ่นซูก็ยังคงพยายามส่งข้อความมาหาเขาไม่หยุดหย่อน
“นายอยู่ที่ไหน ฝึกซ้อมทหารเสมือนจริงไม่กี่วัน นายก็ไม่อยู่ฝึกแล้วเหรอ นายจะไปไหน?”
“ทำไมถึงไม่รับสายฉัน?”
“นายคุยโทรศัพท์กับใครอยู่เหรอ?”
“......”
‘ติ๊ดติ๊ด’ เสียงสั่นเตือนไม่หยุด บ่งบอกให้รู้ว่ามีคนอื่นโทรเข้ามาหลายครั้ง จนแทบจะไม่ได้ยินเสียงของเฝิงจงเหลียงเลย
“เธออยู่ไหนน่ะ?เจียงจื้อหยวนออกจากคุกแล้วนะ! ”เฝิงจงเหลียงแผดเสียงดังลั่นว่า “เขาออกมาเมื่อสองเดือนก่อน”
เผยอี้ยังไม่ได้พูดออะไร โทรศัพท์ก็จัดการปิดเครื่องตัวเองอัตโนมัติตอนที่เสียงเตือนสุดท้ายดังว่ามีสายอื่นโทรเข้ามา