webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

426

บทที่ 426 ปม

เสี่ยวหลิวไม่พูดเสียก็ดี พอพูดแบบนี้ พลันความโกรธก็พวยพุ่งขึ้นในใจของเฝิงหนานเสียแล้ว

“ปกป้องเหรอ?” ก่อนหน้านี้เสี่ยวหลิวยังพูดอยู่เลยว่าเฝิงจงเหลียงต้องการจะริบของของหล่อนหลับคืนไป หากตนเกิดเรื่องอะไรขึ้น เฝิงจงเหลียงยังจะมาปกป้องหรือ?

หล่อนนึกถึงเรื่องที่ตนทำอะไรก็ติดขัดไม่ราบรื่นไปเสียทุกอย่างในปีนี้ขึ้นมา ความสัมพันธ์ในครอบครัวก็ห่างเหิน ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ E.B แต่เพราะเจียงเซ่อเข้ามาสอดเลยทำให้หล่อนต้องห่างเหินกับคุณ Bueler และทำให้หล่อนสูญเสียโอกาสนี้ไป

   เมื่อเทียบกันแล้ว เจียงเซ่อกลับทำอะไรก็สำเร็จราบรื่นไปเสียทุกอย่าง

เมื่อข่าวที่เจียงเซ่อได้ร่วมงานกับหลิวเย่อีกครั้งกระจายไปทั่วโลกโซเชียล ไม่ว่าแฟนคลับของหลิวเย่กับคนในวงการจะเห็นด้วยหรือคัดค้านที่ทั้งสองคนร่วมงานกันอีกครั้ง ทว่าเรื่องนี้กลับไม่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นของเจียงเซ่อเลยสักนิด

กระทั่งมีข่าวลือว่าค่าตัวของเจียงเซ่อพุ่งสูงถึงห้าสิบล้านแล้ว แถมนั่นยังเป็นภาพยนตร์ของจางจิ้งอานอีกด้วย!

ภาพยนต์เรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ เรื่องนี้นักแสดงนำหญิงที่วางตัวไว้แต่แรกไม่ควรจะเป็นเจียงเซ่อแต่เป็นเถาเฉิน เถาเฉินเองก็จะอาศัยชื่อเสียงที่ได้ร่วมงานกับหลิวเย่ในเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ทำให้ฝีมือการแสดงของหล่อนได้รับการยอมรับ จอีกบคว่ทไว้วางใจ้งกับหลิวเย่่อนี่น้วยลับีกครั้งก็ตามจนกลายเป็นคู่จิ้นกับหลิวเย่บนจอแก้ว และได้เลื่อนสถานะขึ้นไปอีกขั้น

แต่ตอนนี้โอกาสของเถาเฉินโดนเจียงเซ่อแย่งไปแล้ว และตอนนั้นในงานที่ ‘สือไต้เฟิงฉาย’ เป็นผู้จัดหล่อนก็ได้ทุ่มเงินไปมากมายเพื่อซื้อลายเซ็นของจางจิ้งอานไว้ ตอนนี้ดูแล้วกลับไม่มีประโยชน์เลยสักนิด!

   “แล้วที่เขาอยากจะได้ของพวกนี้คืน เพราะเตรียมจะเอาไปให้ใครกันล่ะหา?”

ไฟแห่งความโกรธโหมกระหน่ำอยู่ภายในใจของหล่อน จึงไม่ได้สนใจคำเตือนของเสี่ยวหลิวสักนิด กระทั่งด่าทอออกมาด้วยความโกรธ เสี่ยวหลิวเงียบลง ฟังหล่อนระเบิดอารมณ์ใส่ พลางทอดถอนใจคิดว่า หลายปีมานี้เฝิงหนานนิสัยเลวร้ายลงเรื่อยๆ ก็ไม่แปลกที่จะไม่ได้ใจของนายท่าน

ความเห็นใจที่เขามีต่อเฝิงหนานในตอนแรกค่อยๆ สลายหายไป พลางนึกว่าช่างโชคดีเหลือเกิน ที่คนที่โทรหาหล่อนเป็นเขาไม่ใช่เฝิงจงเหลียง ไม่อย่างนั้นหากเขาได้ยินเฝิงหนานพูดแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะโกรธขนาดไหน

“มีขั้นตอนการดำเนินการบางอย่าง จำเป็นต้องให้คุณหนูเซ็นชื่อด้วยตัวเองครับ”

“ฉันไม่มีทางเซ็นหรอก!”เฝิงหนานพูดเสียงเข้ม เสี่ยวหลิวถอนหายใจอีกครั้ง การตอบสนองของแบบนี้หล่อนเป็นอย่างที่เฝิงจงเหลียงคาดไว้ไม่มีผิด

“คุณหนูเฝิงหนานครับ คุณหนูยังมีบริษัทที่จะต้องบริหาร แล้วยังจะมีภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายในเดือนมีนาคมปีหน้าอีก ถ้ายังอยากจะอยู่ในวงการนี้ต่อไป และยังอยากใช้ชื่อของวิสาหกิจจงหนานในการเข้าร่วมงานเลี้ยงแล้วล่ะก็ ทางที่ดีรีบเซ็นคืนของเหล่านี้ให้เสร็จไปจะดีกว่านะครับ”

“นี่แกขู่ฉันเหรอ?”

พอเฝิงหนานได้ยินแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธมากขึ้น เสี่ยวหลิวก็พูดว่า

  “ไม่ใช่แน่นอนครับ”

ความจริงแล้ว คำพูดของเฝิงจงเหลียงก่อนหน้านี้ต่างหากถึงจะเรียกว่าข่มขู่อย่างแท้จริง เขาเพียงใช้คำพูดของเฝิงจงเหลียงมาปรับเปลี่ยนน้ำเสียงเพื่อให้เฝิงหนานเข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

ถ้าไม่มีเงินปันผลจากหุ้นของวิสาหกิจจงหนาน แล้วยังไม่มีชื่อของบ้านตระกลูเฝิงคอยสนับสนุนอีก อย่างนั้นฐานะของเฝิงหนานสำหรับหล่อนแล้ว ก็ไม่มีความหมายอะไรเลยสิ

เฝิงหนานรู้แก่ใจดีว่า ด้วยฐานะของเฝิงจงเหลียงแล้ว หากเขาอยากจะแบนหนังของหล่อนไม่ให้เข้าฉาย หากเขาอยากจะโจมตีบริษัทที่หล่อนบริหารก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ถ้าหากเขาจับตามองตนจริงๆ แล้วล่ะก็ หล่อนก็อาจจะอยู่ในวงการนี้ต่อไปได้ยากแล้ว

ไม่มีค่าตอบแทนจากการเป็นดารา ไม่มีของสะสมและเงินปันผลอีกแบบนี้ หล่อนก็กลายเป็นคนไม่มีเงินติดตัวแม้แต่แดงเดียว ได้แต่ยอมให้คนอื่นมาควบคุม นี่ไม่เรียกว่าข่มขู่แล้วจะเรียกว่าอะไรกันล่ะ?

ภาพยนต์เรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ เฉิงเจี้ยนกั๋วที่รับบทโดยหลิวเย่นั้นเป็นตัวละครที่เด่นที่สุด เรื่องราวก็จะค่อยๆ เปิดฉากและดำเนินไปเรื่อยๆ รอบๆ ตัวเขา

ฉากที่เจียงเซ่อต้องแสดงที่เซี่ยงไฮ้มีไม่มาก แต่ฉากหนึ่งที่สำคัญมากคือฉากที่เธอจะได้พบกับหลิวเย่ซึ่งรับบทเป็นเฉิงเจี้ยนกั๋ว

ภายในบ้านของถังเหว่ยหัว ถังเหว่ยหัวกำลังจัดงานปาร์ตี้วันเกิดฉลองอายุครบ 18 ปี ให้ลูกสาว เหล่าเซเลบและคนที่มีหน้ามีตาในสังคมที่มารวมตัวอยู่ภายในในห้องรับแขก ถังเหว่ยหัวเป็นคนเชิญมาทั้งหมด

เวลานี้เฉิงเจี้ยวกั๋วกำลังร้อนใจมากเรื่องค่ารักษาพยาบาลและค่าปลูกถ่ายหัวใจของลูกสาว เขาเลยเข้าร่วมขบวนการลักพาตัว เตรียมตัวที่จะลักพาตัวถังจิ้ง

โทมัสผู้เป็นหัวหน้าแก๊งให้เขาแทรกซึมเข้าไปเป็นคนรับใช้ในบ้านตระกูลถังก่อนถึงเวลาลงมือ

ตอนที่ถังจิ้งปรากฎตัวในชุดราตรีต่อหน้าผู้คนมากมาย โดยมีผู้เป็นมารดาคอยจูงมืออยู่นั้น ก็ได้สร้างความตกตะลึงให้แก่ผู้คนไม่น้อย รวมไปถึงคนร้ายที่ใจจดใจจ่อที่จะลักพาตัวถังจิ้งด้วย

ฉากนี้ถ่ายได้ไม่ค่อยจะราบรื่นนัก เพราะเกือบจะหนึ่งอาทิตย์แล้วที่ฉากในบ้านตระกูลถังนั้นโดนสั่งคัท และนั่นทำให้จางจิ้งอานขมวดคิ้วหนักขึ้นทุกวันๆ

เดิมทีเขาวางแผนถ่ายฉากในเซี่ยงไฮ้ให้เสร็จภายในครึ่งเดือน แล้วก็เปลี่ยนที่ถ่ายทำแท้ๆ แต่จนตอนนี้ก็ใช้เวลากว่าครึ่งของแผนเดิมของเขาแล้ว ความคืบหน้ากลับล่าช้าเป็นอย่างมาก แม้ผู้กำกับจะไม่ได้เกรี้ยวกราด แต่ก็ยังมีผลกับคนในกองไม่น้อย ทำให้คนในกองถ่ายดูระมัดระวังมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

คนกลุ่มหนึ่งกำลังชนแก้วกันอยู่ในงาน นอกเฟรมเป็นขวดเหล้าที่วางอยู่กองใหญ่

ในห้องที่ตกแต่งตกแต่งเรียบร้อยแล้วนั้น เลนส์กล้องโฟกัสไปที่ลูกสาวคนโตและลูกเขยของถังเหว่ยหัว สองคนที่อยู่ในฉากดูประหม่ามาก ยากที่จะผ่อนคลายท่าทีนั้นลงได้

   “...เพื่อจิ้งเอ่อร์คืนนี้คุณพ่อ...”เป็นบทพูดของนักแสดงหญิงที่กำลังพิงราวบันไดอยู่ เพิ่งจะพูดบทไปเท่านั้น จางจิ้งอานก็ส่ายหัวแล้วผู้ช่วยก็ตะโกน ‘Cut’ ขึ้นมา หล่อนรีบยกแก้วเหล้าขึ้นมาพลางยืดตัวตรงด้วยท่าทีลนลานในทันที

   ตรงมุมหนึ่งของบันไดมีชั้นวางของที่ด้านบนมีแจกันดอกไม้วางไว้อยู่ หล่อนขยับตัวออกห่างแจกันดอกไม้เล็กน้อยตามสัญชาตญาณ จางจิ้งอานขมวดคิ้วพลางส่ายหัวและพูดกำชับกับผู้ช่วยหลายประโยค

“เธอเป็นอะไรหา?”

พลันผู้ช่วยก็นิ้วไปที่หล่อนพลางด่าว่า “บทที่เธอแสดงน่ะคือเซเลบสาวนะ อย่ามาทำท่าทางกระมิดกระเมี้ยนให้มากนัก คนอื่นเขาจะเข้าใจว่าเธอเป็นย่าหลิวที่เข้ามาชมอุทยานต้ากวนครั้งแรกอย่างนั้นแหละ จะตื่นกลัวอะไรนักหนา!”

ตอนแรกเพื่อต้องการถ่ายหนังออกมาให้สมจริง จางจิ้งอานได้ใช้สัมพันธ์ของเพื่อนเป็นกรณีพิเศษโดยขอยืมที่แห่งนี้มาเป็นคฤหาสน์ตระกูลถัง ส่วนเจ้าบ้านก็คือแฟนหนังของจางจิ้งอานนั่นเอง เมื่อได้ยินว่าจางจิ้งอานต้องการบ้านของตนมาเป็นฉากในการถ่ายหนัง จึงให้ยืมโบราณวัตถุมาเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากอีกด้วย

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วแม้ว่าการตกแต่งสถานที่ถ่ายทำ จะทำเพื่อให้รู้สึกถึงความเป็นบ้านตระกูลถังผู้มั่งคั่งร่ำรวยตามเนื้อเรื่อง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นที่มาของความวุ่นวายอีกอย่างด้วยเช่นกัน

หลังจากที่นักแสดงบางคนรับรู้ถึงมูลค่าของประกอบฉากที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา ก็พากันมือไม้สั่นไปหมด ด้วยกลัวว่าจะไปทำให้ของประดับที่ไม่อาจประเมินค่าทุกชิ้นของที่นี่ตกแตกเข้า ช่วงที่ถ่ายหนังนักแสดงจึงไม่สามารถแสดงบทคนรวยที่เป็นธรรมชาติออกมาได้ เดิมทีคิดว่าวันสองวันก็น่าจะต้องถ่ายเสร็จตามเนื้อเรื่องแล้ว แต่กลับต้องยืดเยื้อออกไปเป็นอาทิตย์

“หลังจากเปิดกล้องที่นี่ก็คือ ‘บ้าน’ ของเธอ เธอจะกังวลว่าจะทำแก้ว ถ้วยชามในบ้านของตัวเองตกแตกรึไง? ”

ถ่ายฉากเดียวหลายต่อหลายครั้ง จนผู้ช่วยด่าทออย่างเกรี้ยวกราดพลางชี้ไปที่นักแสดงหญิงที่ขอโทษขอโพยไม่หยุด สุดท้ายจางจิ้งอานก็ดูเวลา บอกเป็นนัยให้เริ่มถ่ายใหม่อีกครั้ง

“เวลาของทุกคนที่นี่มีค่ามากนะ หากทำไม่ได้ก็เปลี่ยนตัวไปซะ!”

พอได้ฟังคำพูดนี้ นักแสดงหญิงคนนั้นแทบจะร้องไห้ แต่ยังอดกลั้นเอาไว้ได้ การที่จะเข้ามากองถ่ายของจางจิ้งอานนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การจะออกไปกลับเป็นแค่เรื่องง่ายๆ หล่อนควบคุมอารมณ์อยู่ชั่วครู่ และให้ช่างแต่งหน้าแต่งหน้าให้ใหม่ แล้วจึงถ่ายฉากนี้ใหม่อีกครั้ง

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโดนต่อว่าไปก่อนหน้านี้หรือว่าเพราะคลายความกังวลใจเรื่องที่กลัวจะทำของตกแตกได้แล้วกันแน่ ท่าทีของหล่อนจึงใด้เปลี่ยนไปมากทีเดียว จนสามารถผ่านฉากนี้ไปได้อย่างรวดเร็ว