บทที่ 415 ตกตะลึง
สิ่งที่ทำให้เฝิงจงเหลียงสนใจมากที่สุดก็คือการที่เจียงเซ่อได้รับบทบาทในเรื่อง ‘Occasion of Beiping’ มานั้นเป็นเพราะเธออาศัยความเป็นแฟนคลับของโหวซีหลิ่ง จนดึงดูดความสนใจของโหวซีหลิ่งไว้ได้
เห็นแบบนี้แล้ว เฝิงจงเหลียงกลัวเหลือเกินว่าตนจะเดาผิด เขาไล่นิ้วไปตามข้อมูลหลายครั้งเพื่อเช็คความถูกต้อง
คนไม่น้อยต่างพูดกันไม่ขาดปากว่าบทบาทนี้ที่เจียงเซ่อมุ่งมั่นที่จะช่วงชิงมาให้ได้ในตอนแรก ก็เป็นเพราะเธอชื่นชอบผลงานของโหวซีหลิ่งอยู่แล้ว
แต่เฝิงจงเหลียงพลิกกลับไปดูข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเจียงเซ่อ เสี่ยวหลิวใช้เวลาอาทิตย์กว่าๆ ในการสืบหาข้อมูลของเธออย่างละเอียด จึงได้รู้ว่าแต่ไหนแต่ไรมาเจียงเซ่อไม่ได้สนใจวรรณกรรมทั้งในและต่างประเทศเลย เวลาว่างเธอใช้ไปกับซุบซิบเรื่องดาราและข่าวในวงการบันเทิง แล้วเธอจะไปเคยอ่านหนังสือของโหวซีหลิ่งได้อย่างไรกันล่ะ
ตรงข้ามกับหลานสาวของตนเมื่อสมัยก่อนที่ชื่นชอบผลงานของโหวซีหลิ่งเป็นอย่างมาก และยังสะสมผลงานของโหวซีหลิ่งไว้บนชั้นวางหนังสือที่บ้านเป็นจำนวนมาก
เขาอ่านข้อมูลคร่าวๆ แล้วถึงรู้ว่าประวัติความเป็นมาของเจียงเซ่อตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงภายหลังมานี้มีความขัดแย้งกัน
ตอนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เธอก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ในช่วงชีวิตเธอที่ผ่านมา อาจารย์ เพื่อน ที่อยู่รอบตัวไม่มีสักคนที่สามารถพูดภาษาฝรั่งเศสได้ เพื่อนที่เรียนเปียโนก็มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย เธอไม่มีทางที่จะพูดภาษาฝรั่งเศสได้
เฝิงจงเหลียงอ่านถึงตรงนี้ก็ต้องวางข้อมูลลง ในใจสับสนวุ่นวายไปหมดแล้วในตอนนี้
ในชีวิตนี้เขาพบเห็นเหตุการณ์ใหญ่โตมามากมาย แต่คราวนี้เฝิงจงเหลียงที่อายุอานามก็ปูนนี้แล้ว กลับยากที่สุขุมเยือกเย็นได้อย่างเก่า
เรื่องพิสดารพันลึกบางอย่างก็ยากที่จะทำใจให้เชื่อได้ เขานึกถึงความเปลี่ยนแปลงของเฝิงหนานเมื่อหลายปีก่อน ก็ก่อให้เกิดเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยที่หยั่งรากลึกลงในหัวของเขาภายในเวลาสั้นๆ แล้ว
หากเป็นเขาเมื่อก่อนหน้านี้ น่ากลัวว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็คงไม่ที่ทางจะคิดเรื่องเหล่านี้แน่
เฝิงจงเหลียงที่ไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดาไม่เชื่อในโชคชะตา ปลงตกอย่างช่วยไม่ได้ว่านี่เป็นโชคชะตาจริงๆ ถ้าหากวันนั้นเขาไม่ได้เกิดอารมณ์ดีดื่มเหล้าจนตาพร่ามัวและเห็นตัวอักษรที่เจียงเซ่อเขียนในคืนนั้นแล้วล่ะก็ ก็คงไม่เกิดความสงสัยขึ้นมา น่ากลัวว่าตลอดชีวิตของเขาก็คงไม่เกิดความคิดเพ้อเจ้อพรรค์นี้แน่
เรื่องหลายเรื่องยังรอให้เขาพิสูจน์ ข้อมูลชุดนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น
เขายังต้องลองหยั่งเชิงเฝิงหนาน และยังอยากจะลองดูตัวอักษรที่เจียงเซ่อเขียนด้วย
เขาเปิดเอกสารที่มีโพสอิทสีเหลืองที่เสี่ยวหลิวแปะไว้ว่าเป็นข้อมูลสำคัญออก มีประวัติชีวิตของเจียงเซ่อบันทึกไว้ว่า ชีวิตวัยเด็กของโจวฮุ่ยผู้เป็นแม่ของเธอนั้นเติบโตมาท่ามกลางการด่าทอตบตีของพ่อแม่ พ่อของเธอรังเกียจที่เธอไม่ใช่ลูก ไม่เคยมีสีหน้าดีๆ กับเธอเลยสักครั้ง
เธอหยุดเรียนบ่อย เมื่อพบรักแรก จึงไม่สนใจใครทั้งสิ้น หนีออกจากบ้าน ตั้งครรภ์และให้กำเนิดลูกตอนอายุสิบเจ็ด
เรื่องท้องก่อนแต่งไม่ใช่เรื่องน่าสรรเสริญ เรื่องที่เธอท้องทำให้บ้านตระกูลโจวเหยียดหยามและไม่ดูดำดูดีเธอ ถึงแม้เธอจะเลิกรากับแฟนหนุ่มแล้วก็ตาม พวกเขาเกือบจะตัดความสัมพันธ์กับเธอแล้วเพราะคิดว่าลูกสาวคนนี้ทำให้บ้านตระกูลโจวตต้องอับอายขายหน้า
เฝิงจงเหลียงลดมือข้างหนึ่งเอื้อมมือไปจะลูบถ้วยชาที่อยู่บนโต๊ะ แต่อีกครู่หนึ่งเขาก็กวาดมือไปโดนถ้วยชาบนโต๊ะจนตกลงไปแตกโดยไม่รู้ตัว
ในตอนนี้ เฝิงจงเหลียงเข้าใจคำพูดที่เสี่ยวหลิวไม่กล้าพูดออกมาก่อนหน้านี้แล้ว ตามข้อมูลแฟนหนุ่มของโจวฮุ่ยชื่อเจียงจื้อหยวน
ชื่อเจ้าคนนี้ เป็นหนึ่งในชื่อของโจรที่ลักพาตัวเฝิงหนานไปตอนเด็กนี่!
“ตอนที่ตรวจสอบถึงตรงนี้ ก็อยากคุยกับนายท่านก่อนครับ แต่กลัวร่างกายนายท่านจะทนรับไม่ไหวน่ะครับ”
เฝิงจงเหลียงเอามือกุมหน้าอก รู้สึกหัวใจเต้นแรงมาก ตอนที่ดวงตาของเขาเห็นคำว่า ‘เจียงจื้อหยวน’ คำนี้ ก็ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์ปีนั้น
เสี่ยวหลิวรีบเข้ามาทันทีอย่างไม่ต้องคิด ‘ตึก ตึก ตึก’ เสียงของหัวใจเต้นแรงมาก กระทั่งเขานอนคว่ำหน้าอยู่บนโต๊ะยังรู้สึกว่าหายใจลำบากเลย ราวกับมีหินทับนับพันกิโลทับอยู่บนอกเขาอย่างนั้นแหละ จนเกือบทำให้เขาหัวใจหยุดเต้นอย่างนั้น
เสี่ยวหลิวไม่มีเวลามานั่งสนใจเรื่องของตน แล้วก็ไม่มีกะจิตกะใจจะไปดูที่ถ้วยน้ำชาที่แตกบนพื้นด้วย เขาจัดการป้อนยาลดความดันเข้าปากเฝิงจงเหลียงทันที แต่อีกใจก็อยากแย่งเอกสารข้อมูลในมือเขาไม่ให้เขาดูอีกต่อไป
แต่เฝิงจงเหลียงกลับกำไว้แน่น ไม่ยอมผ่อนแรงเลยแม้แต่น้อย
“ไม่มีทาง จะเป็นไปได้ยังไงกัน”
เขาบ่นพึมพำอยู่คนเดียว เรื่องนี้สะเทือนใจเขามาก จนเขาหอบหายใจถี่ไปหมด เสี่ยวหลิวไม่รอช้ารีบประคองเขาให้ลุกขึ้นออกห่างเก้าอี้มาเอนตัวลงนอนบนโซฟาแทน
เสี่ยวหลิวกัดฟันอยู่เงียบๆ
อันที่จริงข้อมูลของเจียงจื้อหยวนยังไม่ครบถ้วน เพราะตอนที่ตรวจสอบถึงตรงนี้ ก็ลำบากมากพอตัว
ถึงอย่างไรเสีย เรื่องที่เจียงฮุ่ยท้องก่อนแต่งก็ได้ผ่านมานานแล้ว หล่อนคงจะหวาดกลัวการถูกคนค้นเรื่องการแต่งงานที่อับโชคก่อนหน้านี้เจอด้วย ถึงได้ป่าวประกาศกับคนอื่นว่าตนเองจะแต่งงานใหม่กับตู้ชางฉวิน
ถ้าเฝิงจงเหลียงไม่ออกปากให้สืบประวัติของเจียงเซ่อ เสี่ยวหลิวก็คิดไม่ถึงว่าจะขุดเจอเรื่องเก่าๆ แบบนี้ขึ้นมา
ตอนที่เขาตรวจพบเรื่องทั้งหมดนี้ ความสับสนพลันก่อตัวขึ้นภายในใจเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าควรให้เฝิงจงเหลียงดูหรือเปล่า
หากบอกเฝิงจงเหลียงแล้วล่ะก็ จะต้องกระทบกระเทือนจิตใจเขามากแน่ๆ เขาก็อายุมากแล้ว สุขภาพก็ไม่ดี แล้วยังรักเจียงเซ่อมากจริงๆ เขาปฏิบัติต่อเธอราวกับเป็นหลานสาวแท้ๆ ถึงกระทั่งเกิดอยากจะแบ่งมรดกบางส่วนของตนให้กับเธอ
ถ้าหากเขารู้ว่าพ่อแท้ๆ ของเจียงเซ่อก็คือโจรลักพาตัวที่ลักพาคุณหนูเฝิงหนานไปเมื่อสมัยก่อน เขาจะเสียใจแค่ไหนกัน
แต่ถ้าไม่พูด เฝิงจงเหลียงจะยังสนิทสนมกับเจียงเซ่อต่อ ใครจะรู้ว่าเจียงเซ่อมีเจตนาหรือไม่มีเจตนาเข้าหาเฝิงจงเหลียงหรือเปล่า เขากลัวมากจริงๆ กลัวว่าเฝิงจงเหลียงจะโดนทำร้ายอีกครั้ง
คุณหนูเฝิงหนานก็เปลี่ยนไปเป็นแบบนี้แล้ว ถ้าหากมีวันหนึ่ง เจียงเซ่อที่นายท่านให้ความสำคัญราวกับเป็นหลานสาวแท้ๆ มีเจตนาบางอย่างแอบแฝงอยู่ เขากลัวว่านายท่านจะเศร้าโศกเกินกว่าจะทนรับไหว
ตอนนั้นเสี่ยวหลิวเห็นกับตาว่าเฝิงหนานถูกลักพาตัวจนเกือบจะถูกฆ่า คนตระกูลเฝิงทะเลาะวิวาทกันและเอาแต่โทษกันไปโทษกันมา
จนนายท่านต้องแผดเสียงออกคำสั่งด้วยตัวเอง
เขาตามไปช่วยเฝิงหนานกับพวกตำรวจออกมาได้สำเร็จ และนำตัวโจรลักพาตัวส่งให้ศาล
เฝิงจงเหลียงบีบบังคับให้ทางตำรวจจับกุมเจียงจื้อหยวนเข้าคุกต่อหน้าต่อตาและยังห้ามปล่อยตัวไปโดยการมีทัณฑ์บนได้
หลังจากเหตุการณ์นั้นจบลง เขาก็พาเฝิงหนานออกจากฮ่องกงมาอยู่กับเขาที่ตี้ตูนับแต่นั้นเป็นต้นมา
เรื่องในตอนนั้นเกือบทำให้บ้านตระกูลเฝิงแตกแยก นายท่านเฝิงผิดหวังกับบรรดาลูกชายเป็นอย่างมาก เขาไม่เต็มใจที่จะสะสางปัญหาให้พวกเขาอีกแล้ว กระทั่งในยามปกติยังไม่อยากเห็นหน้าของพวกเขาอีก หากเป็นเรื่องสำคัญของบริษัทเขาจะเป็นคนตัดสินใจเอง
เรื่องราวทั้งหมดนี้ถูกปิดผนึกมาหลาย หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวโดยบังเอิญของเจียงเซ่อ เรื่องเก่าฝุ่นจับนี้คงไม่มีใครพูดถึงอีก ถ้าเธอจงใจจะเปิดเผยเรื่องนี้ จะต้องเกิดเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน
“ไม่มีทาง ไม่มีทางที่......”
ปากก็ยังของเฝิงจงเหลียงพึมพำอยู่ เขากำข้อมูลนี้เอาไว้แน่นอยากจะฝืนพลิกหน้าต่อไป แต่มือกลับสั่นจนไม่สามารถออกแรงพลิกได้
แม้จะกินยาลดความดันกับยารักษาโรคหัวใจไปแล้วก็ตาม แต่หัวใจของเขากับยังเต้นเร็วและแรงอยู่
เสี่ยวหลิวอุทานออกมาว่า
“อ้อ ภายหลังคนที่สืบได้รูปเขามาใบหนึ่งครับ ท่านลองดูนะครับ”
คนที่สืบพยายามสุดความสามารถจนได้รูปใบนี้มา เสี่ยวหลิวยื่นมือหมายจะพลิก แต่ไม่รู้ว่าเฝิงจงเหลียงเอาเรี่ยวแรงจากไหนมาปัดมือเขาออก และดูเหมือนเขาใช้แรงแทบจะทั้งหมดที่มี เพราะหลังจากปัดมือของเสียวหลิวเมื่อสักครู่นี้แล้ว มือที่กำเอกสารไว้แน่นก็อ่อนแรงลงจนทำให้เอกสารในมือเขาตกลงกระจัดกระจายเต็มพื้น
รูปถ่ายถ่ายให้เห็นเพียงมุมด้านข้าง เนื่องจากรูปถ่ายใบนี้ถ่ายไว้นานมากแล้ว ตัวรูปถ่ายจึงออกจะเหลืองๆ คนในรูปยังไม่ทันจะเผยโฉมหน้าออกมา เขากลับหลับตาลงแน่นราวกับเห็นผี