บทที่ 429 การตัดสินใจด้วยตัวเอง
“แต่งหน้าฉันให้เหมือนกับตอนที่ถ่ายที่เซี่ยงไฮ้ก็พอแล้วค่ะ”
เจียงเซ่อแอบกระซิบช่างแต่งหน้าเสียงเบา ช่างแต่งหน้าตอบเกรงๆ กลับมาว่า
“ได้แน่เหรอ?”
ตอนที่ถ่ายภาพยนตร์เรื่อง’PROOF OF LIFE’เขาเป็นคนรับผิดชอบแต่งหน้าให้เจียงเซ่อเอง
บทบาทที่เธอแสดงตอนที่อยู่เซี่ยงไฮ้ น่าจะเป็นไปตามที่จางจิ้งอานต้องการ เพียงแต่ทารองพื้นบางๆ เพิ่มอีกชั้นหนึ่ง เพื่อทำให้ใบหน้าของสาวน้อยดูผ่องมีออร่ายิ่งขึ้น และยังทำให้เธอขึ้นกล้องมากยิ่งขึ้น จนแทบจะดูเหมือนไม่ออกว่าแต่งหน้ามา หากแก้การแต่งหน้าให้กลายเป็นลุคที่เจียงเซ่อถ่ายหนังที่เซี่ยงไฮ้ในตอนนั้นล่ะก็ จางจิ้งอานไม่แน่ว่าจะพอใจ
ทว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ช่างแต่งหน้าเองก็คงไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้ว แม้ว่าเขาจะแต่งหน้าให้เจียงเซ่อจนทำให้ผู้กำกับใหญ่ไม่พอใจก็ตาม แต่ทว่าผู้กำกับใหญ่กลับไม่พูดสาเหตุที่ไม่พอใจนั่นออกมาเลย
เจียงเซ่อเองก็เป็นนางเอกในเรื่อง หลังจากเธอกระซิบจบ ช่างแต่งหน้าก็ตัดสินใจแต่งหน้าตามที่เธอขอ แม้จะเขาลังเลอยู่ชั่วครู่ ถึงค่อยลบเครื่องสำอางบนใบหน้าลำคอและบนมือด้วยรีมูฟเวอร์จนหมด และลงครีมใหม่ ตามด้วยแป้งบางๆ อีกชั้นหนึ่ง
ตอนที่เธอปรากฏตัวต่อหน้าจางจิ้งอานอีกครั้ง จางจิ้งอานถึงกับขมวดคิ้ว ช่างแต่งหน้าที่อยู่ข้างๆ พลันกระสับกระส่ายอยู่ไม่นิ่ง แต่โชคยังดีที่จางจิ้งอานไม่ได้มีท่าทีบ่งบอกว่าให้เขากลับไปแก้ใหม่อีกต่อไป
“คุณบอกให้เขาแก้งั้นเหรอ?”
ยังเหลือเวลาเกือบ 15 นาทีถึงจะเตรียมการถ่ายทำเรียบร้อย จางจิ้งอานจึงอาศัยโอกาสนี้พูดคุยกันกับเจียงเซ่อถึงตัวละครถังจิ้งในเรื่อง’PROOF OF LIFE’พอดี
“ใช่ค่ะ” เจียงเซ่อพยักหน้า หากเธอไม่อยากให้ช่างแต่งหน้าแก้ ช่างแต่งหน้าก็คงไม่กล้าแก้จนกลายมาเป็นแบบนี้แน่ ในใจของจางจิ้งอานเองก็รู้ดี
เธอตอบกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน นอกจากจางจิ้งอานจะมองด้วยสายตาประหลาดใจแล้ว ช่างแต่งหน้าก็ยังแสดงสีหน้าที่ประทับใจอีกด้วย
“ฉันเคยดูฉากนี้มาครั้งหนึ่งแล้วค่ะ ผู้กำกับจาง” มันเป็นฉากตอนที่ถังจิ้งโดนลักพาตัวจากงานปาร์ตี้วันเกิด จนมาถึงที่นี่ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันได้ลบเครื่องสำอางในวันเกิดครบรอบ 18 ปีของเธอนั่นเอง
เดิมทีเธอน่าจะเป็นคนสำคัญของบ้านตระกูลถัง แต่ทว่าตอนนี้คนบ้านตระกูลถังกลับไม่สนใจเรื่องที่เธอหายตัวไปเลยสักนิด
หากไม่ใช่เพราะ แก็งโจรส่งวีดีโอมาให้หลังจากที่เกิดเหตุ น่ากลัวว่าคนบ้านตระกูลถังจะไม่สะกิดใจว่าเธอตกอยู่ในอันตรายแม้แต่น้อย
เพราะเรื่องนี้ เจียงเซ่อจึงให้ช่างแต่งหน้าแต่งหน้าให้ตนเหมือนวันที่แต่งให้ในวันที่เล่นฉากงานวันเกิดของถังจิ้งที่เซี่ยงไฮ้ นี่คือจุดประสงค์
“เพราะหลังจากนั้นจะต้องมีสภาพมอมแมม ฉันเลยคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องทำให้ดูเลอะเทอะค่ะ” บทที่เจียงเซ่อถืออยู่เป็นบทหนังที่ทางกองถ่ายส่งมาให้เธอก่อนหน้านี้ เธอคงจะพลิกอ่านอยู่หลายครั้งจนมันเก่าบ้างแล้ว ทั้งขอบกระดาษลอกเป็นขุย ดูก็รู้ว่าเธออ่านบ่อย
ในใจจางจิ้งอานตอนแรกนึกไม่พอใจที่เธอตัดสินใจเอาเอง ทว่าเมื่อเห็นบทหนังที่เธอหยิบออกมา ความไม่พอใจนั้นจึงค่อยๆ สลายหายไป พลางพยักหน้าเพื่อบอกให้เจียงเซ่อพูดต่อไป
“ตอนที่พี่หลิวและคนอื่น ๆ จะต้องฉุดลากตัวถังจิ้งมานั้น ทรงผม การแต่งหน้าก็คงจะรักษาให้สมบูรณ์ไว้ไม่ได้อยู่ดีค่ะ”
ความหมายที่เธอต้องการสื่อคือไม่ต้องการตัวแสดงแทน นั่นทำให้จางจิ้งอานประหลาดใจบ้างและพูดกับเธอว่า
“การเล่นหนัง ยากจะเลี่ยงการเจอกับอุปสรรคนะ”
และเมื่อเล่นหนังแล้ว ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ก็ไม่สามารถจะรับประกันได้ว่าจะถ่ายเทคเดียวผ่าน
ยิ่งไปกว่าเจียงเซ่อเองก็ไม่ได้เล่นหนังเป็นครั้งแรก เธอก็น่าจะเข้าใจดี บางครั้งเราจะเห็นจุดพีคของหนังผ่านจอภาพยนตร์เพียงแวบเดียวเท่านั้น แต่เป็นไปได้มากว่าทางกองถ่ายคงจะต้องใช้เวลาถ่ายทำกว่าครึ่งวัน
สถานการณ์แบบนี้ เป็นไปได้มากที่จะทำให้เธอได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน
“ไม่เป็นไรค่ะ” เจียงเซ่อส่ายหัว “ความจริง การถ่ายออกมาละเอียดแบบนี้ก็เพื่อให้สมจริงยิ่งขึ้นนี่ค่ะ”
ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็เป็นส่วนช่วยอธิบายให้เธอเข้าใจบทหนังมากยิ่งขึ้น เธอมองจางจิ้งอานที่ยังคงขมวดคิ้ว พลางมองไปที่เซี่ยเชาฉวินที่อยู่ด้านนั้นด้วย ตอนที่เซ็นสัญญานั้นมีข้อสัญญาที่ระบุถึงร่างกายของนักแสดงหญิงของซื่อจี้หยินเหอเต็มๆ นี่จึงเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องไปถึงสัญญา
“เธอต้องการอย่างนี้จริงๆ เหรอ?”
จางจิ้งอานถามขึ้น เจียงเซ่อจึงผงกหัวลงพลางพูดว่า
“คุณยังจำตอนที่ฉันเล่นเป็นตัวประกอบในเรื่อง‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ได้ไหมคะ? ”
เธอพูดถึงฐานะของเธออย่างไม่ปิดบัง แม้ว่าทุกคนในวงการจะรู้เรื่องนี้กันดีอยู่แล้ว และสำหรับนักแสดงที่ไม่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเลยสักนิด สามารถเข้ามาเป็นตัวประกอบในกองถ่ายของจางจิ้งอานได้นั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าอายแต่อย่างใด
ซึ่งแตกต่างกับเจียงเซ่อที่ตอนนี้เธอมีชื่อเสียง และตอนนี้ได้มาเป็นนางเอกของกองถ่ายจางจิ้งอาน
นี่จึงเป็นที่มาที่ทำให้จางจิ้งอานประทับใจในตัวเธอ เจียงเซ่อจึงพูดต่อว่า
“ตอนที่ฉันมาเล่นเป็นตัวประกอบของคุณ ที่ต้องกระโดดลงน้ำ และแสดงเป็นศพน่ะคะ ”
ตอนนั้นเธอลำบากกว่าตอนนี้มาก การที่เธอมาโดนแบกมาลากไปในตอนนี้ ก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก?
พลันจางจิ้งอานก็ยิ้มออกมา แววตาอ่อนโยนหลายส่วน พลางพูดขึ้นว่า
“เซ่อเซ่อ ฉันพึ่งมาค้นพบ สาเหตุที่ว่าทำไมจ้าวร่างถึงชอบเธอมากนัก”
จ้างร่างเองก็ถือเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงของประเทศ แต่เขากลับประกาศว่าชอบและอยากร่วมงานกับเจียงเซ่อต่อหน้าสาธารณชนอยู่หลายต่อหลายครั้ง แม้ว่าสมัยนั้นเขาจะได้ร่วมงานกับเจียงเซ่อในการถ่ายหนังเรื่อง‘99 Love Letter’และไม่นับเรื่อง‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ที่เธอได้รับความนิยมมาก นอกจากบทบาทในหนังของเธอในตอนนั้นจะแตกต่างไปแล้ว ยังมีนิสัยของเธอคนนี้อีกด้วย
เธอไม่ได้ทำท่าทางโอ้อวดเพราะการมีชื่อเสียงในครั้งนี้ ตรงกันข้ามเธอยังคงสงวนท่าทีเดิมไว้ ซึ่งหาได้ยากมาก นี่คงจะเป็นเส้นทางที่ผ่านมาของเธอ เส้นทางของดาราในวงการบันเทิงที่มีชื่อเสียง การฉีกกฎศิลปะการแสดงถือเป็นสาเหตุที่สำคัญเป็นอย่างมาก
เจียงเซ่อถึงกับยิ้มออกมา เธอยื่นบทหนังให้เซี่ยเชาฉวินที่อยู่ข้างๆ และพูดว่า
“นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อเอาทักษะการแสดงของฉันมาเปรียบเทียบกับพวกพี่หลิวแล้ว ตัวฉันเองยังต้องเรียนรู้อีกเยอะน่ะค่ะ”
เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย หลิวเย่รวมไปถึงคนอื่น ๆ ก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่อยู่ในถุงกระสอบเป็นเจียงเซ่อไม่ใช่ตัวนักแสดงแทน แต่เพื่อสื่อให้เห็นถึงความโหดร้ายทารุณของแก็งโจร ดังนั้นตอนที่แบกร่างของเธอจึงไม่มีการออมมือเลยสักนิด
ภายในห้องอันมืดมิดแห่งนี้ ภาพความทรงจำในวัยเด็กที่เฝิงหนานโดนลักพาตัวไปค่อย ๆ ไหลเข้ามาในหัวของเธอเป็นฉาก ๆ
พลันเธอหวนนึกถึงความหวาดหวั่นยามที่เธอถูกบังคับให้ขึ้นรถ และสังหรณ์ใจไม่ดียามที่ถูกคนพวกนี้พาตัวไป โดยรู้สึกว่าตนจะสูญสิ้นอิสรภาพทีละน้อย ๆ ภายในถุงกระสอบสกปรก ๆ ที่ทางกองถ่ายเตรียมมาเต็มไปด้วยกลิ่นของสารเคมี แต่ถึงกระนั้นเจียงเซ่อก็ยอมที่จะปลดผนึกความทรงจำในอดีตออกมา
เฉิงเจี้ยนกั๋วและคนอื่นต่างแบกเธออย่างป่าเถื่อน กระทั่งตอนที่เธอถูกทิ้งอยู่บนพื้น เธอก็ส่งเสียงครวญครางออกมาอย่างเจ็บปวดและแฝงไปด้วยความอดทนอดกลั้น ที่ดูราวกับหวาดกลัวเป็นที่สุด
กลุ่มโจรอัดเสียงหอบครางที่แสนจะเจ็บปวดนี้ของเธอด้วยไมค์อัดเสียงเอาไว้เรียบร้อย
หัวหน้าแก็งลักพาตัวนำแสดงโดยดาราฮอลลีวูดชายอย่าง แดเนียล กระชากถุงกระสอบที่ใส่เจียงเซ่ออยู่ก่อนหน้านี้อย่างไม่ไยดี เพราะการถูกแบกก่อนหน้านี้ ทำให้เจียงเซ่อมีสภาพสะบักสะบอมไปหมด
ผมที่รวบผมเอาไว้เป็นอย่างดีในตอนแรกยุ่งเหยิงไปหมด เธอที่นอนคุดคู้ หัวไหล่ข้างหนึ่งยกขึ้นพลางฝังคางลงกับหัวไหล่ ซีกหน้าที่อยู่ท่ามกลางเส้นผมทำให้มองเห็นใบหน้าไม่ค่อยชัดนัก
ฉากนี้ไม่มีเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว และเธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจกลัวเกินกว่าเหตุ แต่ทว่าตอนนี้ทั้งท่าทางและการกระทำของเธอสามารถส่งผ่านไปถึงทุกๆ คนที่อยู่ในฉาก เธอสามารถถ่ายทอดความหวาดกลัวผ่านแววตาของเธอไปถึงทุกคน เธอในตอนนี้ไม่ใช่นักแสดงที่ชื่อเจียงเซ่ออีกแล้ว แต่เป็นสาวน้อยที่โดนลักพาตัวไปนามว่าถังจิ้งในหนังเรื่อง’PROOF OF LIFE’ตัวจริงเสียงจริงต่างหาก