webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

423

บทที่ 423 ตัวละคร

โจวฮุ่ยที่มองเห็นฉากนี้ จึงถอนหายใจพลางพูดว่า

“ที่แกมาก็เพราะอยากได้เงินสินะ?”

  เจียงจื้อหยวนจับเชือกอยู่พลางหย่อนตัวนั่งลง เมื่อได้ยินคำพูดของหล่อน ก็หัวเราะออกมา

   หากเป็นเมื่อก่อนนี้เขาคงอยากได้เงินจริงๆ นั่นแหละ แต่มาตอนนี้เขากลับไม่อยากได้เงินเลยสักนิด สิ่งที่เขาอยากได้ ก็คือชีวิต

   เขารั้งเชือกที่รัดคอของตู้ชางฉวินให้ส่ายไปส่ายมา ควบคุมชะตาชีวิตของตู้ชางฉวินเอาไว้

   เขาเขี่ยของบนโต๊ะเล่นด้วยมือข้างเดียว เมื่อเห็นซองบุหรี่ซองนั้น เขาถึงกับยิ้มจนตาหยี

“หัวเซี่ยจือซิงงั้นเหรอ? สูบของเกรดดีซะด้วย”

   เขาพูดราวกับเป็นเรื่องสนุก แล้วหยิบซองบุหรี่ขึ้นมาวางไว้ตรงหน้าโจวฮุ่ยพลางพูดกับหล่อนว่า

    “บุหรี่แบบนี้ ถ้าเป็นในเรือนจำ ขายอยู่ที่สองร้อยดอลลาร์ฮ่องกง” เขาคีบออกมามวนหนึ่ง “ต่อมวน”

“ถ้าแกชอบ เอา เอาไปให้หมดเลย......”

เมื่อได้ยินคำว่า‘เรือนจำ’สองคำนี้ โจวฮุ่ยถึงกลับสั่นระระริก พลางตอบกลับไป

หล่อนจำได้ว่าเจียงจื้อหยวนชอบสูบบุหรี่ แต่ตอนหนุ่มๆ ฐานะทางการเงินของเขาแย่มาก บุหรี่ที่สูบจึงเป็นแค่ยี่ห้อเสวี่ยเหมยเกรดต่ำเท่านั้น ตอนนั้นราคาขายอยู่ที่สามหยวนต่อห่อ เพราะเป็นอย่างนี้เวลาสูบเขาจึงค่อยๆ สูบอย่างเสียดาย

    หากเขาชื่นชอบการสูบ ก็ไม่แปลกที่เมื่อเห็นหัวเซี่ยจือซิงแล้วจะแสดงท่าทางดีอกดีใจออกมาแบบนี้

โจวฮุ่ยหายใจโล่งอกอีกครั้ง ขอแค่เขาชอบ อะไรก็หยิบไปเถอะ จะได้ไม่ต้องทำร้ายคนอื่น

เจียงจื้อหยวนหัวเราะเยาะ พลางล้วงบุหรี่ที่สูบไปได้ครึ่งมวนออกมาจากห่อที่อยู่ในกระเป๋า โดยด้านบนของห่อยังมีแบบอักษรของยี่ห้อเสวี่ยเหมยหลงเหลืออยู่ เขาหยิบบุหรี่ออกมามวนหนึ่ง พร้อมทั้งล้วงไม้ขีดไฟออกมาจากกระเป่าเสื้อ ฝนอยู่สองครั้งจนเกิดเสียงประกายไฟดัง‘ฟู่’ขึ้นมา เขาสูบบุหรี่เข้าไปลึกๆ พักหนึ่งจึงค่อยๆ เป่าออกมา และพูดออกมาด้วยท่าทางที่ไม่ทุกข์ร้อนว่า

“พวกแกอาศัยเงินของลูกสาวฉัน มาซื้อของพรรค์นี้งั้นเหรอ?”

เห็นได้ชัดว่าโจวฮุ่ยไม่เข้าใจความหมายที่เขาพูด เขานั่งไขว่ห้าง มองทั้งสองคนที่สะบักสะบอมสิ้นท่าด้วยสายตาสุขุม แม้เขาจะหรี่ตาอยู่ก็ตาม แต่ในแววตานั้นกลับแฝงไว้ด้วยสิ่งที่ทำให้โจวฮุ่ยหวาดผวา

เขาหันไปมองกองข้าวของบนโต๊ะ พลันรอยยิ้มกลับยิ่งนุ่มลึกขึ้น ของที่อยู่ที่นี่ทุกชิ้นล้วนล้ำค่าสุดจะประเมินค่าได้ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าที่ผ่านมาคนบ้านตระกูลตู้จะพึ่งพาอาศัยเจียงเซ่อถึงขนาดนี้

“ฉันพูดถึงลูกสาวของฉันไงล่ะ”

ตู้ชางฉวินที่ถูกเขารัดคอเอาไว้ เดี๋ยวรัดแน่น เดี๋ยวผ่อนแรง ทำให้ตู้ชางฉวินหายใจไม่ออก ไม่มีเวลามาสนใจโจวฮุ่ยอีกต่อไป

   ตอนที่โจวฮุ่ยได้ยินเขาพูดถึงเจียงเซ่อก็เริ่มตัวสั่นเทา หล่อนพยามยามปกปิดเรื่องหลายปีมานี้อย่างสุดกำลังมาตลอด การปรากฎตัวของเจียงจื้อหยวนอาจจะถือเป็นคลื่นลูกใหญ่เลยก็ว่าได้ ชีวิตที่สงบสุขมั่นคงของหล่อนตอนนี้ อาจจะถูกเจียงจื้อหยวนทำลายจนเป็นเสี่ยงๆ

เขาหายสาบสูญไปแล้วแท้ๆ ทำไมถึงไม่หายไปให้ตลอด

   หล่อนโกรธแค้นชิงชังเขา แต่ความโกรธแค้นชิงชังนั้น เมื่อสบเข้ากับดวงตาที่ยิ้มแย้มของเขา ก็แปรเปลี่ยนเป็นความกลัวที่ลึกล้ำอีก

“ตอนนี้ เธอโด่งดังมีชื่อเสียงจนกลายเป็นดาราไปแล้ว หาเงินได้ไม่น้อย.......” พอหล่อนเอ่ยปาก เจียงจื้อหยวนก็ตระตุกข้อมือ จนเชือกในมือยิ่งรัดแน่นที่คอของตู้ชางฉวิน จนเขาตกลงมาที่พื้น ราวกับปลาที่กำลังดิ้นทุรนทราย

   เขาแข็งแรงมากเกินไปจริงๆ กระทั่งตู้ชางฉวินที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะมาต่อต้านเลยสักนิด มีแค่เขาเท่านั้นที่เป็นคนชี้เป็นชี้ตาย

    โจวฮุ่ยกรีดร้องเสียงแหลม แต่เหมือนเจียงจื้อหยวนจะไม่ได้ยิน พลางอมยิ้มแล้วพูดว่า

    “ฉันไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระพรรค์นี้หรอกนะ ฉันอยากฟังเรื่องราวที่มากกว่านี้ ”

   โจวฮุ่ยถึงกับน้ำตาไหล จนในที่สุดก็อดพูดไม่ได้ว่า

   “แกจะทำอะไรกันแน่? แกจะทำอะไรกันแน่? ” หล่อนร้องไห้อย่างหนัก “สมัยนั้นแกไม่พูดอะไรสักคำก็ไป ทอดทิ้งฉันกับลูกไว้ แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ?ฉันพาเธอไปบ้านตระกูลตู้ และให้ชางฉวินเลี้ยงดูจนโต......”

“เลี้ยงดูเหรอ?” เขาพูดพลางพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก และมองตู้ชางฉวินที่อยู่ที่พื้นจากด้านบน “ไม่ใช่ทุบตีจนโตหรอกเหรอ?โจวฮุ่ย ฉันกลับมาได้ครึ่งปีแล้วนะ แกรู้ไหมว่าครึ่งปีมานี้ฉันทำอะไรอยู่?”

    เขาไม่ใช่ไอ้โง่นะ หลังจากออกจากคุกที่ฮ่องกงกลับมาตี้ตู เขาก็สืบหาที่อยู่ของโจวฮุ่ยกับเจียงเซ่อผู้เป็นบุตรสาวมาตลอด

    ร่องรอยของเจียงเซ่อสืบได้ง่ายมาก เพราะตอนนี้เธอเป็นคนดังของหัวเซี่ย มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมาก แล้วยังได้เซ็นสัญญากับบริษัทต้นสังกัดหนึ่งจนกลายมาเป็นนักแสดงอนาคตไกล

   เขารู้ว่าลูกสาวตนสอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งได้ รู้ว่าหนังที่เธอถ่ายหนังเรื่องไหนที่ผู้ชมชื่นชมและจองตั๋วเต็มทุกรอบ

และก็รู้ด้วยว่าเธอเติบโตมาเหมือนตนมาก งดงามและเฉลียวฉลาด

    ในตอนนั้นเขาไม่ทันได้สร้างอนาคตที่ดีให้กับเจียงเซ่อ ให้เธอได้เรียนเปียโน เรียนภาษาอังกฤษ ใช้ชีวิตได้ดั่งที่ใจปรารถนาเหมือนกับเจ้าหญิง แต่ตอนนี้ลูกสาวของเขาก็ไม่ได้ด้อยเลย เธออาศัยความพยามยามของตัวเธอเอง ทำทุกอย่างเป็นด้วยตัวเอง

“ฉันมันคนสารเลว ” เขาพูดต่ออย่างไม่รู้สึกกระดากอายแม้แต่น้อยว่า “ฉันเป็นแบบนี้มาทั้งชีวิตแล้ว แต่ลูกสาวของฉันไม่ควรจะมาเป็นแบบนี้ แกเข้าใจไหม?”

เขาที่นั่งอยู่บนโซฟานั้น พลันแหงนหน้าขึ้นมา ช่างราวกับปีศาจ เขาจ้องมองมาด้วยแววตาถมึงทึงพลางพูดว่า

   “ฉันวางใจถึงได้มอบเธอให้กับแก แต่แกกลับทำให้ฉันผิดหวังเอามากๆ” ครึ่งปีมานี้ เขาสืบหาที่อยู่ของโจวฮุ่ยมาโดยตลอด ได้ยินว่าหล่อนแต่งเข้าบ้านตระกูลตู้แล้ว ทั้งยังหาคนที่รู้จักกับบ้านตระกูลตู้ในตอนนั้นเป็นอย่างดีเจออีกด้วย สืบไปสืบมาจนได้ที่อยู่เดิมของบ้านตระกูลตู้ และหาเพื่อนบ้านของตู้ชางฉวินเจอด้วยเช่นกัน

    ฟังจากที่พวกเขาพูด เขาได้ยินมาหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่ลูกสาวเขามักโดนตู้ชางฉวินทุบตีด่าทออยู่บ่อยครั้ง อาศัยอยู่ในห้องที่กั้นไว้ทั้งคับแคบและอากาศไม่ถ่ายเท ตู้ชางฉวินเหม็นขี้หน้าเธอ ปีนั้นเป็นช่วงก่อนหน้าวันสอบเข้าชั้นมัธยมปลายหนึ่งวัน เธอเกิดมีปากเสียงกับตู้โหยว จนโดนตู้ชางฉวินตีเกือบตาย สลบอยู่นานหลายวันถึงฟื้น

   ตอนนั้นเพื่อนบ้านกลัวจะเกิดเรื่อง จึงแนะนำตู้ชางฉวินให้ส่งเธอไปโรงพยาบาล แต่ตู้ชางฉวินกลับบอกว่าไม่มีเงิน

“โชคดีที่ลูกสาวของฉันดวงแข็ง ถึงได้มีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้”

เขายื่นมือไปขยำเงินกับบัตรเอทีเอ็ม และกองข้าวของบนโต๊ะ

ตอนนี้โจวฮุ่ยไม่กล้าคาดหวังอีก หล่อนรู้นิสัยของเจียงจื้อหยวนดีว่า นิสัยคนๆ นี้ดีร้ายไม่อาจคาดเดา เมื่อหลายปีก่อนหล่อนหลงใหลในความโหดเหี้ยมอำมหิตในตัวเขามาก พอมาตอนนี้ถึงพบว่าผู้ชายแบบนี้ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน

“นั่นก็เพราะ ก็เพราะเธอดื้อรั้นจนเกินไป ดังนั้น...... ”

   หล่อนรีบจะอธิบาย ตอนนั้นในบ้านตระกูลตู้มีตู้ชางฉวินคนเดียวที่หาเงินจุนเจือครอบครัว จึงยากที่จะเลี่ยงไม่ให้อารมณ์ปะทุได้ เจียงเซ่อในตอนนั้นนิสัยเหมือนเจียงจื้อหยวนไม่มีผิด บรรยากาศในบ้านอึมครึมขนาดนี้ เธอยังแข็งข้อ รู้ทั้งรู้ว่าอาศัยอยู่ใต้ชายคาคนอื่น แต่ก็ยังไม่วายไปมีปากมีเสียงกับลูกสาวลูกชายทั้งสองของตู้ชางฉวินเสียนี่

    ก็เพราะนิสัยแบบนี้ จึงถูกตู้ชางฉวินทุบตีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วตัวหล่อนเองก็ไม่กล้าออกปากปรามด้วยเช่นกัน

“เพราะเธอไม่เชื่อฟัง พวกแกเลยตบตีเธอจนกว่าจะยอมเชื่อฟังใช่ไหม?”

เจียงจื้อหยวนหยิบบุหรี่ในมือจี้ลงไปที่หน้าของตู้ชางฉวิน

    เมื่อก้นบุหรี่ลวกโดนผิวหนัง พลันส่งเสียงดัง‘ชี่ ! ชี่ ! ’ ตู้ชางฉวินเบิกตาโพลง เรี่ยวแรงที่มีใช้ไปกับการดิ้นรนขัดขืนตอนที่เขาโดนรัดคอก่อนหน้านี้หมดแล้ว

    แม้ว่าจะเจ็บปวดจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว แต่กลับเขาไร้เรี่ยวแรงที่จะดิ้นรนขัดขืน หรือบางทีอาจเป็นเพราะโดนอุดปากเอาไว้ แม้แต่จะขอร้องให้ยกโทษให้หรือร้องเรียกอย่างน่าสังเวชก็ทำไม่ได้

   “งั้นตอนนี้ฉันเองก็รู้สึกว่าพวกแกไม่เชื่อฟัง งั้นถ้าฉันจะอบรมพวกแกจนกว่าจะเชื่อฟัง จะได้หรือเปล่าล่ะ?”

เขาเท้าเอวพลางมองไปที่ตู้ชางฉวินที่นอนคุดคู้แทบเท้าตน แม้ทั้งสองมีความสูงไล่เลี่ยกัน แต่หลายปีมานี้ตู้ชางฉวินใช้ชีวิตสุขสบายเกินไป ทำให้สมบูรณ์ขึ้นมาหน่อย เมื่อเทียบกับเจียงจื้อหยวนที่ฝึกฝนร่างกายตอนอยู่ในคุกมาอย่างช่ำชองแล้ว ก็แตกต่างราวฟ้ากับดิน เมื่ออยู่ต่อหน้าก็ไม่ครณามือเจียงจื้อหยวนเลยสักนิด