webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

425

บทที่ 425 เปิดเผย

ณ บ้านตระกูลตู้ โจวฮุ่ยผู้รอดชีวิตเหงื่อไหลท่วมตัวขณะที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนโซฟา

เจียงจื้อหยวนจากไปแล้ว ทว่าความรู้สึกหวาดกลัวที่เขาทิ้งไว้กลับยังไม่สลายหายไป คำเตือนก่อนที่จะเขาจากไปยังคงดังก้องอยู่ในหู

ตอนที่สองสามีภรรยาแก้มัดและนิ่งเงียบไปนั้น ก็ใกล้จะตีสี่เข้าไปแล้ว

โจวฮุ่ยเข้าไปดูลูกสาวลูกชายของตนในห้อง ประจวบเหมาะกับที่ลูกๆ ถูกทำให้สลบไปพอดี ตอนนี้เลยยังไม่ฟื้น หน้าต่างในห้องเปิดกว้าง แสงจันทร์สาดส่องผ่านผ้าม่านที่เลิกขึ้นเข้ามาในห้อง โจวฮุ่ยลูบใบหน้าและปิดประตูห้องให้ลูกสาว

“ฉันจะแจ้งจับมัน ฉันจะให้มันเข้าคุก” ตู้ชางฉวินพูดพลางลูบใบหน้า รอบคอมีรอยรัดอย่างเห็นได้ชัด แม้แต้ชื่อของเจียงจื้อหยวนเขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ย พอนึกถึงคนๆ นั้นใบหน้าก็เผยความกลัวขึ้นมาโดยพลัน

โจวฮุ่ยตรวจเช็คสิ่งของในบ้านเงียบๆ เหล้า บุหรี่ กระเป๋าเงินและของอื่นบนโต๊ะกลางที่ถูกเจียงจื้อหยวนรื้อค้น แม้แต่บุหรี่ที่เขาดึงออกมาจากห่อเขาก็ไม่ได้แตะต้องมันเหมือนกัน บ้านตระกูลตู้ไม่มีอะไรหายไปเลย

ตรงกันข้ามของที่เขาเอามาทุกอย่างล้วนถูกเขาเก็บกลับไปหมด

ทั้งก้นบุหรี่ที่เคยสูบ ไม้ขีดไฟที่เขาจุด สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ก็คือรอยมัดมากมายตามร่างกายแผลพุพองบนใบหน้าของตู้ชางฉวินกับรอยฟกช้ำที่ลำคอ

แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเป็นหลักฐานได้สักนิด หล่อนรู้จักคนๆ นี้ดี ถ้าเขากล้าที่จะทำเรื่องแบบนี้ และสุดท้ายก็ปล่อยให้พวกเขารอดชีวิต เขาก็จะต้องมีวิธีหนีรอดจากการจับกุมได้อย่างแน่นอน

พวกเขาจับจุดอ่อนของเจียงจื้อหยวนไม่ได้ แต่เหตุผลที่เขายอมวางมือ ต้องเป็นเพราะพะวงเรื่องชื่อเสียงของเจียงเซ่อแน่

ถ้าตู้ชางฉวินทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต จนกระทบต่อเจียงเซ่อล่ะก็ ตราบใดที่เจียงจื้อหยวนยังอยู่ บ้านตระกูลตู้คงไม่วันสงบสุขได้

เขาย่อมต้องวางแผนเฝ้าจับตาดูครอบครัวตน ถ้าแจ้งความ ถึงแม้ตำรวจจะสามารถคุ้มครองครอบครัวของตนได้หนึ่งวัน สองวัน หนึ่งปีหรือสองปี แต่ยังไงก็ไม่สามารถคุ้มครองพวกเขาไปได้ตลอดชีวิตอยู่ดี

“แจ้งจับเขา ก็ต้องมีหลักฐาน”

สองสามีภรรยานึกถึงสายตาของเจียงจื้อหยวนก่อนที่จะจากไป แม้เขาไม่ได้พูดอะไรรุนแรงใส่ แต่การแสดงออกด้วยท่าทีแบบนั้นของเขากลับยิ่งข่มขวัญให้หวาดกลัวเข้าไปอีก

จนในที่สุดตู้ชางฉวินก็ไม่กล้าที่จะแจ้งความ เขาอยากตอบโต้เจียงจื้อหยวน แต่ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะรับมือการโต้กลับของเจียงจื้อหยวนได้ นอกจากเขาจะมีลูกชายลูกสาวแล้ว เขายังมีแม่อีกคนที่ต้องดูแล

ตอนกลางวันสองสามีภรรยายังสงสัยอยู่ว่าใครกันที่แกล้งปิดวาล์วน้ำเมื่อคืน เมื่อไปตรวจดูที่กล้องวงจรปิดของส่วนกลาง แต่ผลกลับไม่พบคนน่าสงสัยเข้ามาในอาคารเลย ตอนเจียงจื้อหยวนลงมือดูท่าคงจะเตรียมการมาอย่างดี

เมื่อหาหลักฐานเอาผิดเรื่องนี้ไม่เจอ เรื่องจึงจบลงทั้งๆ ที่ยังค้างคาไปโดยปริยาย

เดิมบ้านตระกูลตู้วางแผนจะไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะเกิดเรื่องนี้เข้าเลยหวาดกลัวมากคล้ายกับจะซ้ำรอยเหตุการณ์เดิมจนไม่กล้าไปอีก

ทั้งเงินและบัตรที่เจียงจื้อหยวนล้วงออกมาในตอนนั้น ตู้ชางฉวินก็ไม่เอามาใช้อีกเช่นกัน พอเห็นบุหรี่เหล่านั่นก็ยิ่งหวาดกลัวมากยิ่งกว่าเดิม กลัวว่าเจียงจื้อหยวนจะมาหาถึงหน้าประตู โจวฮุ่ยที่ลังเลอยู่นานก็รวบรวมความกล้าโทรศัพท์หาเจียงเซ่อด้วยตัวเอง

ตอนที่เจียงเซ่อรับโทรศัพท์จากโจวฮุ่ยนั้นก็รู้สึกเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง

เธอไม่คุ้นเคยกับแม่ในนามคนนี้เท่าไหร่ ยามที่ทั้งสองฝ่ายพบหน้ากันก็มักจะเกิดความประหม่าขึ้นเพราะเงินที่เธอโอนให้บ้านตระกูลตู้ทุกๆ เดือนล้วนโอนผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารทั้งสิ้น หลายปีมานี้โจวฮุ่ยแทบจะไม่เคยเป็นฝ่ายโทรศัพท์หาเธอเองเลย

เธอกล่าวทักทายอาจารย์ที่คอยติวเข้มให้ตน แล้วเดินเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์อยู่มุมหนึ่ง

“เงินไม่พอเหรอคะ?”

เธอถามขึ้น เรื่องพวกนี้โม่อานฉีน่าจะเป็นคนจัดการนี่นา

โจวฮุ่ยรีบปฏิเสธทันควันว่า “ไม่ใช่จ๊ะ ไม่ใช่” หล่อนยังจะกล้าพูดเรื่องเงินไม่พอกับเจียงเซ่อตอนนี้เสียที่ไหนกัน เจียงจื้อหยวนก็เหมือนกับเป็นดาบเล่มใหญ่ที่คอยจ่อคอคนในบ้านตระกูลตู้อยู่ สามารถเอาชีวิตพวกเขาได้ตลอดเวลา

“ตอนนี้หยวนหยวนก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว หงหงเองก็กำลังเรียนมหาวิทยาลัย คุณอาตู้เองก็ได้พักผ่อนมาช่วงหนึ่งแล้ว รู้สึกว่าว่างงานเลยอยากจะหางานทำน่ะจ๊ะ แม่เลยอยากจะบอกหนูให้หนูไปบอกผู้ช่วยว่าไม่ต้องส่งเงินมาให้พวกเรามากมายขนาดนั้นแล้วนะจ๊ะ......”

อยู่ดีๆ หล่อนก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ทำให้เจียงเซ่อรู้สึกแปลกใจ เธอถามเหตุผลโจวฮุ่ยแล้ว แต่โจวฮุ่ยกลับมีแสดงออกว่าคนบ้านตระกูลตู้ต้องพึ่งพาตนเองอย่างแข็งขัน สุดท้ายเธอก็เลยไม่ได้พูดอะไรอีก

“ระยะนี้หนู......”

เดิมทีโจวฮุ่ยอยากเตือนเธอว่าระยะนี้ให้ระมัดระวังตัวไว้ บางทีเจียงจื้อหยวนอาจจะปรากฏตัวอยู่รอบๆ ตัวเธอก็เป็นได้ ทว่าพูดไม่กี่คำหล่อนก็ต้องกลืนคำพูดกลับลงไป

เจียงจื้อหยวนทิ้งเงาดำมืดเอาไว้ในใจของหล่อนลึกสุดที่จะหยั่งถึงจริงๆ แต่ไหนแต่ไรมาหล่อนไม่เคยกล้าพอที่จะพูดถึงผู้ชายคนนั้นกับเจียงเซ่อ ยิ่งไปกว่านั้นหล่อนก็คิดว่า อย่างไรเสียเจียงจื้อหยวนก็เป็นพ่อแท้ๆ ของเจียงเซ่อ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่น่าจะทำร้ายเจียงเซ่อได้ แต่สุดท้ายก็ยังรีบพูดว่า

“ระยะนี้หนูก็ระวังหน่อยนะ เซี่ยงไฮ้อากาศร้อนมากทีเดียว” แล้วก็วางสายไป

ท่าทีของโจวฮุ่ยดูแปลกมาก แต่น่าเสียดายที่คนข้างตัวที่สามารถใช้งานได้นั้นค่อนข้างมีจำกัด โม่อานฉีก็มาเซี่ยงไฮ้กับเธอแล้ว เซี่ยเชาฉวินก็บินไปๆ มาๆ ระหว่างเซี่ยงไฮ้และตี้ตู แล้วยังต้องจัดการติดต่องานในปีหน้าให้เธออีก คงไม่มายุ่งเรื่องบ้านตระกูลตู้

คงมีแต่ต้องรอให้ตนถ่ายหนัง ‘PROOF OF LIFE’ เสร็จ หลังจากนั้นค่อยไปสืบข่าวที่บ้านตระกูลตู้ดูอีกที

เดิมทีคอร์สเรียนกำหนดไว้เกือบร้อยวัน แต่เจียงเซ่อร่นระยะเวลาให้สั้นลงถึงสองเดือน ระหว่างนี้เธออ่านบทเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ไปแล้วเจ็ดแปดรอบ แม้จะไม่กล้าพูดว่าจำได้ขึ้นใจ แต่บางฉากในหนังกลับปรากฏภาพเหตุการณ์วัยเด็กในสมองชัดเจนมากยิ่งขึ้น

หลังจากที่หลักสูตรสิ้นสุดลง จางจิ้งอานก็พอใจกับผลการเรียนของเธอเป็นอย่างมาก จึงตั้งใจให้เธอหยุดพักผ่อนสักหนึ่งอาทิตย์ ให้เธอได้ให้ความสำคัญกับฉากส่วนของตนเองมากยิ่งขึ้น

แม้ว่าบทเด่นหลักๆ ของภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นเฉิงเจี้ยนกั๋วที่แสดงโดยหลิวเย่ แต่บทของถังจิ้งบทนี้จะสามารถทำให้เจียงเซ่อสลัดเงามืดในใจทิ้งไปได้ จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะเลือกไม่แสดง

เธอเคยร่วมงานกับหลิวเย่มาแล้วครั้งหนึ่งและพอจะรู้นิสัยกันอยู่ จึงไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากมายในการทำความรู้จัก

ตอนที่พบกับหลิวเย่ที่เซี่ยงไฮ้เมื่อปลายเดือนสิงหาคม รู้สึกว่าเขาดูจะกำยำกว่าแต่ก่อนนิดหน่อย เขาคงจะทำตามคำแนะนำของนักโภชนาการ ในช่วงสองเดือนที่เจียงเซ่อกำลังตั้งใจเรียนอยู่นั้น เขาก็หนักขึ้นสิบห้าปอนด์ ทั้งยังไว้ผมยาว ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกก็ยิ่งเป็นไปตามแบบฉบับของเฉิงเจี้ยนกั๋วในเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ เข้าไปอีก

ณ ตี้ตู เฝิงจงเหลียงที่ให้เสี่ยวหลิวนำลายมือของเจียงเซ่อกลับมาจากเซี่ยงไฮ้และส่งไปเปรียบเทียบกับตัวอักษรที่เจียงเซ่อเคยเขียนในตอนนั้น ผลที่ได้คือเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน ตี้ตู

เมื่อยืนยันฐานะของจียงเซ่อได้แล้ว เฝิงจงเหลียงเริ่มทอดถอนใจว่าทำไมหลายปีมานี้ตนไม่ได้สะกิดใจให้เร็วกว่านี้ ทั้งๆ ที่เฝิงหนานเปลี่ยนไปมากขนาดนั้น นิสัยก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนเลย ความชอบก็เปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหว ทว่าเขากลับไม่ได้คิดในแง่อื่นเลยสักนิด แถมยังคิดเอาเองว่าเธอคงถูกจ้าวจวินฮั่นปลุกปั่นยุยง

เฝิงหนานได้รับโทรศัพท์จากเสี่ยวหลิวที่อยู่ข้างกายเฝิงจงเหลียง หลังจากที่หล่อนย้ายออกมาจากบ้านตระกูลเฝิงก็แทบจะไม่ได้ติดต่อกับเฝิงจงเหลียงอีกเลย ตอนที่รับสายเสี่ยวหลิวเฝิงหนานก็อดคาดเดาด้วยเจตนาร้ายไม่ได้ว่า เป็นเพราะไอ้แก่เฝิงจงเหลียงกำลังจะตายแล้วรึเปล่าถึงได้โทรมาหาหล่อน

หล่อนนึกถึงหุ้นส่วนที่เป็นของเฝิงจงเหลียงที่จ้าวจวินฮั่นเคยพูดถึง ชั่วขณะนั้นหัวใจพลันเต้นไม่เป็นส่ำขึ้นมา แต่ใครจะรู้เสี่ยวหลิวกลับพูดต่อว่า

“คุณหนูเฝิงหนานครับ นายท่านได้โทรศัพท์แจ้งธนาคารว่าต้องการตรวจนับอัญมณี เครื่องประดับ ของสะสมโบราณและภาพวาดต่างๆ ที่อยู่ในชื่อของคุณหนูครับ” นอกจากนี้ ยังจะอายัดบัตรเครดิตวงเงินสูงที่เฝิงหนานมีในนามของวิสาหกิจจงหนานแล้วยังมีพวกอสังหาริมทรัพย์และเงินปันผลที่ได้จากวิสาหกิจจงหนานอีกด้วย

ข่าวนี้สำหรับเฝิงหนาน ก็ไม่ต่างอะไรจากฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ!

หล่อนคิดไม่ถึงเลยว่าเฝิงจงเหลียงจะไร้เยื่อใยกับหล่อนแบบนี้ หล่อนนิ่งงันไปชั่วขณะ น้ำเสียงของเสี่ยวหลิวในสายเองก็แฝงความรู้สึกเห็นใจไม่น้อย

ความจริงเขาก็สงสัยกับการตัดสินใจของเฝิงจงเหลียง เฝิงหนานต่างหากที่เป็นหลานสาวแท้ๆ ของเฝิงจงเหลียง ทว่าเฝิงจงเหลียงกลับไม่รักเธอเลยสักนิด ผิดกับความเอาใจใส่ที่มีต่อเจียงเซ่อ

เมื่อเขานึกถึงว่าช่วงนี้เฝิงจงเหลียงเรียกทนายเข้าพบอยู่บ่อยครั้ง เสี่ยวหลิวก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง และพลางคิดไปถึงข้อมูลของเจียงเซ่อที่ตนสืบมาได้ก่อนหน้านี้ ก็ไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้อีก แม้เฝิงจงเหลียงจะเคยกำชับเขาว่าห้ามเปิดเผยข้อมูลต่อหน้าเฝิงหนาน แต่เมื่อเขานึกถึงความอันตรายของเจียงจื้อหยวน ก็เกิดกังวลว่าเฝิงหนานที่ไม่ทันระวังตัวแม้แต่น้อยจะได้รับอันตราย จึงพูดแนะนำเธอว่า “ช่วงนี้คุณหนูจะต้องระวังหน่อยนะครับ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็กลับมาบ้านตระกูลเฝิง นายท่านจะต้องปกป้องคุ้มครองคุณหนูแน่นอนครับ”