webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

401

บทที่ 401 การพูดคุย

เขาชื่นชม ความอ่อนโยนตอนที่เฝิงหนานก้มหน้า แต่ยิ่งชอบเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจและมั่นใจ

  เผยอี้สะบัดศีรษะขับไล่ความมึนงง เหตุการณ์ในอดีตที่ส่งผลต่อเขามานานราวกับโดนการสะบัดหัวของเขาครั้งนี้ โยนมันออกไปจากหัวสมอง

เขาไม่ไปคิดถึงวัยเด็กที่มืออ้วนๆ ทั้งสองรู้จักเพียงการออก ‘ผ้า’ เท่านั้น แล้วก็ไม่ไปคิดถึงรอยยิ้มของ เฝิงหนานอีก

“ผมต้องการอะไรน่ะเหรอ”

เขาพูดพึมพํากับตัวเองเบาๆ และอยู่ๆ ก็ยิ้มขึ้นมา

“ปู่รู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ตอนนี้ไหม”

ผู้เฒ่าเผยฟังที่เขาพูดด้วยอาการเมาสะลืมสะลือ เหล้าขวดนี้ แม้จะมีฤทธิ์แรงมาก แต่เผยอี้ก็ไม่ใช่พวกคออ่อนที่ดื่มทีก็เมา

   “ก่อนที่ผมจะกลับมาผมกำลังส่งเซ่อเซ่อกลับบ้าน ผมเปิดประตูรถให้เธอ มองเธอลงจากรถ” ผู้เฒ่าเผยไม่ขัดจังหวะการเล่าเรื่องของเขาเพียงแค่หยิบขวดขึ้นมา และถือแก้วเหล้าที่อยู่ในมือของเผยอี้ที่เหลืออยู่เกือบเต็มให้แทน แต่ดูเหมือนเขาก็ยังคงไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด ยังคงพูดเรื่องของตัวเองต่อไป

“มองเธอที่เดินลับตาผมไป”เขาผายมือข้างหนึ่ง ทำท่าทางให้ดู “มองไปที่เงาหลังเธอ มองดูเธอเดินเข้าลิฟต์ไป”

เผยอี้เงยหน้าขึ้น ตาของเขาแดงนิดหน่อย แต่มุมปากของเขากลับยกยิ้ม

“ผมต้องการให้เธอหันมามองผมมากขึ้นอีกหน่อย”

คำพูดนี้ของเขาเห็นได้ชัดว่าเกินความคาดหมายของผู้เฒ่าเผย เขาชะงักงันอยู่ครู่หนึ่ง ท่าทางที่กำลังจะวางขวดเหล้าของผู้เฒ่าเผยชะงักค้างไป เผยอี้ไม่ได้พูดว่าคนที่ตนชอบจะต้องเป็นอย่างไร และไม่ได้พูดถึงอีกครึ่งชีวิตที่เหลือที่ตนเลือกว่าจะเป็นอย่างไร ทั้งๆ ที่เขามีโอกาส แต่ก็ยังคงยืนยันหนักแน่นเช่นเดิม

   “สิ่งที่ผมต้องการ ก็คือสิ่งเหล่านี้”

“ไม่ได้เรื่อง” ผู้เฒ่าเผยหรี่ตาตำหนิเขาคำหนึ่ง “คิดดีแล้วเหรอ ก่อนหน้านี้หลานตามติดเฝิงหนานไม่ยอมปล่อย ตามตื๊อพัวพันเขา เขาเปรยว่าชอบฝรั่งเศส ก็รีบไปดูคฤหาสน์ ซื้อที่ดินเอาไว้” เขาขมวดคิ้ว พูดอบรมหลานชาย “หลายปีที่ผ่านมา ปู่เห็นหลานจริงจัง แต่ผลสุดท้ายเป็นยังไง คฤหาสน์ซื้อมาแล้ว ก็หมดความสนใจแล้วให้คนอื่นดูแลแทน”

เขาเดินไปมาในห้องหนังสือไม่กี่ก้าวก็กลับไปนั่งที่โซฟาใหม่

“การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ปู่ไม่อนุญาตให้หลานทำเป็นเรื่องเล่นๆ อาอี้ เราเป็นลูกผู้ชายอกสามศอก ต้องมีความรับผิดชอบ” เขาชี้ไปที่เผยอี้ “ปู่ไม่ต้องการให้หลานมานั่งเสียใจทีหลัง ต่อไปตระกูลเผยต้องอยู่ในมือหลาน ความคิดของหลาน เป็นสิ่งที่แสดงถึงความคิดของตระกูลเผย ถ้าเรื่องในครอบครัวยังจัดการได้ไม่เรียบร้อยจะไปจัดการกับเรื่องอื่นๆ ได้ยังไง?”

“ผมคิดรอบคอบแล้ว คุณปู่วางใจเถอะครับ”

เผยอี้ ถือแก้วเหล้ายกดื่มจนหมด รสเหล้าร้อนแรงราวกับไฟที่เผาไหม้ลิ้นของเขาและไหลลงไปในลำคอ

“ผมเข้าใจเหตุผลที่ปู่ชวนผมมาดื่ม และพูดเรื่องพวกนี้กับผม”

ปีที่จางอี๋ผิงให้เหล้ามา เตือนเรื่องงานแต่งงานระหว่างเขากับลูกสาวบ้านตระกูลเหวิน เขารับเหล้าไว้ หลังจากพิจารณาเรื่องนี้หลายรอบแล้วจึงตัดสินใจตอบตกลง

  ตอนนี้ผู้เฒ่าเผย หยิบเหล้าที่ปิดผนึกเป็นเวลาหลายปีออกมา เปิดขวดเหล้าที่มีความหลังอันมากมายเพื่อการนี้โดยเฉพาะ พูดประโยคพวกนี้กับเขา เป็นประโยคที่มีความนัยลึกซึ้ง

แต่ว่าผู้เฒ่าเผยไม่เข้าใจ ความกังวลของท่านอาจจะมากเกินไปหน่อย ตัวเขาไม่ได้เปลี่ยนใจเลยสักนิด เพียงแต่โชคชะตาต่างหากที่เหมือนเด็กซุกซนที่ชอบเล่นตลกกับเขา การที่เฝิงหนาน 'ซ่อน' อยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ กลับเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายได้มีโอกาสพูดเปิดใจกัน ทำให้ทั้งสองสามารถมองเห็นความในใจของตัวเอง

การที่เจียงเซ่อ จะยอมรับเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างผู้เฒ่าเผยพูด เขาไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินตั้งแต่ยังเด็ก แต่ตอนนั้นแม้แต่จะสารภาพรักกับเฝิงหนานเขาก็ไม่ยังกล้า แต่เขาชอบเจียงเซ่อมาก และยอมไม่ได้ถ้าจะทำให้เธอต้องเสียใจ

“ความกังวลของปู่ผมเข้าใจดีครับ ปู่วางใจเถอะ” เขากล่าวถึงตรงนี้ ก็เงยหน้าขึ้นมาและมองไปที่ผู้เฒ่าเผยตรงๆ ไม่หลบสายตา

“ผมรู้ตัวดีว่าผมเลือกอะไรไป และผมก็ไม่ชอบให้รอบๆ ตัวเกิดเรื่องยุ่งยากน่ารำคาญด้วย”

ผู้เฒ่าเผยเข้าใจทันทีว่าเขาหมายถึง เฉินหมิ่นซู ผู้เฒ่าเผยขมวดคิ้ว พูดเบาๆ ว่า “ไม่เอาไหน”

แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ก็ทำให้เผยอี้ตั้งใจมาพูดเรื่องพวกนี้กับเขาแล้ว

“เพราะเป็นลูกสาวของเพื่อนร่วมรบของพ่อ ผมเลยมาบอกให้รู้ไว้ก่อนครับ ”

ทันทีที่เขากล่าวคำเหล่านี้ออกมา ดวงตาของผู้เฒ่าเผยก็อ่อนแสงลง แต่ยังคงทำหน้าตาขึงขัง "ทำตัวเหมือนตอนเด็กๆ ไม่มีผิด ไปยั่วให้พ่อแกโกรธ รู้จักแต่จะหาความลำบากมาให้ฉัน"

คำพูดที่ถึงแม้จะพูดแบบนั้น แต่เผยอี้กลับฟังออกถึงความอ่อนลงในน้ำเสียงของผู้เฒ่าเผย

เหล้าขวดนี้เมื่อถูกเปิดออกแล้ว บทสนทนาระหว่างสองปู่หลานในคืนนี้ก็ดูเหมือนจะทำลายความห่างเหินจากการเติบโตขึ้นของเผยอี้ให้อันตรธานหายไปด้วย นอกห้องหนังสือ คุณย่าเผยสวมเสื้อคลุม ยืนห่างจากประตูห้องหนังสือที่ไม่ได้ปิด มองดูสองปู่หลานที่นั่งดื่มกันใต้แสงไฟ อดไม่ได้ที่เผยรอยยิ้มจาง ๆ ออกมา

คืนนี้เผยอี้กลับมาอย่างกะทันหัน ตอนที่แม่บ้านมาแจ้งเธอ เธอก็กลัวสามีจะโกรธ กลัวปู่กับหลานจะมีปากเสียงกันจึงรีบสวมเสื้อคลุมเดินออกมาดูสักหน่อย

แต่ว่าระหว่างผู้ชายด้วยกันต่างก็มีวิธีแก้ปัญหาเป็นของตัวเอง

สามีเธออายุก็มาแล้ว ร่างกายก็ไม่ค่อยจะแข็งแรง นั่งอยู่จนถึงตอนนี้ ก็ถือว่าทรมานร่างกายมากแล้ว ตอนนี้ยังมาดื่มเหล้าเป็นเพื่อนเผยอี้อีก ถึงจะพูดได้ว่าบรรยากาศดี เขาเองก็เบิกบานใจ แต่สุขภาพของตาเฒ่าเองก็ยังต้องระวังให้มากอยู่ดี

เธอค่อยๆ เดินกลับไปที่ห้อง สั่งคนรับใช้ให้เตรียมน้ำชาช่วยย่อยเอาไว้ และยังสั่งให้คนไปเตรียมซุป เพื่อที่อีกเดี๋ยวจะให้เผยอี้จะได้ทานรองท้อง

คุณย่าเผยคิดถึงคำพูดที่ได้ยินก่อนจะถึงประตูห้องหนังสือ เรื่องเฉินหมิ่นซูที่มาเป็นแขกของตระกูลเผยในช่วงนี้ และยังนึกถึงเจียงเซ่อที่หลานชายชอบเอามากๆ คนนั้น มาถึงขั้นนี้แล้ว หรือว่าเธอควรจะปรึกษากับสามีดูว่าให้เผยอี้ลองพาเด็กสาวคนนั้นกลับบ้านมาให้ดูสักหน่อยนะ

กลางดึกคืนนั้นหลังจากที่เผยอี้กลับบ้านมาก็ไม่มีโทรศัพท์โทรเข้ามาอีก หลังเจียงเซ่อกลับบ้านมาแล้วก็อาบน้ำชำระร่างกาย ก่อนเข้านอนก็คุยเรื่องงานกับเซี่ยเชาฉวินทางโทรศัพท์

ที่เธอถ่ายรูปกับตู้น่าเต๋อ ในเย็นวันนั้น ภาพก็ได้เผยแพร่ไปทั่วโซเชียลของตู้น่าเต๋อแล้ว

โดยเวยป๋อของแบรนด์ Givenchy เป็นผู้เผยแพร่ข่าวนี้เอง สร้างความฮือฮาแก่วงการบันเทิงวงการไม่น้อยเลย

การกระทำแบบนี้ของ Givenchy ถือว่าไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว เพราะมีเจตนาจะสื่อถึงการร่วมมือกันระหว่างตัวแบรนด์กับตัวเจียงเซ่อเอง  

ประโยชน์สูงสุดของการทำแบบนี้ ก็คือเป็นการอัพค่าตัวของเจียงเซ่อจนสูง ทำให้หลังจากนั้นสองสามวันตอนที่เจียงเซ่อไปเข้าร่วมงานเลี้ยงของคุณนาย Federer จึงทำให้เธอมีความกล้ามากขึ้น และยังมีโอกาสได้รับความสำคัญจากคุณนาย Federer อีกด้วย

หลังจากคุยกับเซี่ยเชาฉวิน ทางโทรศัพท์เสร็จแล้ว เจียงเซ่อก็โทรไปหาโม่อานฉีต่อ โทรศัพท์ของโม่อานฉีต่อสายอยู่เกือบจะตลอดเวลา ผ่านไปสักพักเจียงเซ่อก็โทรอีก แต่ก็ยังโทรไม่ติด คาดว่าสื่อจมูกไวต่างๆ คงจะเริ่มได้ข่าวมาบ้างแล้ว ดังนั้นคงจะกำลังโทรหาโม่อานฉีเพื่อสอบถามอยู่แน่ๆ  

เผยอี้ ยังไม่ได้โทรหาเธอ เธออ่านสคริปเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ท่องบทสักครู่ ถึงจะปิดไฟนอน

การเข้าร่วม งานเลี้ยงที่คุณนาย Federer จัดขึ้น จำเป็นจะต้องสวมชุดราตรีที่เหมาะสม

เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว เพื่อเป็นการแสดงถึงการให้ความสำคัญในงานเลี้ยงครั้งนี้ จึงจำเป็นต้องทุ่มเทความคิดกันหน่อย

ที่บ้านเจียงเซ่อมีชุดราตรีที่ทางบริษัทส่งมาให้ไม่น้อยเลย ในบรรดาเสื้อผ้าจำนวนนี้ ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์หรูทั้งนั้น แต่กับคุณนาย Federer ก็ยังไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ จะทำให้คุณนาย Federer เกิดความคิดที่ว่าเจียงเซ่อไม่ให้ความสำคัญกับงานในครั้งนี้เอาได้ง่ายๆ

ชุดที่สั่งตัดมาไม่ทันแล้ว ชุดราตรีที่ซื้อมาแก้ขัดก็ไม่สามารถดึงเอาความพิเศษของเจียงเซ่อออกมาได้เหมือนกัน