webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

400

ตอนที่ 400 ต้องการ

“จางอี๋ผิง พูดกับฉันสองเรื่อง” คุณปู่เผยคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต ใบหน้าก็ประดับด้วยรอยยิ้มที่ลึกล้ำยิ่งขึ้น

“หนึ่งคือ สถานการณ์ปัจจุบันโดยรวม อีกหนึ่งคือวิสัยทัศน์และความสามารถของตระกูลเหวิน”

ในตอนที่ประเทศใกล้จะถูกศัตรูเข้ายึดครอง ตระกูลเผยครอบครองที่บริเวณเจียงซีและเจียงหนาน ถึงแม้จะมีอำนาจ แต่ก็สามารถรักษาผืนดินที่มีอยู่ได้เพียงน้อยนิด การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ที่กำลังจะมาถึง แม้ว่าผู้เฒ่าเผยจะสามารถรักษาที่ทั้งสองแห่งเอาไว้ได้ แต่ก็ยังเหลือน้อยกว่าแต่ก่อนอยู่ดี

สถานะทางสังคมของตระกูลเหวินถึงแม้ว่าจะต่ำต้อย เทียบไม่ได้กับตระกูลเผยในปัจจุบัน แต่ก็มีตัวแปรหนึ่งที่สำคัญมาก นั่นก็คือตระกูลเหวินนั้นร่ำรวยมาก

“ทวดของหลานเป็นคนมีวิสัยทัศน์และความสามารถที่ยอดเยี่ยม ตั้งแต่ตอนที่เขาไม่มีอะไรเลย ก็ได้เข้าไปอยู่ในบริษัทต่างประเทศ คบค้าสมาคมกับชาวต่างชาติอยู่บ่อยครั้ง พูดภาษาอังกฤษได้คล่องไม่มีติดขัดเลย จากจุดนี้ เขาจึงเติบโตในบริษัทต่างประเทศอย่างรวดเร็ว เจริญก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ เพิ่มพูนทรัพย์สินในครอบครัว”

จางอี๋ผิงมองเห็นถึงความสามารถของเขา หลังจากเรียนจบ จึงได้มาเป็นลูกน้องทำงานให้กับเขา

เหวินอู้ซานเป็นคนที่มีจิตใจทะเยอทะยาน ขยายธุรกิจตั้งแต่เซี่ยงไฮ้มาจนถึงเป่ยผิง ตอนนั้นเขาพูดอย่างหนึ่ง คือถ้าหากว่าที่ทั้งเจียงซีและเจียงหนาน ทวดเผยพยายามพัฒนากิจการอย่างสุดความสามารถ ทุกๆ ปีจะต้องเก็บภาษีได้อยู่ที่หกสิบล้านตำลึง ถ้าอย่างนั้นทรัพย์สินของเหวินอู้ซานก็จะต้องมีมากว่ายี่สิบล้านตำลึง นั่นหมายความว่าตระกูลเผยจะมีรายรับจากหนึ่งในสามของทั้งหมด และด้วยความสามารถของเหวินอู้ซานก็ใช้เวลาเพียงแค่หกเจ็ดปีสั้นๆ เท่านั้น

อิงจากจุดนี้ จะเห็นได้ว่า ตอนที่ผู้เฒ่าเผยยังอายุน้อยๆ ก็ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้แล้ว

จริงๆ แล้ว ในตอนนั้น เขามีคนรักที่เตรียมจะแต่งงานกันอยู่แล้ว แต่จางอี๋ผิงกลับกล่าวอย่างจริงจังขึ้นมาประโยคหนึ่ง คุณปู่เผยมองดูมวนซิการ์ในมือ สีหน้าหมองหม่นอย่างประหลาด

“อาอี้ หลานรู้ไหมว่าเขาพูดว่าอะไร” 

เผยอี้ ฟังปู่เล่าเรื่องราวเก่าๆ สมัยก่อน ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออก พร้อมกับส่ายหัว

“ไม่รู้ครับ” 

ในความเป็นจริง คุณปู่เผย แค่ถามออกไปส่งๆ เท่านั้น ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะตอบได้ เขานั่งหลังตรง แล้วมองไปยังหลานชายด้วยสายตาที่ทั้งรักและสงสาร

“สิ่งที่เขาพูดกับปู่คือ ขอให้ปู่อย่ารีบร้อน สิ่งที่ดีๆ มักจะตามมาที่หลัง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งงาน ผู้หญิง และอนาคตของบ้านตระกูลเผย” 

ในคำพูดของปู่มีความหมายแฝง ชั่วครู่เผยอี้ก็เข้าใจแล้วถึงเหตุผลที่ปู่พุดคุยเรื่องราวเหล่านี้กับเขาในคืนนี้

เผยอี้ยกแก้วขึ้นจิบเหล้าเข้าปากเบาๆ เมื่อเหล้านั้นเข้าปาก อันดับแรกก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นและรสชาติชั้นเลิศ ที่ตามมาคือรสชาติเข้มข้นที่ส่งตรงไปถึงสมอง เขาอมเหล้าไว้ในลิ้น กระตุ้นการรับรสให้เพลิดเพลินถึงขีดสุด อย่างเงียบๆ

  คุณปู่เผยอายุมากแล้ว แต่วางตัวได้สุขุมเยือกเย็น เขาก็เป็นเหมือนเหล้าขวดนี้ที่ไม่เคยเปิดผนึก มีเอกลักษณ์พิเศษกับความเผ็ดที่ซ่าบซ่านไปถึงกระดูกที่อยู่ด้วยกัน

   “ปู่เชื่อตามที่เขาแนะนำ สุดท้ายอย่างที่หลานเห็น” เขาอ้าแขนทั้งสองข้าง ยิ้มพร้อมกับพูดว่า “บ้านสกุลเผยเดินทางจากเทียนจินมาที่นี่”

คุณปู่เผยค่อยๆ วางมือลงพนักโซฟา แล้วเคาะนิ้วมือไปตามพนักพิงโซฟา

“เหล้าขวดนี้เป็นของที่จางอี๋ผิงให้มาตั้งแต่แรก ไม่เคยเปิดมาก่อน” บ้านสกุลเผยยังมีของดีอะไรที่คุณปู่เผยไม่เคยเห็นบ้าง ตอนเขายังหนุ่มๆ รถ เรือยอร์ช ที่คนสมัยนั้นยากจะมี ของที่หลายคนไม่อาจครอบครองก็มีอยู่นี่ทั้งหมด แต่ตอนที่คุณปู่เผยยังเด็ก ท่านได้เคยเปิดหูเปิดตามาหมดแล้ว แค่เหล้าธรรมดาขวดหนึ่ง เขาไม่เห็นอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ ดังนั้น จึงเก็บเอาไว้ที่นี่ พอวางไว้ก็ไม่ได้เอามาเปิดหลายปีแล้ว รสชาติของเหล้าเป็นเพียงเรื่องรองลงมา สิ่งที่สำคัญคือความหมายของเหล้าขวดนี้กับคนที่ให้มาต่างหาก

 เพราะคำพูดของจางอี๋ผิง เขาจึงคิดไม่ตกมาหลายวัน ในตอนนั้นจึงตัดสินใจยังไม่หมั้นชั่วคราว แต่ตัดสินใจรอคุณหนูเหวินอีกสองปี เพราะตัดสินใจแบบนี้ บ้านสกุลเผยกับบ้านสกุลเหวิน จึงร่วมธุรกิจกัน เหวินอู้ซานแสดงให้เห็นถึงทักษะทางธุรกิจที่โดดเด่นของเขา สุดท้ายก็ได้ช่วยเหลือบ้านสกุลเผย ช่วงที่สงครามรุกคืบเข้ามาทางถนนชิงอวิ๋น ทำให้ตระกูลเผยต้องเดินทางจากเทียนจินไปเป่ยผิง มาจนถึงหัวเซี่ย จนถึงทุกวันนี้คุณปู่เผยก็ได้ภรรยาที่มีการศึกษากริยามารยาทเรียบร้อยมาหนึ่งคน

   “หลานยังวัยรุ่นอยู่ เพิ่งจะอายุยี่สิบสามปี อนาคตของหลานมีความเป็นไปได้อย่างไม่มีขีดจำกัด แต่วิสัยทัศน์ของหลานยังอยู่ในขอบเขตที่จำกัดนัก” นิ้วมือของคุณปู่เผยที่ถือซิการ์ชี้ไปหาเผยอี้ “ปู่นั่งตรงนี้ สามารถพบใครก็ได้ที่ปู่อยากจะพบในหัวเซี่ยนี่ เลยอาจจะทำให้เหมือนมองโลกในด้านเดียว ควรจะเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้นบ้าง”

คุณปู่เผยกำลังนั่งไขว่ห้าง แม้ว่าอายุจะเลยเจ็ดสิบมาแล้ว แต่ดวงตาทั้งสองข้างกลับยังทำให้คนไม่กล้ามองสบตรงๆ

“จางอี๋ผิงจากไปนานแล้ว แต่เหล้าขวดนี้ปู่กลับยังหักใจที่จะเปิดมันไม่ได้สักที”

“ผมเข้าใจความหมายของปู่” เผยอี้ชูแก้วเหล้าแสดงสัญลักษณ์แสดงความเคารพแก่ผู้เฒ่าเผย ผู้เฒ่าเผยเองก็ชนแก้วกับเขาเช่นกัน แล้วจิบเหล้าในแก้วอย่างช้าๆ นุ่มนวล

รสชาติของเหล้าไม่ได้มีรสชาติดีเท่ากับเหล้าที่เขาสะสมไว้ แต่เขากลับใช้หล้าขวดนี้ เป็นสิ่งแทนความทรงจำและชีวิตที่ผ่านมา

“หลานเป็นเด็กที่ฉลาดคนหนึ่ง หลานชอบเฝิงหนาน ปู่ไม่คัดค้าน”คิ้วทั้งสองข้างของเขาเลิกขึ้น เปลือกตาค่อยๆ หลุบลง ปิดบังดวงตาของเขาไว้ รอยย่นบนหน้าผากที่ปรากฎออกมา เป็นร่องรอยแห่งกาลเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนาน

“คนที่ขึ้นมาอยู่ในฐานะอย่างพวกเรา สิ่งที่ควรจะคำนึงถึงไม่ใช่ฐานะและชาติกำเนิด แต่เป็นนิสัยใจคอต่างหาก” คุณปู่เผยยกแก้ว แล้วยืนขึ้น

“ปู่ไม่กลัวว่าหลานจะก่อเรื่องวุ่นวาย ปู่เก็บกวาดให้ได้ ”เขาอมยิ้ม พุดออกมาอย่างสบายๆ ว่า “ปู่ไม่กลัวหากหลานจะใช้เงินเป็นเบี้ย ทรัพย์สินบ้านสกุลเผยมีมากมาย”

เขาชี้ไปที่รอบๆ ห้องหนังสือ ของทุกสิ่งที่อยู่ที่นี่ไม่ได้ดูโดดเด่นสะดุดตา แต่ของทั้งหมดล้วนมีที่มา

“ของที่นี่ เป็นของที่แกโยนทิ้งเอาไว้ตั้งแต่ตอนยังเด็กๆ” ถ้าเปลี่ยนเป็นบ้านคนอื่นละก็ คงจะโดนถลกหนังสั่งสอนไปนานแล้ว

เพราะการคอยให้ท้ายของผู้เฒ่าเผย จึงทำให้เผยอี้มีนิสัยหยิ่งยโสไม่แคร์กฎหมายและหลักการอะไรทั้งสิ้น

   “นิสัยของพ่อของหลานแข็งทื่อเกินไป อาจเป็นเพราะปีนั้นปู่เข้มงวดเกินไป เขาเป็นคนซื่อตรงจริงจัง แต่กลับขาดนิสัยอย่างหนึ่งของพยัคฆ์” พูดถึงตรงนี้ คุณปู่เผยก็พูดว่า

“ดังนั้นหลานที่อยู่ข้างกายปู่ตั้งแต่ยังเด็ก อยากได้ลมก็ได้ลม อยากได้ฝนก็ได้เหมือนราชาตัวน้อยก็ไม่ปาน”

บางทีอาจเป็นเพราะตอนยังเล็กๆ เขาได้รับการโอ๋มากเกินไป และไม่เคยได้รับอุปสรรคหรือความยากลำบากเลย ดังนั้นหลังจากที่ชอบเฝิงหนาน ยิ่งหล่อนไม่รู้ความในใจของเขาเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตามติดมากเท่านั้น จนสุดท้ายในสายตาเขาก็ไม่สนคนรอบข้างอีก จดจ่ออยู่กับสิ่งๆ เดียว ไม่สนใจคนอื่นอีก

คุณปู่เผยไม่กลัวสิ่งที่เขาเลือก แต่กลัวถ้าเขาเลือกเร็วเกินไป แล้วเสียใจภายหลัง

“ปู่เพียงกังวลว่าเมื่อเลือกทางผิด จะผิดพลาดไปชั่วชีวิต” โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ หลังจากที่นิสัยของเฝิงหนานได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เผยอี้ก็ยอมรามือไม่สนใจหล่อนอีก แล้วหันไปตามเจียงเซ่อแทน

“การแต่งงานไม่ใช่การละเล่นของเด็ก แต่หลานต้องหนักแน่นมั่นใจ อาอี้ หลานต้องการอะไรลองถามใจตัวเองดูแล้วกัน”

ขาทั้งสองข้างของเผยอี้แยกจากกันเล็กน้อย เขาวางข้อศอกเท้าที่ต้นขา ก้มหน้าลง มองเงาแก้วเหล้าที่ตนถืออยู่สะท้อนลงบนพื้น

เหล้าขวดนี้ดีกรีสูงและยังเก็บมาเป็นเวลาหลายปี ฤทธิ์เหล้าแรงมาก เขาดื่มแก้วเดียว ก็เริ่มรู้สึกมึนๆ แล้ว ตอนนี้สมองของเขารู้สึกร้อนไปหมด เวลานี้สัญชาตญาณอยู่เหนือกว่าเหตุผล