webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

419

บทที่ 419 ลายเซ็น

เครื่องของเสี่ยวหลิวจะถึงเซี่ยงไฮ้ตอนบ่ายสองโมง เจียงเซ่อจึงหายืมรถไปรับเขาที่สนามบิน

เขาสวมกางเกงยีนขายาว ท่อนบนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวทับในเรียบร้อย พอเขาออกจากสนามบิน ก็เห็นเจียงเซ่อที่รอตนอยู่ที่ประตูทางออก

แม้ว่าจะเคยตรวจสอบจนรู้ว่าเธอคือลูกสาวของคนร้ายที่เคยลักพาตัวเฝิงหนานก็ตาม แต่ทว่าเสี่ยวหลิวในตอนนี้กลับยากที่จะเกลียดเจียงเซ่อลงได้

เธอเด่นสะดุดตาเกินไปจริงๆ ในบรรดาผู้คนมากมาย เธอที่ยืนรออยู่นอกเขตตรวจ ยังคงเป็นเป้าสายตาดึงดูดผู้คนเหมือนเดิม

เธอสวมกี่เพ้าผ้าไหมถักทอลายตารางสีเขียวอ่อนพื้นสีขาว แขนเสื้อทำจากผ้าชีฟองสีเขียวอ่อนเย็บเข้ากันด้วยรูปแบบที่ซับซ้อน

เจียงเซ่อสวมกำไลล้อมเพชรที่ข้อมือวงเดียว นอกนั้นก็ไม่ได้สวมเครื่องประดับอะไรอีก

มีนักท่องเที่ยวรอบๆ จำเธอได้ ต่างพากันยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป แต่เจียงเซ่อกลับไม่สนใจ เธอยืนอยู่ตรงนั้นประหนึ่งชมทิวทัศน์ ทำให้ไม่อาจละสายตาจากตัวเธอได้

บางคนลองคุยกับเธอ และถามเธอว่าใช่ดาราที่ชื่อเจียงเซ่อหรือเปล่า เธอเพียงแค่ยกมือ ทำท่าห้ามปราม ทำให้น้องผู้หญิงคนหนึ่งต้องถอยกลับออกไปอย่างผิดหวัง

“คุณหนูเจียงครับ” เสี่ยวหลิวแบกเพียงกระเป๋าสัมภาระธรรมดา ดูเหมือนจะไม่ต้องการที่จะอยู่เซียงไฮ้นานนัก พริบตาที่เห็นเจียงเซ่อ ก็เดินไปทักทายเธอก่อนเป็นอันดับแรก

บรรยากาศรอบตัวเธอให้ความรู้สึกเยือกเย็น ราวกับเป็นคุณหนูเฝิงหนานเมื่อวันวาน เมื่อเสี่ยวหลิวกล่าวทักทายเสร็จ ก็เผลอใจลอยชั่วครู่ จนได้สติกลับมาจึงทอดถอนใจเนือยๆ ไม่แปลกเลยที่เฝิงจงเหลียงจะชอบเธอแบบนี้ แม้จะรู้ว่าพ่อของเธอมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นโจรที่ลักพาตัวเฝิงหนานเมื่อสมัยก่อน ทั้งยังปกป้องเธออย่างนี้อีก ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล

“อาหลิว” เจียงเซ่อเผยยิ้มออกมา ถามไถ่สุขภาพของเฝิงจงเหลียง ระหว่างที่เธอพูดคำพูดของเธอแฝงไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ไม่เหมือนเสแสร้ง ก่อนออกเดินทางเสี่ยวหลิวจดจำคำฝากฝังของเฝิงจงเหลียงได้ ไม่กล้าหลุดปากพูดเรื่องที่เกินความจำเป็นแม้สักนิด ตอบเพียงเท่าที่ตอบได้

“หายากที่นายท่านจะมีความสุขกับการดื่ม หลังจากนั้นความดันก็สูงขึ้น จนต้องเชิญหมอจ้าวมาเลยทีเดียว ช่วงนี้ก็กำลังพักรักษาตัวอยู่ครับ”

เขาอธิบายอย่างคลุมเครือ เพื่อกลบเกลื่อนเหตุผลที่เฝิงจงเหลียงรีบร้อนอยากได้ลายเซ็น และกล่าวต่อว่า

“หลังจากนั้น หมอจ้าวก็กำชับนายท่านให้ช่วงนี้พักผ่อนมากๆ ครับ ส่วนพืชพรรณไม้ดอกก็ส่งให้คนอื่นดูแลชั่วคราว ทั้งๆ ที่นายท่านเองก็เป็นคนที่อยู่ไม่สุขนั่นล่ะครับ” ขณะที่เขาพูดถึงประโยคนี้ ก็สังเกตเห็นเจียงเซ่อเผยรอยยิ้มออกมา ดวงตาแฝงด้วยความคิดถึง เสี่ยวหลิวถึงกับตะลึงงัน

เขาเคยคิดว่าเจียงเซ่อตีสนิททกับเฝิงจงเหลียง ทั้งยังกลัวว่ามีเจตนาอื่นแอบแฝง โดยเฉพาะยิ่งคือสถานะของเธอที่เปราะบางแบบนี้ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะไม่กังวลใจ

แต่ทว่าการเห็นความรู้สึกที่พรั่งพรูออกมาออกจากดวงตาของเจียงเซ่อในตอนนี้ พลันเขาก็เริ่มสงสัยการคาดเดาก่อนหน้านี้ของตนขึ้นมานิดหน่อย

“ดังนั้นนายท่านจึงรีบร้อนที่แกะสลักตัวอักษรยังไงล่ะครับ นายท่านพูดไว้ว่าหินเถียนหวงเป็นคุณที่มอบให้ ด้วยเหตุและผลแล้ว ตอนที่จะแกะก็ควรถามความเห็นของคุณก่อน หลังจากนี้จะแกะออกมายังไงก็ให้ผมถืออักษรไปให้นายท่านดูก่อน แล้วค่อยตัดสินใจครับ”

พอเขาบอกจุดประสงค์ในการมาที่เป็นความจริงเพียงครึ่งเดียวจบ เจียงเซ่อก็ปิดเปลือกตาลงพลางตอบรับ

เสี่ยวหลิวรีบจองกำหนดการเดินทางกลับทันที เฝิงจงเหลียงยังคงรอคอยคำตอบอยู่ที่ตี้ตูอย่างร้อนใจ

หลังจากที่รู้ว่าเขาจะกลับตี้ตูพรุ่งนี้ เจียงเซ่อก็ถือโอกาสจัดการเขียนอักษรให้ก่อนเสร็จสรรพ ถึงเชิญเขาไปรับประทานอาหารพื้นเมืองเซี่ยงไฮ้ในตอนเย็นเพื่อเลี้ยงต้อนรับเขาที่เดินทางมาไกล

การจัดเตรียมแบบนี้ เสี่ยวหลิวก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร อันดับแรกเจียงเซ่อขับรถไปส่งที่โรงแรมที่เขาพักอยู่ เพื่อให้เขาเก็บของและหวีผมล้างหน้า

ภายในห้องห้องโถงของภัตตาคารมีคาเฟ่หนึ่งร้าน แสงแดดในช่วงบ่ายร้อนแผดเผาราวกับจะย่างเนื้ออย่างนั้น คนไม่น้อยต่างก็สั่งกาแฟและของหวานคลายร้อนในคาเฟ่ฆ่าเวลา

หลังจากเสี่ยวหลิวล้างหน้าบ้วนปากและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว สายตาก็มองไปเห็นเจียงเซ่อที่กำลังนั่งหลับตาพิงหน้าต่างอยู่ ผิวเธอขาวราวกับกระเบื้องเคลือบ แสงแดดส่องผ่านกระจกสะท้อนไปที่แก้มใสๆ ของเธอ การฟังเพลงผ่อนคลาย เพลินๆ ในคาเฟ่นั้น ทำให้รู้สึกเงียบสงบ คลายเครียด จนไม่อาจทนให้ใครมาทำลายมันได้จริงๆ

เธอวางแก้วกาแฟไว้ด้านหน้า และก็ไม่ได้เล่นโทรศัพท์เหมือนคนอื่นๆ ที่อยู่ในคาเฟ่ ท่าทางเงียบๆ ช่างเหมือนกับคุณหนูเฝิงหนานเมื่อก่อนเหลือเกิน

เสี่ยวหลิวได้แต่ถอนหายใจ ตอนที่เขานั่งลง ในมือยังคงถือกระดาษและปากกาที่เฝิงจงเหลียงขอร้องให้เขานำมาโดยเฉพาะ

คำขอที่ยึดมั่นและจริงจังแปลกๆ ของเฝิงจงเหลียงที่จะให้เจียงเซ่อเขียนตัวอักษรนั้น ราวกับว่าจะพิสูจน์อะไรแบบนั้น ของที่เสี่ยวหลิวนำมาเซี่ยงไฮ้เหล่านี้ ล้วนเป็นของที่เขาเตรียมมาจากตี้ตูด้วยตัวเองทั้งนั้น

“นายท่านพูดว่า คุณหนูอยากเขียนอะไรสรุปเพิ่มให้คนแก่อย่างเขาก็เขียนมา หลังจากที่คุณหนูถ่ายหนังเสร็จ เผลอๆ อาจจะมีเรื่องให้คุณหนูประหลาดใจก็ได้นะครับ”

เขาสั่งกาแฟมาแก้วหนึ่ง และต้องการของหวานในร้านสองสามอย่าง พอพนักงานเดินจากไปแล้ว เขาก็ยิ้มออกมาช้าๆ และพูดว่า

“คุณหนูเขียนความต้องการลงตรงนี้นะครับ เดี๋ยวผมนำกลับไปให้นายท่านดูเองครับ ”

เจียงเซ่อรับสมุดกับปากกามา คนสมัยนี้ส่วนใหญ่พึ่งพาแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ในชีวิตประจำวัน คนส่วนใหญ่ล้วนใช้โทรศัพท์ โน้ตบุ๊คพิมพ์งาน น้อยคนที่จะเขียนอักษรออกมางดงาม

สิ่งที่เกินความคาดหมายของเสี่ยวหลิวเป็นอย่างมาก คือตัวอักษรที่เจียงเซ่อเขียนนั้นยอดเยี่ยมไปเลยทีเดียว พอมองก็เห็นถึงความตั้งใจ และยังเป็นท่าทางที่คุ้นตา เธอเขียนชื่อของเธอ ชื่อของเฝิงจงเหลียง และยังเขียนอีกหนึ่งประโยคว่า ‘อากาศร้อนอบอ้าว คุณปู่ต้องดูแลรักษาสุขภาพตัวเองดีๆ นะคะ’

ตอนที่เธอก้มหัวเขียนตัวอักษรอยู่นั้น เสี่ยวหลิวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพลางพูดว่า

“นายท่านคิดถึงคุณหนู กำชับให้ผมถ่ายรูปของคุณหนูกลับไปรอบนี้ด้วยครับ”

เขาถ่ายท่าทางตอนที่เจียงเซ่อเขียนตัวอักษร ข้อมือที่จับปากกา และลายเส้นที่อยู่บนสมุด ทั้งหมดล้วนบันทึกผ่านทางกล้องของมือถือ

เจียงเซ่อไม่ได้ว่าอะไร เธอก้มลงไปเขียนวิธีชงชาให้ชุ่มคอง่ายๆ และสอดปากกาไว้ในสมุดพร้อมปิดสมุดลง พลางหันไปพูดกับเสี่ยวหลิวว่า

“ฉันไม่หวังเรื่องน่าประหลาดใจอะไรหรอกค่ะ หวังแค่ว่าท่านจะไม่โกรธฉัน” เธอเอ่ยเสียงเบา “ตอนโทรกลับไปครั้งที่แล้ว ยังไม่ให้ฉันถ่ายหนังของจางจิ้งอานด้วย”

เธออมยิ้ม แต่กลับเหมือนจะน้อยใจอยู่นิดหน่อย

“ไม่ยอมเชื่อฟังท่าน ฉันยังกลัวว่าท่านจะไม่สนใจฉันแล้วซะอีก”

เสี่ยวหลิวมองเธอที่เป็นแบบนี้ก็ทนไม่ได้อีกต่อไป แม้พูดได้ว่าเจียงจื้อหยวนยังคงเป็นหนามยอกอกในใจเขา แต่เขาลังเลอยู่ชั่วขณะ ถึงกระนั้นก็ยังพูดปลอบโยนเธอว่า

“คุณหนูวางใจเถอะครับ นายท่านไม่มีทางโกรธคุณหนูเด็ดขาด”

ขณะที่เขาตรวจสอบประวัติชีวิตของเจียงเซ่อ พบว่าพ่อบังเกิดเกล้าของเธอก็คือโจรที่ลักพาตัวเฝิงหนานไป เรื่องใหญ่แบบนี้ เฝิงจงเหลียงกลับปกป้องเธอทุกวิธีทาง แล้วเขาจะไปโกรธเธอลงเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ได้อย่างไรกัน

“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะคะ” การมาของเสี่ยวหลิวค่อนข้างจะฉุกละหุก เจียงเซ่อเองก็ไม่โง่ เดาว่าการที่เขาเดินทางมายังเชียงไฮ้ครั้งนี้น่าจะเป็นคำสั่งของเฝิงจงเหลียงโดยเฉพาะ

เสี่ยวหลิวเป็นคนสนิทข้างกายคุณปู่มานานหลายปี เกรงว่าจะเดาอะไรบางอย่างออกแล้ว คุณปู่ถึงส่งเสี่ยวหลิวมาหาเธอเพื่อที่จะยืนยันลายมือ

เธอเม้มปาก พลางกลั้นน้ำตาที่ขอบตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป

ณ บ้านตระกูลตู้ที่ตี้ตู ตอนนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของสมาชิกในบ้านร่ำรวยอู้ฟู่ขึ้นได้เพราะมีเจียงเซ่อคอยดูแล คนในบ้านก็วางแผนไปต่างประเทศในเดือนสิงหาคมซึ่งเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อนของของลูกชายลูกสาวพอดี

เดิมทีควรจะได้ไปเที่ยวนานแล้ว แต่เมื่อวันก่อนแม่ของตู้ชางฉวินไม่ค่อยสบายจึงทำให้เสียเวลาไปบ้าง ตู้หงหงพี่สาวน้องชายทนรอไม่ไหว สัมภาระก็เก็บเรียบร้อยแล้ว ตู้ชางฉวินที่นั่งปรึกษากับลูกสาวถึงของที่จะนำไปเที่ยวอยู่บนโซฟา ทันใดนั้นเองเสียงโทรศัพท์ในห้องรับแขกก็ดังขึ้น เขาตะโกนถามโจวฮุ่ยโดยไม่แม้แต่หันกลับไปมองว่า

“ใครโทรมา”