บทที่ 422 ภัยคุกคาม
พลันกลิ่นหอมเอียนที่อบอวลในอากาศก็เสียดแทงเข้าจมูกทันที เงาของชายคนนั้นทอดยาวอยู่ใต้แสงไฟที่มืดสลัวไม่มีที่สิ้นสุด
เดิมโจวฮุ่ยยังรู้สึกมึนงงอยู่บ้าง แต่ว่าความหวาดกลัวทำให้ได้สติกลับมาไม่น้อย หล่อนคิดจะหันหน้าไปมองด้วยความพรั่นพรึง กลับพบว่าปากของตนมีเทปกาวติดอยู่ และถูกมัดอยู่ที่มุมหนึ่งของโซฟา
ตู้ชางฉวินที่อยู่ข้างกายก็อยู่ในท่าเดียวกันเช่นกัน ถูกมัดอยู่ตรงมุมไม่ต่างจากหล่อน โดยตู้ชางฉวินนอนหลับสนิทไม่ได้รับรู้ถึงสถานการณ์ในขณะนี้แม้แต่นิดเดียว
นั่นทำให้โจวฮุ่ยรู้สึกโล่งอกขึ้นมาหน่อย หลังจากที่หล่อนสอดส่ายสายตามองดูไปรอบๆ แล้ว ก็พบว่าตนยังคงอยู่ในห้องรับแขกอันคุ้นเคยที่บ้านตัวเอง เพียงเพราะชายที่เดินเข้ามาปรับตำแหน่งของแสงไฟ ทำให้หล่อนที่พึ่งจะได้สติเข้าใจผิดไปว่าถูกลักพาตัวไปไว้ที่อื่นซะอีก
หล่อนถอนหายใจ หลังจากเห็นเงาของชายที่โดนแสงไฟตรงหน้าแล้ว ก็เริ่มใจคอไม่ดีขึ้นมาอีกครั้ง
หล่อนอยู่ในสถานการณ์แบบไหนกัน สถานการณ์ของหล่อนตอนนี้ไม่อาจจะช่วยเหลือตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย
ในบ้านยังมีเด็กอีกสองคน ตู้ชางฉวินที่เป็นผู้ใหญ่เพียงคนเดียวก็ถูกคนจับมัดเอาไว้ สถานการณ์ตอนนี้แม้ว่าเขาจะตื่นขึ้นมา ก็ไม่มีประโยชน์
โจวฮุ่ยนึกถึงลูกสาวลูกชายทั้งสองของตน พลันน้ำตาก็ไหลออกมา หล่อนได้แต่ขยับกายอย่างลนลาน อยากรู้ว่าเกิดเรื่องกับตู้โหยวและตู้หงหงหรือเปล่า
ตู้หงหงที่กำลังอยู่ในวัยแตกเนื้อสาว หากมีผู้ชายบุกเข้าบ้านมาแบบนี้ มีความเป็นไปได้มากที่จะทำร้ายตู้หงหง
ดวงตาทั้งสองของหล่อนแดงก่ำ และไม่รู้เรี่ยวแรงหลั่งไหลมาจากไหน พยายามที่จะดิ้นรนกระเสือกกระสนสุดกำลัง
สำหรับโจวฮุ่ยที่ได้แต่คิดว่าตนใช้แรงทั้งหมดที่มีดิ้นรน แต่ในสายตาของผู้ชายกลับคิดว่าเหมือนเป็นตัวหนอนที่สิ้นหวังกำลังดิ้นไปมาอย่างน่าตลกเท่านั้น
“อื้อ อื้อ”หล่อนส่ายหน้าอย่างร้อนใจ อยากจะกระแทกตู้ชางฉวินที่กำลังหลับลึกอยู่ การกระทำแบบนี้ของหล่อนทำให้ชายที่พักผ่อนอยู่บนโซฟาอีกด้านมาตลอดค่อยๆ หันหน้ามา
เขาเอียงหน้ามอง โดยมือข้างหนึ่งพาดลงที่พนักพิงของโซฟาเดี่ยว อีกข้างกำลังลูบปลายคางอยู่ ปลายคางเรียวแหลมใต้แสงไฟ หนวดเคราที่โกนเกลี้ยงเกลา ริมฝีปากที่เม้มอยู่นั่นก็ดูคุ้นๆ
โจวฮุ่ยกำลังคิดอยู่ว่าตนได้เคยไปล่วงเกินใครไว้บ้างหรือเปล่า
บ้านตระกูลตู้แต่ไหนแต่ไรมาซื่อสัตย์สุจริต ไม่เคยก่อเรื่องทะเลาะวิวาท กลับกันหลายปีมานี้หลังจากเจียงเซ่อลูกสาวของหล่อนโด่งดังมีชื่อเสียง บ้านตระกูลตู้ก็ค่อยๆ ขยับขยาย ทั้งซื้อบ้าน และมีเจียงเซ่อคอยเลี้ยงดูอยู่ทุกเดือน แล้วยังได้ไปเที่ยวต่างประเทศกันทั้งบ้าน บางทีนี่อาจจะเป็นการกระตุ้นความสนใจให้บุคคลที่มีเจตนาแอบแฝงพุ่งเป้ามาที่ตนก็เป็นไปได้
อย่างไรเสียหากชื่อเสียงของเจียงเซ่อยิ่งดัง ก็ยิ่งง่ายต่อการดึงดูดให้คนสนใจคนบ้านตระกูลตู้ หล่อนนึกถึงตอนที่หล่อนรับโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ คำพูดที่ตู้หงหงพูดบ่นว่าอาจจะเป็นคนที่มารังควานเจียงเซ่อก็เป็นไปได้ โจวฮุ่ยอดที่จะโมโหอย่างเลี่ยงไม่ได้
ชายที่นั่งอยู่บนโซฟาที่มองท่าทางที่พยายามจะดิ้นรนสุดกำลังของหล่อนอย่างใจจดใจจ่อ พลันเขาก็ลุกขึ้น โจวฮุ่ยสังเกตเห็นว่าเขามีรูปร่างที่สูงใหญ่
ผ้าม่านห้องรับแขกยังไม่ได้ดึงปิด พิสูจน์ได้ว่าตอนที่คนในบ้านสลบไสลไป ยังไม่ถึงเวลาเข้านอน
แล้วตกลงหล่อนสลบไปได้ยังไงกัน หล่อนในตอนนี้ตกอยู่ในความลนลานจนจำอะไรไม่ได้เลยสักนิด
จำได้ลางๆ ว่าตอนนั้นหล่อนกำลังเก็บสัมภาระอยู่ ในเวลาต่อมา ก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว
หล่อนว้าวุ่นใจ หล่อนหวังแค่ว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยของย่านนี้จะรับผิดชอบบ้าง โดยสังเกตเห็นว่ามีตีนแมวเข้ามารื้อค้นในบ้านของตน หล่อนหันหน้าไปทางตู้ชางฉวินอีกครั้ง
ชายร่างสูงนั่นเดินไปทางฝั่งผ้าม่าน ดึงปมเชือกผ้าม่านที่ผูกอยู่ลงมา พันเชือกไว้ที่มือ ราวกับจะลองดูว่ามันแข็งแรงดีไหม แล้วถึงจะกลับไปอยู่ที่เดิม
หลังจากที่ปมเชือกผ้าม่านที่ผูกอยู่ถูกดึงลงมา ก็บดบังแสงจันทร์ที่แสนงดงามในคืนนี้ลง
โจวฮุ่ยเริ่มหมดหวัง แต่โชคดีที่ตู้ชางฉวินที่ถูกหล่อนกระแทกไปไม่หยุดเริ่มส่งเสียงงึมงำขึ้นมา ดูท่าทางเหมือนกำลังจะตื่นขึ้น
หล่อนไล่สายตาขึ้นไปจากฝ่ามือของเขา เขาสวมหมวกคลุมผมพลาสติกที่เก็บผมของเขาไว้ได้เป็นอย่างดี สวมถุงมือยาง ดวงตาของเขาจ้องมองโจวฮุ่ยท่ามกลางความมืดมิด ไม่แม้แต่จะหวาดกลัว ตรงข้ามกลับยิ้มน้อยๆ เผยให้เห็นฟันขาวทั้งปาก
เขาไม่ได้ปิดบังตัวตน เมื่อรู้ว่าโจวฮุ่ยที่ได้สติแล้วกำลังสังเกตตนอยู่ จึงค่อยๆ เดินไปอยู่ตรงหน้าโจวฮุ่ย พริบตาเดียวที่โจวฮุ่ยเห็นเขา ก็มีท่าทีเหมือนกับเห็นผีอย่างนั้น
“ไม่ได้เจอกันซะนานนะ” เขาพูดพลางแสยะยิ้ม ท่าทีนิ่งสงบ ราวกับว่าได้เจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอมาเสียนานอย่างนั้น
พูดตามจริงเขาเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญของบ้านหลังนี้ แต่ตอนนี้เขากลับนั่งลงอบ่างสบายใจ ราวกับเป็นเจ้าบ้าน
“อื้อ......อื้ออื้อ......”
ขาทั้งสองข้างของโจวฮุ่ยกลับสั่นระริก ตู้ชางฉวินค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกถึงความผิดปกติ หลังจากนั้นก็ดิ้นรนอยู่หลายครั้ง แต่ผลที่ได้ก็เหมือนกันกับโจวฮุ่ย ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่
เขาจำได้ลางๆ ว่า หมู่นี้ระบบน้ำประปาในตึกเหมือนจะมีปัญหา จึงให้คนมาปิดวาล์วน้ำอยู่หลายครั้ง เจ้าบ้านก็ได้ร้องเรียนไปที่ส่วนกลางหลายต่อหลายครั้ง และส่วนกลางเองก็รับปากแล้วว่าจะจัดการให้
เมื่อคืนช่วงที่ตู้ชางฉวินกำลังเตรียมจะอาบน้ำ ตอนที่อาบเสร็จไปกว่าครึ่ง จู่ๆ น้ำก็ไม่ไหลขึ้นมาอีก ดูท่าคงจะมีใครแกล้งปิดน้ำวาล์วน้ำ เขาเช็ดตัวให้แห้งและสวมเสื้อผ้าด้วยความโมโห และเตรียมตัวไปต่อว่าส่วนกลาง
เขาซื้อห้องหรูราคาแพงนี้มา ไม่ใช่เพื่อมารับสวัสดิการพรรค์นี้นะ ไม่ว่าใครแกล้ง ส่วนกลางก็ต้องยื่นมือมาจัดการ
ใครจะรู้ว่าพอเปิดประตูได้ไม่นาน ก็มีคนมารัดคอเขาเอาไว้แน่น พลางหยิบอะไรสักอย่างมาโปะเข้าที่ปากของเขา ความรู้สึกสุดท้ายที่เขาจำได้มีแค่กลิ่นหอมที่ชวนให้คลื่นไส้ หลังจากนั้นก็หมดสติไปอย่างรวดเร็ว
เรื่องหลังจากนั้นเขาที่พึ่งถูกโจวฮุ่ยปลุกให้ตื่นก็จำไม่ได้แล้ว
“ลืมไป พวกแกพูดไม่ได้นี่นะ”
เขายิ้มเยาะ ยกนิ้วขึ้นทำท่าห้ามไม่ให้ส่งเสียงไปที่โจวฮุ่ย นิ้วมือเอาเชือกที่ถืออยู่ในมือมามัดเป็นเงื่อนกระตุก คล้องไว้ที่คอของตู้ชางฉวิน ตัวเองถือส่วนปมของเชือกไว้ และยื่นฝ่ามืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ออกไปคลำที่เส้นผมของโจวฮุ่ย แตะลงไปที่ปลายเทปกาวที่ติดอยู่บนใบหน้าของโจวฮุ่ยแล้วดึงออกอย่างง่ายดาย!
ความจริงเจียงจื้อหยวนไม่ได้ออกแรงอะไรมากมาย แต่โจวฮุ่ยกลับรู้สึกว่าแก้มและริมฝีปากราวกับถูกเขาถลกหนังกำพร้าออกมาทั้งเป็นอย่างอำมหิต
หล่อนที่สั่นเทาไปทั้งตัวกำลังจะกรีดร้องเสียงแหลม พลันเจียงจื้อหยวนก็ดึงเชือกในมือรัดตู้ชางฉวินเสียจนแน่น ตู้ชางฉวินที่ถูกรัดคอก็แทบจะขาดอากาศหายใจ
“อย่ามากรี๊ดๆ ฉันโคตรจะเกลียดท่าทางอย่างนี้ที่สุดเลย ” เขายังพูดน้อยเหมือนเมื่อก่อนอย่างที่หล่อนคิดไว้
เขาในปีนั้นทั้งหล่อทั้งเย็นชา ทำให้สาวน้อยอย่างหล่อนหลงจนโงหัวไม่ขึ้น
หลังจากที่พบกันใหม่อีกครั้ง ความเลือดเย็นของเขาในตอนนั้น กลับทำให้โจวฮุ่ยหวาดกลัวจนอกสั่นขวัญแขวนไม่หาย
“ขอร้องล่ะ......”
หล่อนยังไม่หยุดสั่น ใบหน้าของตู้ชางฉวินถูกรัดจนแดงก่ำ เจียงจื้อหยวนยังคงส่งเสียงเบาว่า “ชู่ชู่”บอกใบ้ให้หล่อนรู้ว่า ‘ให้ลดเสียงลงอีกหน่อย’
“แกมาทำอะไร?” หล่อนเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง ในปีนั้นหล่อนก็เป็นแบบนี้ อ่อนแอไร้ทางสู้ แม้ตอนนี้อายุมากขึ้น แต่ท่าทางก็ยังหมือนในเวลานั้นอยู่หลายส่วน
ข้างตัวของเจียงจื้อหยวนมีบุหรี่ เหล้า ไฟแช็ก รวมไปถึงเข็มขัดหนัง กระเป๋า เงินกับบัตรที่
ควักออกมาจากกระเป๋าของตู้ชางฉวินวางกระจัดกระจายอยู่เต็มโต๊ะกลางข้างๆ