webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

428

บทที่ 428 จิตใจ

เจียงเซ่อปิดกล้องที่เซี่ยงไฮ้อย่างรวดเร็ว หลังจากกองถ่ายถ่ายทำฉากที่เซี่ยงไฮ้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้าไปสถานที่ถ่ายทำต่อไปโดยจะเริ่มถ่ายต้นเดือนตุลาคม

   สถานที่ถ่ายทำตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่านครใหม่แห่งหนึ่งของมณฑลหนานเจียง ซึ่งคนของบริษัทจางจิ้งอานศึกษาและตรวจสอบนานกว่าครึ่งปี จนในที่สุดจางจิ้งอานก็ตกลงเลือกเป็นสถานที่ถ่ายทำ

เมื่อปีที่แล้วคนของจางจิ้งอานเจรจาสัญญาเช่านครใหม่กับทางรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว สถานที่ถ่ายทำแห่งนี้ห่างไกลจากตัวเมือง มีทัศนียภาพงดงาม

แม้นครใหม่จะไม่ได้มีชื่อเสียงนัก แต่การมาที่แห่งนี้โดยทีมงานของจางจิ้งอาน ไม่ต้องคิดดก็รู้ ว่าหลังจากที่ภาพยนตร์ออกฉายจะสามารถสร้างชื่อเสียงให้ที่แห่งนี้ได้อย่างมหาศาลแค่ไหน ไม่แน่ว่าการท่องเที่ยวในอนาคตอาจจะเจริญ มีชื่อเสียงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และตอนที่คนของกองถ่ายมาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคนที่นี่

ผู้คนจำนวนมากนั่งเครื่องมามณฑลหนานเจียงก่อน แล้วค่อยนั่งรถบัสที่ทางกองถ่ายเหมาเอาไว้ล่วงหน้ามาที่นี่

รถบัสกลุ่มแรกมีเจียงเซ่อ หลิวเย่รวมถึงคนอื่นๆ นั่งมากับจางจิ้งอาน ตอนที่มาถึงนครใหม่พึ่งจะบ่ายโมงกว่าเท่านั้น

เพราะอุณหภูมิของที่นี่ต่ำกว่าเซี่ยงไฮ้ เจียงเซ่อจึงต้องสวมกางเกงยีนส์ เดิมทีท่อนบนสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวอยู่ แต่เมื่อลงจากรถถึงรับรู้ได้ว่าอากาศค่อนข้างหนาว ดังนั้นเซี่ยเชาฉวินจึงรีบเตรียมเสื้อไหมพรมคลุมทับตัวเธอ เธอหันมายิ้มให้เซี่ยเชาฉวิน และเอ่ยคำขอบคุณ

“พี่เชาฉินเอาใจใส่จริงๆ เลยนะคะ”

หลิวเย่ที่เห็นฉากนี้เข้าถึงกับอมยิ้มเลยทีเดียว

เซี่ยเชาฉวินไม่ได้มีหน้าที่แค่ติดต่อเรื่องงานเท่านั้น เพระเธอยังมีสปิริตในการดูแลดารานักแสดงได้อย่างดีเยี่ยมจนเป็นที่ยอมรับกับคนส่วนใหญ่

ก่อนที่กองถ่ายจะออกเดินทาง เธอเตรียมการสอบถามภูมิประเทศ อากาศและเรื่องทั่วไปของนครใหม่มาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเธอจึงพกเสื้อไหมพรมติดกระเป๋ามาด้วยก็เพื่อเวลาหนาวแบบตอนนี้เอง

หลิวเย่นับเป็นเพื่อนเก่าของเซี่ยเชาฉวินก็ว่าได้ แถมทั้งสองยังอายุไล่เลี่ยกัน เมื่อมีเวลาพูดคุยอยู่สองสามประโยค เจียงเซ่อจึงยืนอยู่ข้างๆ เงียบๆ ขณะเดียวกันพนักงานก็ถือแผนที่วาดเสร็จเรียบร้อยมาให้จางจิ้งอานที่กำลังนัดแนะสถานที่อยู่

โม่อานฉีที่ถือเสปรย์กันยุงอยู่ จัดแจงฉีดเสปรย์ลงกลางฝ่ามือ หลังจากนั้นก็ทาลงบริเวณซอกคอและข้อมือของเจียงเซ่อ แล้วก็หยิบพัดมาพัดไล่ยุงให้แทนเจียงเซ่อด้วย

  ครั้งนี้เจียงเซ่อต้องอยู่ที่นี่เกือบสองเดือนกว่า แต่นั่นเป็นกรณีที่การถ่ายทำเป็นไปอย่างราบรื่น หากไม่ราบรื่นก็คงไม่แคล้วต้องอยู่ไม่ต่ำกว่าร้อยวันก็เป็นไปได้

เดือนตุลาคมต้องมาอยู่ในที่แบบนี้ก็อาจจะมีงูเงี้ยวเขี้ยวขอได้ ดังนั้นเจียงเซ่อจึงนำกระเป๋าเดินทางมาเจ็ดแปดใบ ภายในนั้นบรรจุทั้งเสื้อผ้า เครื่องประทินผิว หยูกยาและอื่นๆ เต็มไปหมด ขณะที่คนในกองถ่ายกำลังเคลื่อนย้ายกระเป๋าเดินทางและอุปกรณ์ถ่ายภาพยนตร์ก็อดทึ่งไปกับกระเป๋าเดินทางของเจียงเซ่อไม่ได้

เมื่อรถขับมาถึงตรงนี้ ก็ยากที่จะเคลื่อนตัวเข้าไปด้านในแล้ว ป่าไม้เขียวชอุ่มเป็นจุดเด่นของนครใหม่แห่งนี้ และนี่ก็คงเป็นเหตุผลที่จางจิ้งอานพอใจที่แห่งนี้

ที่แห่งนี้ยังไม่ถูกค้นพบโดยสมบูรณ์ ร่องรอยการใช้ชีวิตของผู้คนก็ยังไม่มาก เขาเคยมาที่นี่สองสามครั้ง ในภูเขามีแม้กระทั่งกองทัพลิงป่า

เขาเรียกหลิวเย่และเจียงเซ่อมาพูดคุยแผนการถ่ายทำภาพยนตร์ และเลื่อนเวลาในการเตรียมการสองวันถึงจะถ่ายทำ เพื่อให้เวลาทีมงานคุ้นเคยและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม

จางจิ้งอานและหลิวเย่ต่างสนใจป่าเขาแห่งนี้เป็นอย่างมาก ทว่าสีหน้าของเจียงเซ่อกลับขาวซีด เมื่อครึ่งปีก่อนกองถ่ายมาที่แห่งนี้ ก็เพื่อเซตฉากต่าง ๆ ที่ต้องถ่ายทำให้เรียบร้อย ทว่ายิ่งเดินขึ้นเขาเจียงเซ่อยิ่งรู้สึกหวาดผวา

แม้เธอจะเป็นคนตกลงเล่นภาพยนตร์เรื่อง ‘PROOF OF LIFE’เรื่องนี้เอง นอกจากจะเพราะเป็นโอกาสที่หาได้ยากและมีการสนับสนุนของเผยอี้แล้ว เพราะเผยอี้คิดว่าจะสามารถทำให้เธอกลับไปยังความทรงจำที่ผ่านมาในอดีตได้ เพื่อเผชิญหน้ากับอดีตของตน เป็นผลดีในการเยียวยาเงามืดในใจของเธอ

เป็นเพราะการเรียน ถ่ายหนังและท่องบทจนคล่องแคล่วภายในสองสามเดือนก่อนหน้านี้ ทำให้เจียงเซ่อรู้สึกว่าตนค่อยๆ เอาชนะความกลัวลงได้ ทุกครั้งที่ท่องบท ความทรงจำมากมายก็จะหลั่งไหลออกมาทีละน้อย ๆ จริง ๆ แล้วเธอเคยปรารถนาจะนึกให้ออก ไม่ปรารถนาเงามืดในจิตใจอันหนักหน่วงที่เหมือนจะยังหลงเหลืออยู่อย่างก่อนหน้านี้

อาจเป็นเพราะระหว่างถ่ายหนังที่เซี่ยงไฮ้ ไม่มีบทที่เกี่ยวข้องกับการลักพาตัวจริงๆ ก็เป็นได้ เธอถึงสามารถแสดงความสามารถที่มีอยู่ออกมาได้อย่างเต็มที่

สถานที่ที่มีบ้านเรือนอยู่น้อยนิดแบบนี้ ไม่ได้มีความเจริญและความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นก็คอการเผชิญกับภูเขาและป่าไม้แบบนี้ เธอเริ่มรู้สึกหนาวขึ้นมาโดยพลัน ความรู้สึกเหน็บหนาวแบบนั้นไม่ได้มาจากอากาศ แต่มาจากความทรงจำในส่วนลึกของจิตใจ

“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”เซี่ยเชาฉวินสังเกตเห็นท่าทางที่ผิดปกติของเจียงเซ่อ จึงเอ่ยถามขึ้น เจียงเซ่อลังเลอยู่ชั่วครู่พลางส่ายหน้าช้าๆ ทว่าในใจกลับว้าวุ่นไม่เป็นสุข พิงหัวตนเข้ากับไหล่ของเซี่ยเชาฉวินพลางพูดว่า

“พี่เชาฉวินคะ”

ที่แปลกประหลาดแบบนี้ หล่อนเป็นคนเพียงคนเดียวที่เธอคุ้นเคยตอนที่ยังเป็นเฝิงหนาน น้อยครั้งที่เธอจะแสดงท่าทางออดอ้อนแบบนี้ แต่การกระทำแบบนั้นก็ทำให้เซี่ยเชาฉวินแปลกใจไม่น้อย แต่เซี่ยเชาฉวินกลับไม่ได้ผลักเธออก

“มีอะไรเหรอ?”

“ดีจริงๆ ที่ฉันมีพี่มาที่นี่เป็นเพื่อน” เธอพูดเสียงแผ่วเบา จนเซี่ยเชาฉวินอดกังวลว่าเธอจะไม่สบาย จึงยื่นมือออกไปสัมผัสที่หน้าผากของเธอ เมื่อมั่นใจว่าเธอไม่ได้มีไข้ จึงคลายความกังวล

หลังจากกองถ่ายยึดพื้นที่ในหมู่บ้านเป็นที่มั่นสำหรับการถ่ายทำแล้ว ชาวบ้านต่างกรูเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น จนชาวบ้านรู้ว่าเรื่องที่กำลังถ่ายอยู่นั้น เป็นเรื่องที่กำลังจะออนแอร์ ดังนั้นจึงมองทีมงานด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความอิจฉาแกมเลื่อมใส ก็คงจะเป็นอย่างที่คนในพื้นที่ได้เคยเอ่ยเอาไว้ว่า ไม่บ่อยนักที่ชาวบ้านจะมาขอลายเซ็นและขอถ่ายรูปกับทางกองถ่าย

หลังจากที่ได้พักผ่อนมาสองวัน ถึงจะเริ่มถ่ายกันอย่างเป็นทางการ ทว่าเวลาทั้งหมดของเจียงเซ่อเกือบจะหมดไปกับการถ่ายในนครใหม่แห่งนี้ ต่อมาทางกองถ่ายก็เลยสร้างกระท่อมไว้บนภูเขา

ในภูเขามีอากาศที่ค่อนข้างชื้น และหนาวกว่าข้างล่าง แม้ว่าตอนนี้อากาศแจ่มใส แสงอาทิตย์กลับไม่สาดแสงเข้าถึงต้นไม้เลย

หลังจากที่เจียงเซ่อเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่กระท่อม เธอก็ยังคงสวมชุดราตรีสีชมพูที่เคยถ่ายตอนงานวันเกิดของถังจิ้งที่เซี่ยงไฮ้ในวันนั้น

ช่างแต่งหน้าเติมรองพื้นให้เธอ เป็นตอนที่เธอพึ่งจะได้สติหลังจากที่เธอแสดงฉากที่โดนโจรลักพาตัวมายังที่แห่งนี้

เพื่อให้สอดคล้องกับบทที่แสดง ช่างแต่งหน้าจึงต้องเติมรองพื้นที่ค่อนข้างขาวให้กับเธอ และเติมแต่งตาให้ดวงตาดำขลับรับกับใบหน้าที่ขาวราวหิมะนั่น ทรงผมก็จัดแต่งให้ดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย เมื่อเธอแต่งหน้าเสร็จจึงออกมา และแวบแรกที่จางจิ้งอานเห็นถึงกับขมวดคิ้ว

เธอแต่งหน้าได้แปลกพิกล ทั้งรองพื้นหนาเตอะเกินไป แถมเพื่อให้สีผิวดูเสมอกัน ช่างแต่งหน้าถึงขั้นทาไปถึงคอและมือของเธอด้วย มันดูขาวจนเยิ้มออกมาเล็กน้อย จางจิ้งไม่ได้ต้องการผลลัพธ์แบบนี้ เขาส่ายหัวแล้วขอให้ไปแต่งใหม่อีกครั้ง

แม้ว่าเขาไม่ได้บอกความต้องการของตนออกไป แต่นั่นกลับทำให้ช่างแต่งหน้าสั่นกลัวจนต้องรีบพาเจียงเซ่อกลับไปแต่งหน้ามาใหม่หลายต่อหลายครั้ง ทว่าก็ยังไม่สามารถทำให้จางจิ้งอานพอใจได้อยู่ดี จนช่างแต่งหน้าคนนี้เริ่มกระสับกระส่ายแล้ว

เขาไม่กลัวหากจะทำตามที่จางจิ้งอานขอร้อง แต่สิ่งที่กลัวที่สุดคือกลัวจางจิ้งอานจะไม่ขอร้องเขาแบบนี้ต่างหาก การไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก เปลี่ยนมาเปลี่ยนไปก็ยังไม่ถูกใจผู้กำกับใหญ่สักนิด

เมื่อแต่งหน้ามาจนถึงรอบที่สี่ ช่างแต่งหน้าคนนี้ก็ดูเหมือนจะตื่นเต้นยิ่งกว่าเจียงเซ่อเสียอีก ทั้งๆ ที่อากาศในภูเขาหนาวเย็นอย่างนี้ ทว่าเหงื่อกลับท่วมเต็มหน้าผากจนเปื้อนคิ้วที่เขาเขียนอย่างสวยงามหมดแล้ว ดูไปแล้วอเนจอนาถนัก บทที่อยู่ในมือเขาคือบทที่เจียงเซ่อแสดงมาไม่ต่ำกว่าห้าครั้งแล้ว เป็นฉากในปาร์ตี้งานวันเกิดของถังจิ้งวันนั้น เธอยังไม่ทันลบเครื่องสำอาง ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็โดนคนลักพาตัวมาในเขานี้ซะก่อน การที่ต้องเผชิญหน้ากับโจรเรียกค่าไถ่ที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้ เธอหวาดกลัวเหลือเกิน