บทที่ 408 แสงอรุณ
เฝิงจงเหลียง มือข้างหนึ่งกุมแก้วเก็บความร้อนอยู่ ถึงขั้นลืมที่จะดื่มน้ำไป
เขานึกถึงเรื่องแกะสลักที่คุยกับเจียงเซ่อ เธอเสนอให้แกะสลักชื่อของตัวเขาเอง และยังเขียนอักษรที่โต๊ะ
“......ตอนนั้นคุณหนูเจียงเซ่อก็เกือบจะร้องไห้ไปเหมือนกัน โชคดีที่เธอนิสัยดี ไม่ได้โกรธที่ท่านโมโห และยังรอดูแลท่านจนเรียบร้อยถึงจะกลับไป” เสี่ยวหลิวพูดเตือนท่านอย่างหวังดีว่า “ผมรู้ว่าท่านรอคอยให้เธอมาหา ท่านเป็นห่วงคุณหนูเจียง แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ยังอายุน้อย ท่านก็อย่าเอาแต่ทำหน้าตาเข้มงวดเลยนะครับ…”
เฝิงจงเหลียงไม่สนใจเขา ตรงกันข้ามกลับเริ่มคิดถึงตอนที่คุยกับเจียงเซ่อเมื่อคืนวาน
เสี่ยวหลิวยังอยากจะพูดต่อ เขากลับไม่มีเวลามาบอกให้เสี่ยวหลิวเงียบปาก เพราะดื่มเหล้าเข้าไป จึงทำให้สมองของเขายังไม่สร่างเมามากนัก
แต่พอมาคิดอย่างละเอียด ตอนที่เขาตำหนิ ก็ไม่ได้โมโห ตรงกันข้ามกลับรู้สึกสนิทสนมและคิดถึง
มือทั้งคู่ของเฝิงจงเหลียงเริ่มสั่น น้ำอุ่นที่อยู่ในแก้วเกือบเจ็ดส่วนที่เขาถืออยู่กระเพื่อมเป็นระลอกคลื่นไม่หยุดทำให้คนรู้สึกเวียนหัวตาลาย
ความทรงจำเหล่านั้นถูกแอลกอฮอล์กดทับอยู่ ตอนนี้ก็ราวกับว่าได้ฝ่าช่องประตูกักน้ำออกมาแล้ว ทำให้สมองกลับเป็นปกติ
“เขียนผิดแล้ว! บอกตั้งหลายครั้งแล้วว่า ลำดับขีดก่อนหลังของ คำว่า ‘โข่ว’ ไม่ใช่แบบนี้ ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยจำสักที”
ตอนที่เขาเมาอยู่สายตาพร่ามัวมองไม่ชัด มองเห็นเจียงเซ่อเป็นเฝิงหนาน
เขานึกออกแล้ว ท่วงท่าที่เธอเขียน คำว่า ‘จง’ ลำดับขีดตอนที่เธอจะเขียนคำว่า ‘โข่ว’ เหมือนกับเฝิงหนานตอนเด็กไม่มีผิดเพี้ยน
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมาในใจ เฝิงจงเหลียงประหลาดใจเป็นอย่างมาก ถ้วยที่ถือในมือไม่ได้จับไว้แน่น ก็ตกลงพื้นจนเกิดเสียงดัง ‘เพล้ง’ สักพักน้ำอุ่นในแก้วก็สาดกระเซ็นออกมาถึงบนผ้าห่มและชุดนอนเขา
เสี่ยวหลิวตกใจ คำพูดน้ำไหลไฟดับเมื่อสักครู่ก็หยุดลง รีบยื่นมือไปเช็ดที่ตัวเขาแทน
“ท่านถูกลวกรึเปล่าครับ”
โชคดีที่น้ำไม่ร้อนจัด ตอนที่เทใส่แก้วเมื่อคืนวาน เพื่อความสะดวกในตอนที่เฝิงจงเหลียงตื่นขึ้นมา อุณหภูมิของน้ำจึงเป็นอุณหภูมิที่พอเทเข้าไปต้องสามารถกลืนเข้าปากได้พอดี
เสี่ยวหลิวเตรียมไปเอาผ้าขนหนูมาเช็ดร่างกายเขาแทน ในตอนนี้เฝิงจงเหลียงมีเวลามาสนใจเรื่องเหล่านี้ที่ไหนกัน เขาลืมตัวเผลอจับเสี่ยวหลิวไว้ พลางถลึงตาที่แดงก่ำทั้งสองข้างแล้วพูดว่า
“คุณหนูล่ะ”
“คุณหนู” หน้าของเขาแดงเข้ม เส้นเลือดแถวหน้าผากปูดนูนออกมา แถวต้นคอยิ่งเห็นได้ชัด มือที่จับเสี่ยวหลิวแน่น มีพละกำลังมหาศาล ท่าทางแบบนี้สร้างความตกใจให้เสี่ยวหลิวไม่น้อย จึงถามกลับไปว่า “คุณหนูเฝิงหนานเหรอครับ”
เฝิงจงเหลียงกลับรู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมา สักพักเขาก็กระทืบเท้าอย่างแรง เพราะรู้สึกลนลาน น้ำเสียงจึงแหบแห้ง แล้วเพิ่มระดับเสียงถามว่า
“ฉันพูดถึงเซ่อเซ่อ!”
“คุณหนูเจียงกลับไปแล้วครับ” เสี่ยวหลิวคิดว่าความโกรธของเขายังคงไม่หายไป เมื่อคืนวานตอนที่ทั้งสองกินข้าว พูดคุย บรรยากาศแสนอบอุ่น เสี่ยวหลิวไม่ได้สังเกตว่าทั้งสองคนพูดอะไรกันบ้าง รู้แค่ว่าท้ายที่สุดเฝิงจงเหลียงโกรธขึ้นมา
ตอนนี้ดูเหมือนเขาครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ และเหมือนอารมณ์พลุ่งพล่าน คาดเดาอยู่ในใจเป็นไปได้ว่าคุณหนูเจียงอาจจะทำให้เขาโกรธ
“เมื่อคืนวานหลังจากที่ท่านหลับ เธอก็กลับไปครับ”
เขายกข้อมือ ชี้ไปที่เวลาเพื่อให้เฝิงจงเหลียงดู
“ตอนนี้ใกล้จะตีสี่แล้วครับ”
สีหน้าของเฝิงจงเหลียงดูแย่มาก ร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งตัว คล้ายกับคิดถึงเรื่องอะไรที่น่ากลัว
“เดี๋ยวผมลงไปเรียกให้คนขึ้นมา เก็บกวาดห้องให้เรียบร้อย ท่านเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะครับ ระวังร่างกายจะโดนความเย็น......”
เสี่ยวหลิวพูดอะไร เฝิงจงเหลียงไม่ได้ฟังเข้าหูเลย เขาคิดถึงคำว่า ‘โข่ว’ ที่เจียงเซ่อเขียนอย่างไม่ได้ตั้งใจ เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องบังเอิญหรือเขาคิดมากไปเอง
ถ้าหากเป็นเรื่องบังเอิญ แล้วทำไมถึงมีเรื่องบังเอิญอย่างนี้บนโลกใบนี้ล่ะ ความเคยชินที่เธอเขียนตัวอักษรคำว่า ‘โข่ว’เป็นรูปวงกลมเหมือนกันกับเฝิงหนานหลานสาวของตัวเองไม่ผิดเพี้ยน
เขาปล่อยให้เสี่ยวหลิวพยุงเขาไปเข้าห้องน้ำอย่างมึนงงนึกถึงเจียงเซ่อที่ตัวเองเคยพบมา
เขาเห็นเธอครั้งแรกที่บ้านตระกูลเผย เธออยู่ข้างๆ เผยอี้ ดูเฉลียวฉลาดและสงบเสงี่ยม ตอนนั้นเขายังมองเธอตั้งหลายครั้ง
ตอนนั้นไม่ได้ใส่ใจรายละเอียด ตอนนี้ลองมาคิดดูอย่างละเอียดแล้ว ก็มองเห็นความแปลกและข้อสงสัยหลายจุด
หลังจากได้รับบาดเจ็บ เผยอี้ก็พาเธอมาเยี่ยมเขา
เผยอี้มาเยี่ยมเขาไม่แปลกเลย เพราะเขามีการไปมาหาสู่กันกับตระกูลเผย โดยตอนแรกก็เพราะมีปฏิสัมพันธ์กับเฝิงหนาน เผยอี้เคารพเลื่อมใสเขามาโดยตลอด แต่ตอนนั้นเจียงเซ่อกลับแสดงท่าทีร้อนใจมากกว่าเผยอี้ซะอีก
เธอถามถึงขาของเขา ตอนถูกเขาตำหนิ ดวงตากลมโตดูแดงๆ ตอนที่เธอปอกแอปเปิ้ลให้เขา เหมือนกับเฝิงหนานเมื่อสมัยก่อนอย่างไรอย่างนั้น
พลันเฝิงจงเหลียงรู้สึกปวดหัวเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ร่างกายสั่นสะท้าน ทำให้เสี่ยวหลิวตกใจมากรีบมาประคองเขาไว้
ภายใต้แสงของโคมไฟเฝิงจงเหลียงเหงื่ออกจนชุ่ม สีหน้าซีดเผือด
“ผมจะไปโทรหาหมอจ้าวนะครับ......”
เขายังคงหอบหายใจอย่างยากลำบาก เขานึกถึงน้ำเสียงของเจียงเซ่อตอนที่เรียกตนว่าปู่ นึกถึงตอนเธอมอบของขวัญให้ตน ทุกอย่างล้วนสลักอยู่ภายในใจเขา
นึกถึงตอนที่เธอมากินข้าว ของที่ชอบก็เหมือนกับเฝิงหนานทุกอย่าง นึกถึงขนม*ถางปู้ส่วยที่เธอเคยตั้งใจสั่งมาโดยเฉพาะ
ถ้าไม่ใช่เพราะคืนนี้เขาดื่มเหล้ามากเกินไป ทำให้สมองของเขายังไม่หายสร่างเมา ความคิดพิลึกพิลั่นแบบนี้ เกรงว่าชั่วชีวิตนี้คงจะไม่มีทางเกิดขึ้นกับเขาเป็นแน่
แต่ว่าตอนนี้ เขากลับยากที่จะระงับความคิดของตัวเอง กระทั่งยิ่งคิดก็ยิ่งแปลกประหลาดขึ้นเรื่อยๆ
เผยอี้รักเฝิงหนานอย่างลึกซึ้ง เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ดีเท่าเฝิงจงเหลียง แต่อยู่ๆ เขากลับเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ แม้แต่กับเฝิงหนานก็ไม่เคยมีสีหน้าดีๆ ด้วยอีกแม้แต่นิดเดียว
เขานึกถึงนิสัยที่เปลี่ยนไปของหลานสาวตัวเอง เฝิงจงเหลียงยึดมือของเสี่ยวหลิวเอาไว้ ตอนนี้เขาเกิดความคิด อยากจะโทรศัพท์เรียกเจียงเซ่อมาที่ตระกูลเฝิงซะเดี๋ยวนี้เลย
ที่จริงเขาก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว เรื่องแบบนี้ผิดปกติเกินกว่าที่คิด พูดออกมาแล้วกลัวว่าจะไม่มีคนเชื่อ
หมอจ้าวถูกเรียกมาที่ตระกูลเฝิงในเวลาไม่นาน อาการของเฝิงจงเหลียงค่อนข้างรุนแรง อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ความดันสูง กระทั่งมีโอกาสเสี่ยงที่จะเส้นเลือดในสมองแตกได้
หมอไม่รู้ว่าเรื่องอะไรที่สะเทือนอารมณ์เขา แต่ไม่สามารถให้เขาได้รับการกระทบกระเทือนได้อีก ทางที่ดีคือให้เขาพักผ่อน
แต่ตอนนี้เฝิงจงเหลียงจะนอนต่อไปได้ยังล่ะ
นอนทรมานอยู่พักหนึ่งก็ใกล้จะหกโมงเช้าแล้ว เขาไม่ง่วงนอนเลยซักนิด ผ้าม่านในห้องถูกดึงเปิดแล้ว เขามองท้องฟ้าที่ดวงอาทิตย์ค่อยๆ สาดแสงออกมา ทำให้หมอกในยามเช้าสลายไป
เฝิงจงเหลียงเหม่อลอยไปนอกหน้าต่าง ไม่พูดอะไรเลยสักคำ
มือของเขายังคงติดสายน้ำเกลือ ของเหลวในขวดหยดลงอย่างเงียบเชียบทำให้ภายในห้องเงียบยิ่งเงียบเข้าไปอีก ภายใต้แสงที่ส่องลงที่ใบหน้าซูบผอมของเขาแสดงออกถึงความนิ่งขรึมจริงจังอย่างเด่นชัด
เสี่ยวหลิวไม่กล้าพูด คิดอยู่ในใจว่า เกรงว่าเจียงเซ่อจะทำให้เฝิงจงเหลียงโกรธเสียแล้ว ในอนาคตเธอคงไม่อาจเหยียบย่างเข้ามาในบ้านตระกูลเฝิงได้อีก
“ท่านมีอะไรในใจ ก็พูดออกมาเถอะครับ อย่าเก็บเอาไว้ในใจเลย”
บรรยากาศเงียบสงัด เสี่ยวหลิวในที่สุดก็อดรนทนไม่ไหว จึงเปิดปากพูดให้เขาคลายกังวล “คุณหนูเจียงทำให้ท่านโกรธ ก็ห้ามไม่ให้เธอมาที่นี่อีกก็ได้นี่ครับทำไมจะต้องโมโหจนเสียสุขภาพด้วยละครับ”
หมอจ้าวบอกว่า เขาอายุมากแล้ว โชคดีที่ครั้งนี้เสี่ยวหลิวเรียกเขามาได้ทันเวลาพอดี ไม่อย่างนั้นจะต้องเกิดปัญหาขึ้นจริงๆ แน่ ผลที่ตามมาน่ากลัวว่าจะรุนแรงนัก
*ขนมถางปู้ส่วย เป็นขนมที่ทำมาจากแป้งข้าวเหนียวกวนกับน้ำจนเหนียวข้น จากนั้นเติมน้ำร้อน พักให้อุ่น แล้วนำมาปั้นเป็นลูกกลมๆ พอดีคำ แล้วนำไปนึ่งให้สุก ก่อนนำมารับประทานนิยม คลุกเคล้าเพิ่มรสชาติกับน้ำตาล และงาดำ