webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

429

บทที่ 429 การตัดสินใจด้วยตัวเอง

“แต่งหน้าฉันให้เหมือนกับตอนที่ถ่ายที่เซี่ยงไฮ้ก็พอแล้วค่ะ”

เจียงเซ่อแอบกระซิบช่างแต่งหน้าเสียงเบา ช่างแต่งหน้าตอบเกรงๆ กลับมาว่า

“ได้แน่เหรอ?”

ตอนที่ถ่ายภาพยนตร์เรื่อง’PROOF OF LIFE’เขาเป็นคนรับผิดชอบแต่งหน้าให้เจียงเซ่อเอง

บทบาทที่เธอแสดงตอนที่อยู่เซี่ยงไฮ้ น่าจะเป็นไปตามที่จางจิ้งอานต้องการ เพียงแต่ทารองพื้นบางๆ เพิ่มอีกชั้นหนึ่ง เพื่อทำให้ใบหน้าของสาวน้อยดูผ่องมีออร่ายิ่งขึ้น และยังทำให้เธอขึ้นกล้องมากยิ่งขึ้น จนแทบจะดูเหมือนไม่ออกว่าแต่งหน้ามา หากแก้การแต่งหน้าให้กลายเป็นลุคที่เจียงเซ่อถ่ายหนังที่เซี่ยงไฮ้ในตอนนั้นล่ะก็ จางจิ้งอานไม่แน่ว่าจะพอใจ

ทว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ช่างแต่งหน้าเองก็คงไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้ว แม้ว่าเขาจะแต่งหน้าให้เจียงเซ่อจนทำให้ผู้กำกับใหญ่ไม่พอใจก็ตาม แต่ทว่าผู้กำกับใหญ่กลับไม่พูดสาเหตุที่ไม่พอใจนั่นออกมาเลย

เจียงเซ่อเองก็เป็นนางเอกในเรื่อง หลังจากเธอกระซิบจบ ช่างแต่งหน้าก็ตัดสินใจแต่งหน้าตามที่เธอขอ แม้จะเขาลังเลอยู่ชั่วครู่ ถึงค่อยลบเครื่องสำอางบนใบหน้าลำคอและบนมือด้วยรีมูฟเวอร์จนหมด และลงครีมใหม่ ตามด้วยแป้งบางๆ อีกชั้นหนึ่ง

ตอนที่เธอปรากฏตัวต่อหน้าจางจิ้งอานอีกครั้ง จางจิ้งอานถึงกับขมวดคิ้ว ช่างแต่งหน้าที่อยู่ข้างๆ พลันกระสับกระส่ายอยู่ไม่นิ่ง แต่โชคยังดีที่จางจิ้งอานไม่ได้มีท่าทีบ่งบอกว่าให้เขากลับไปแก้ใหม่อีกต่อไป

“คุณบอกให้เขาแก้งั้นเหรอ?”

ยังเหลือเวลาเกือบ 15 นาทีถึงจะเตรียมการถ่ายทำเรียบร้อย จางจิ้งอานจึงอาศัยโอกาสนี้พูดคุยกันกับเจียงเซ่อถึงตัวละครถังจิ้งในเรื่อง’PROOF OF LIFE’พอดี

“ใช่ค่ะ” เจียงเซ่อพยักหน้า หากเธอไม่อยากให้ช่างแต่งหน้าแก้ ช่างแต่งหน้าก็คงไม่กล้าแก้จนกลายมาเป็นแบบนี้แน่ ในใจของจางจิ้งอานเองก็รู้ดี

เธอตอบกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน นอกจากจางจิ้งอานจะมองด้วยสายตาประหลาดใจแล้ว ช่างแต่งหน้าก็ยังแสดงสีหน้าที่ประทับใจอีกด้วย

“ฉันเคยดูฉากนี้มาครั้งหนึ่งแล้วค่ะ ผู้กำกับจาง” มันเป็นฉากตอนที่ถังจิ้งโดนลักพาตัวจากงานปาร์ตี้วันเกิด จนมาถึงที่นี่ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันได้ลบเครื่องสำอางในวันเกิดครบรอบ 18 ปีของเธอนั่นเอง

เดิมทีเธอน่าจะเป็นคนสำคัญของบ้านตระกูลถัง แต่ทว่าตอนนี้คนบ้านตระกูลถังกลับไม่สนใจเรื่องที่เธอหายตัวไปเลยสักนิด

หากไม่ใช่เพราะ แก็งโจรส่งวีดีโอมาให้หลังจากที่เกิดเหตุ น่ากลัวว่าคนบ้านตระกูลถังจะไม่สะกิดใจว่าเธอตกอยู่ในอันตรายแม้แต่น้อย

เพราะเรื่องนี้ เจียงเซ่อจึงให้ช่างแต่งหน้าแต่งหน้าให้ตนเหมือนวันที่แต่งให้ในวันที่เล่นฉากงานวันเกิดของถังจิ้งที่เซี่ยงไฮ้ นี่คือจุดประสงค์

“เพราะหลังจากนั้นจะต้องมีสภาพมอมแมม ฉันเลยคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องทำให้ดูเลอะเทอะค่ะ” บทที่เจียงเซ่อถืออยู่เป็นบทหนังที่ทางกองถ่ายส่งมาให้เธอก่อนหน้านี้ เธอคงจะพลิกอ่านอยู่หลายครั้งจนมันเก่าบ้างแล้ว ทั้งขอบกระดาษลอกเป็นขุย ดูก็รู้ว่าเธออ่านบ่อย

ในใจจางจิ้งอานตอนแรกนึกไม่พอใจที่เธอตัดสินใจเอาเอง ทว่าเมื่อเห็นบทหนังที่เธอหยิบออกมา ความไม่พอใจนั้นจึงค่อยๆ สลายหายไป พลางพยักหน้าเพื่อบอกให้เจียงเซ่อพูดต่อไป

“ตอนที่พี่หลิวและคนอื่น ๆ จะต้องฉุดลากตัวถังจิ้งมานั้น ทรงผม การแต่งหน้าก็คงจะรักษาให้สมบูรณ์ไว้ไม่ได้อยู่ดีค่ะ”

ความหมายที่เธอต้องการสื่อคือไม่ต้องการตัวแสดงแทน นั่นทำให้จางจิ้งอานประหลาดใจบ้างและพูดกับเธอว่า

“การเล่นหนัง ยากจะเลี่ยงการเจอกับอุปสรรคนะ”

และเมื่อเล่นหนังแล้ว ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ก็ไม่สามารถจะรับประกันได้ว่าจะถ่ายเทคเดียวผ่าน

ยิ่งไปกว่าเจียงเซ่อเองก็ไม่ได้เล่นหนังเป็นครั้งแรก เธอก็น่าจะเข้าใจดี บางครั้งเราจะเห็นจุดพีคของหนังผ่านจอภาพยนตร์เพียงแวบเดียวเท่านั้น แต่เป็นไปได้มากว่าทางกองถ่ายคงจะต้องใช้เวลาถ่ายทำกว่าครึ่งวัน

   สถานการณ์แบบนี้ เป็นไปได้มากที่จะทำให้เธอได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน

“ไม่เป็นไรค่ะ” เจียงเซ่อส่ายหัว “ความจริง การถ่ายออกมาละเอียดแบบนี้ก็เพื่อให้สมจริงยิ่งขึ้นนี่ค่ะ”

ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็เป็นส่วนช่วยอธิบายให้เธอเข้าใจบทหนังมากยิ่งขึ้น เธอมองจางจิ้งอานที่ยังคงขมวดคิ้ว พลางมองไปที่เซี่ยเชาฉวินที่อยู่ด้านนั้นด้วย ตอนที่เซ็นสัญญานั้นมีข้อสัญญาที่ระบุถึงร่างกายของนักแสดงหญิงของซื่อจี้หยินเหอเต็มๆ นี่จึงเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องไปถึงสัญญา

“เธอต้องการอย่างนี้จริงๆ เหรอ?”

จางจิ้งอานถามขึ้น เจียงเซ่อจึงผงกหัวลงพลางพูดว่า

“คุณยังจำตอนที่ฉันเล่นเป็นตัวประกอบในเรื่อง‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ได้ไหมคะ? ”

เธอพูดถึงฐานะของเธออย่างไม่ปิดบัง แม้ว่าทุกคนในวงการจะรู้เรื่องนี้กันดีอยู่แล้ว และสำหรับนักแสดงที่ไม่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเลยสักนิด สามารถเข้ามาเป็นตัวประกอบในกองถ่ายของจางจิ้งอานได้นั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าอายแต่อย่างใด

  ซึ่งแตกต่างกับเจียงเซ่อที่ตอนนี้เธอมีชื่อเสียง และตอนนี้ได้มาเป็นนางเอกของกองถ่ายจางจิ้งอาน

นี่จึงเป็นที่มาที่ทำให้จางจิ้งอานประทับใจในตัวเธอ เจียงเซ่อจึงพูดต่อว่า

“ตอนที่ฉันมาเล่นเป็นตัวประกอบของคุณ ที่ต้องกระโดดลงน้ำ และแสดงเป็นศพน่ะคะ ”

ตอนนั้นเธอลำบากกว่าตอนนี้มาก การที่เธอมาโดนแบกมาลากไปในตอนนี้ ก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก?

พลันจางจิ้งอานก็ยิ้มออกมา แววตาอ่อนโยนหลายส่วน พลางพูดขึ้นว่า

   “เซ่อเซ่อ ฉันพึ่งมาค้นพบ สาเหตุที่ว่าทำไมจ้าวร่างถึงชอบเธอมากนัก”

จ้างร่างเองก็ถือเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงของประเทศ แต่เขากลับประกาศว่าชอบและอยากร่วมงานกับเจียงเซ่อต่อหน้าสาธารณชนอยู่หลายต่อหลายครั้ง แม้ว่าสมัยนั้นเขาจะได้ร่วมงานกับเจียงเซ่อในการถ่ายหนังเรื่อง‘99 Love Letter’และไม่นับเรื่อง‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ที่เธอได้รับความนิยมมาก นอกจากบทบาทในหนังของเธอในตอนนั้นจะแตกต่างไปแล้ว ยังมีนิสัยของเธอคนนี้อีกด้วย

เธอไม่ได้ทำท่าทางโอ้อวดเพราะการมีชื่อเสียงในครั้งนี้ ตรงกันข้ามเธอยังคงสงวนท่าทีเดิมไว้ ซึ่งหาได้ยากมาก นี่คงจะเป็นเส้นทางที่ผ่านมาของเธอ เส้นทางของดาราในวงการบันเทิงที่มีชื่อเสียง การฉีกกฎศิลปะการแสดงถือเป็นสาเหตุที่สำคัญเป็นอย่างมาก

เจียงเซ่อถึงกับยิ้มออกมา เธอยื่นบทหนังให้เซี่ยเชาฉวินที่อยู่ข้างๆ และพูดว่า

“นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อเอาทักษะการแสดงของฉันมาเปรียบเทียบกับพวกพี่หลิวแล้ว ตัวฉันเองยังต้องเรียนรู้อีกเยอะน่ะค่ะ”

เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย หลิวเย่รวมไปถึงคนอื่น ๆ ก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่อยู่ในถุงกระสอบเป็นเจียงเซ่อไม่ใช่ตัวนักแสดงแทน แต่เพื่อสื่อให้เห็นถึงความโหดร้ายทารุณของแก็งโจร ดังนั้นตอนที่แบกร่างของเธอจึงไม่มีการออมมือเลยสักนิด

ภายในห้องอันมืดมิดแห่งนี้ ภาพความทรงจำในวัยเด็กที่เฝิงหนานโดนลักพาตัวไปค่อย ๆ ไหลเข้ามาในหัวของเธอเป็นฉาก ๆ

พลันเธอหวนนึกถึงความหวาดหวั่นยามที่เธอถูกบังคับให้ขึ้นรถ และสังหรณ์ใจไม่ดียามที่ถูกคนพวกนี้พาตัวไป โดยรู้สึกว่าตนจะสูญสิ้นอิสรภาพทีละน้อย ๆ ภายในถุงกระสอบสกปรก ๆ ที่ทางกองถ่ายเตรียมมาเต็มไปด้วยกลิ่นของสารเคมี แต่ถึงกระนั้นเจียงเซ่อก็ยอมที่จะปลดผนึกความทรงจำในอดีตออกมา

เฉิงเจี้ยนกั๋วและคนอื่นต่างแบกเธออย่างป่าเถื่อน กระทั่งตอนที่เธอถูกทิ้งอยู่บนพื้น เธอก็ส่งเสียงครวญครางออกมาอย่างเจ็บปวดและแฝงไปด้วยความอดทนอดกลั้น ที่ดูราวกับหวาดกลัวเป็นที่สุด

กลุ่มโจรอัดเสียงหอบครางที่แสนจะเจ็บปวดนี้ของเธอด้วยไมค์อัดเสียงเอาไว้เรียบร้อย

หัวหน้าแก็งลักพาตัวนำแสดงโดยดาราฮอลลีวูดชายอย่าง แดเนียล กระชากถุงกระสอบที่ใส่เจียงเซ่ออยู่ก่อนหน้านี้อย่างไม่ไยดี เพราะการถูกแบกก่อนหน้านี้ ทำให้เจียงเซ่อมีสภาพสะบักสะบอมไปหมด

ผมที่รวบผมเอาไว้เป็นอย่างดีในตอนแรกยุ่งเหยิงไปหมด เธอที่นอนคุดคู้ หัวไหล่ข้างหนึ่งยกขึ้นพลางฝังคางลงกับหัวไหล่ ซีกหน้าที่อยู่ท่ามกลางเส้นผมทำให้มองเห็นใบหน้าไม่ค่อยชัดนัก

ฉากนี้ไม่มีเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว และเธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจกลัวเกินกว่าเหตุ แต่ทว่าตอนนี้ทั้งท่าทางและการกระทำของเธอสามารถส่งผ่านไปถึงทุกๆ คนที่อยู่ในฉาก เธอสามารถถ่ายทอดความหวาดกลัวผ่านแววตาของเธอไปถึงทุกคน เธอในตอนนี้ไม่ใช่นักแสดงที่ชื่อเจียงเซ่ออีกแล้ว แต่เป็นสาวน้อยที่โดนลักพาตัวไปนามว่าถังจิ้งในหนังเรื่อง’PROOF OF LIFE’ตัวจริงเสียงจริงต่างหาก