webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

402

บทที่ 402 พบกันโดยบังเอิญ

โม่อานฉีเคยได้ฟังเจียงเซ่อเล่าให้ฟังเรื่องที่คุณนายคนนี้ที่ดูจะรู้สึกดีๆ กับจียงเซ่ออยู่เหมือนกัน พอคิดๆ ดูแล้ว ก็เลยตื่นเต้นนิดหน่อย

“เซ่อเซ่อเธอเพิ่งจะเจรจาร่วมสัญญากับ Givenchy พอดี ตามหนังสือสัญญาแล้ว เธอมีสิทธิ์ยืมชุดจากทางแบรนด์พวกเขานะ” หล่อนนั่งลง “เธอบอกเองนี่ว่า คุณนาย Federer ชอบสีน้ำเงิน ฉันจำได้ คอลเลคชั่นฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ของ Givenchy ออกมาแล้ว ในจำนวนนั้นมีชุดราตรีที่ดูพิเศษมากอยู่ตัวหนึ่ง พอดีกับที่เป็นชุดเดรสสีน้ำเงินรอยัลบลู สไตล์โบฮีเมี่ยน ออกแบบเป็นแบบเปิดไหล่พร้อมเสื้อคลุม สวยมากๆ เลยล่ะ ตอนนี้ในหัวเซี่ย ยังไม่มีดาราคนไหนยืมไปใส่ ถ้าเธอใส่ไปปรากฏตัวในไปงานเลี้ยง คุณนาย Federer ต้องมองเธอใหม่แน่ๆ”

   เจียงเซ่อส่ายหัว “ไม่ล่ะ เอาไว้ก่อนละกัน”

“ทำไมล่ะ” โม่อานฉี เกิดประหลาดใจเล็กน้อย เธอหยิบโทรศัพท์ “ฉันจำได้ว่าในโทรศัพท์ถ่ายแบบชุดเดรสของแบรนด์ Givenchy เอาไว้ เอวเธอคอดบางขาก็เรียว หุ่นเพรียว แถมผิวก็ขาว ชุดนี้ถ้าเธอสวมล่ะก็ ต้องสวยมากแน่นอน” 

เจียงเซ่อยังคงพลิกดูคอลเลคชั่นที่ Givenchy ส่งมา เพื่อมองหาชุดที่เหมาะสม

เธอกับ Givenchy เซ็นสัญญาเป็นหุ้นส่วนกันเป็นเวลาครึ่งปี พูดได้อีกนัยคือ ภายในครึ่งปีนี้ เธอสามารถยืมสินค้าของ Givenchy ได้ โดยทางฝ่าย Givenchy เป็นคนเสนอขึ้นมาเองเลยด้วย เท่ากับเป็นการสร้างกระแสโปรโมตเธอไปด้วยในตัว ต่างก็ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย

  แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงนี้ไป เมื่อกระแสความนิยมจากการโปรโมตได้ผ่านพ้นไป Givenchy เองก็คงไม่ได้พูดถึงอีก ถ้าหากอยากจะรักษาชื่อเสียงและความนิยมของเธอในแบรนด์หรูๆ เอาไว้ เซี่ยเฉาฉวินจึงกำชับเธอว่า ภายในช่วงหกเดือนนี้ไม่ว่าเธอจะเข้าร่วมงานใดโอกาสใด สิ่งที่สวมใส่และสิ่งที่นำมาประดับทางที่ดีสุดควรมาจากแบรนด์ Givenchy ทั้งหมด แบบนี้จะมีประโยชน์ในการสร้างภาพลักษณ์ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างตัวเธอและแบรนด์ต่อคนทั่วไปมากขึ้น และจะมีประโยชน์ต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของเธอในอนาคต เมื่อสิ้นสุดสัญญาก็อาจจะสามารถต่อสัญญาที่สูงขึ้นกว่านี้ได้อีก

  ฟังที่โม่อานฉีพูด เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา แต่พูดประโยคหนึ่งขึ้นมา “อานฉี เธอไม่เข้าใจจิตใจของผู้หญิงหรอก โดยเฉพาะ ผู้หญิงอย่าง Federer”

หล่อนสืบสายเลือดของตระกูล Federer ตระกูลทำนาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ จากที่ได้ลองคุยกับหล่อนสั้นๆ เจียงเซ่อก็พอจับได้ถึงนิสัยของหล่อนว่าเป็นคน ที่มีวิสัยทัศน์ที่ดีคนหนึ่งเลยล่ะ

คุณนาย Federer ชอบสีน้ำเงิน ทุกครั้งที่ปรากฏตัวเธอจะสวมกระโปรงสีน้ำเงิน พิสูจน์ได้ว่าเธอมีความมั่นใจในตัวเองมากเชียวล่ะ ซึ่งในความเป็นจริงเธอก็มีความมั่นใจในตัวเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

โม่อานฉีได้ยินเจียงเซ่อพูดอย่างนี้ ก็ได้สติกลับมา ถ้าหากคุณนาย Federer ชอบสีน้ำเงินและเจียงเซ่อก็สวมชุดสีน้ำเงินออกไปด้วย นอกจากจะไม่สามารถทำให้หล่อนนึกชอบแล้ว แต่อาจถูกมองว่าเป็นการท้าทายและดูถูกเอาได้

  โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นอย่างที่โม่อานฉีพูด เจียงเซ่อที่ทั้งสาวยังสวย รูปร่างก็งดงามโดดเด่นจนไปกลบรัศมีของเจ้าของงานเข้าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

คิดถึงจุดนี้ โม่อานฉีก็พยักหน้า รู้สึกอึ้งไปเล็กน้อย หยุดสไลด์โทรศัพท์มองเจียงเซ่อด้วยท่าทางแปลกๆ  “ทำไมเหรอ”

เจียงเซ่อวางมือลงจากคอลเลคชั่นแล้วเอ่ยถาม โม่อานฉีจึงพูดขึ้นมาว่า

“เธอเองก็อายุยังน้อย ทำไมถึงคิดได้รอบคอบขนาดนี้ล่ะ ”

เจียงเซ่อนิ่งไป โม่อานฉี เพียงแค่ถามไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้มีท่าทางต้องการให้เธอตอบ ท้ายที่สุดทั้งสองคนก็เลือกเป็นชุดเดรสเปิดไหล่สีดำ

ครั้งที่แล้ว Givenchy ได้ส่งแบบชุดเดรสที่มีดีไซน์หลากหลายแบบมาให้เจียงเซ่อ ชุดนี้ที่ออกแบบมานี้ นอกจากจะรักษาสไตล์ที่เป็น Givenchy ที่สวยสง่าแล้ว ยังเพิ่มลูกเล่นที่ทำให้มีความรู้สึกถึงสาวน้อยเข้ามาด้วย

คอเสื้อเป็นรูปตัววี ปาดไหล่เฉียง ส่วนล่างเป็นกระโปรงพองๆ ทำให้ดูสวยสง่ามากยิ่งขึ้น

หลังจากเลือกเครื่องแต่งกาย โม่อานฉี ก็รีบโทรหาบริษัท Givenchy เพื่อตกลงว่าต้องการชุดนี้ เพราะใกล้จะถึงเวลางานของคุณนาย Federer แล้ว ดังนั้นเวลาที่ลองชุดจึงนัดเป็นตอนพรุ่งนี้บ่ายสอง

ตอนเย็นเจียงเซ่อคุยโทรศัพท์กับเผยอี้ ตอนสายของวันต่อมาเจียงเซ่อก็มาถึงร้าน Givenchy ที่ตั้งอยู่ในตี้ตูล่วงหน้าก่อนครึ่งชั่วโมง

ชั้นแรกของร้านนี้เป็นสินค้าที่ขายกันในต่างประเทศ ชั้นที่สองถูกออกแบบมาสำหรับลูกค้าพิเศษโดยเฉพาะ ไม่ได้เปิดให้ลูกค้าทั่วไปเข้ามาใช้บริการ ทุกวันจะรับเฉพาะลูกค้าที่นัดไว้ก่อนล่วงหน้าเท่านั้น

  ตอนที่เจียงเซ่อมา หญิงสาวที่มาต้อนรับเธอจำเธอได้ จึงพาเธอไปห้องโถงวีไอพีพร้อมส่งกาชาเขียวที่ชงเสร็จแล้วมาให้ ในขณะที่ควันชาลอยกรุ่น พนักงานร้าน Givenchy ก็ได้เตรียมชุดเดรสไว้ให้เจียงเซ่อไว้เรียบร้อยแล้ว

ชั้นบนไม่กว้างเท่าชั้นล่าง สินค้าก็ไม่มาก แต่สินค้าที่สามารถเอามาวางโชว์ไว้ที่นี่ได้ ต่างก็เป็นสินค้าพิเศษรุ่นลิมิเต็ดของ Givenchy ทั้งนั้น ส่วนใหญ่จะให้ยืมไม่ขาย เป็นของที่มีเงินก็ใช่ว่าได้มา

  ในตู้กระจกเจียงเซ่อไม่เห็นชุดที่ตนต้องการเลือก คนส่วนใหญ่ไม่แน่ว่าจะเคยได้เห็นชุดราตรี เครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า ที่โชว์อยู่ที่นี่ได้

  เธอเหลือบไปเห็นชุดราตรีสีน้ำเงินที่โม่อานฉีเคยพูดถึง โดยเป็นคอลเลคชั่นฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวของ Givenchy มันถูกแขวนไว้ในที่ๆ สะดุตาที่สุด แม้ว่าจะยังไม่มีเจ้าของมาสวมใส่ แต่ยังคงแสดงให้เห็นถึงเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของมัน

เจียงเซ่อถือกาน้ำชา เทชาให้ตัวเอง ชาค่อนข้างร้อน ยังไม่ทันได้ดื่มควันร้อนและกลิ่นหอมของชาก็ลอยมาปะทะจมูกแล้ว เธอจิบเล็กน้อยแล้วค่อยกลืนลงคอทีละน้อย ชานั่นขมเล็กน้อย แต่เมื่อกลืนลงคอแล้ว จะเจือไปด้วยรสหวาน

  เธอวางถ้วยน้ำชา แล้วลุกขึ้นเพื่อเดินไปดูชุดสีน้ำเงินชุดนั้น

  โม่อานฉี เดินไปอยู่ข้างหลังของเธอ หลังจากเห็นเธอจ้องมองมันอยู่ ก็ถามเธออีกครั้งว่า

“สวยมั้ย?”

มันสวยมากจริงๆ นั่นแหละ เจียงเซ่อพยักหน้า

การออกแบบของชุดราตรีตัวนี้ให้ความรู้สึกย้อนยุคของยุค 60 ช่วงเอวเป็นลายปักและไข่มุก ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา แต่ยังคงความงดงาม

   เธอเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปเมื่อได้ยินเสียงย่ำเท้าบนพรมเสียงดัง ‘สวบ สวบ’ ดังมาจากที่ไม่ไกลนักพร้อมด้วยเสียงหวานและไพเราะของพนักงานร้าน Givenchy

  “คุณเฝิง เชิญทางนี้ค่ะ”

สภาพแวดล้อมที่นี่เงียบสงบมาก คนที่สามารถมาที่นี่ได้ต้องมีฐานะ แม้พนักงานหญิงคนนั้นจะกดเสียงเบาแล้ว แต่เจียงเซ่อก็ยังได้ยินคำที่หล่อนพูดได้ชัดเจน

  เธอหันหน้ามองออกห่างออกไป 7- 8 เมตร สายตาสบเข้ากับเฝิงหนานพอดิบพอดี

เฝิงหนานที่สวมชุดเดรสสีทองอ่อนของแบรนด์ Givenchy พร้อมถือกระเป๋า ผมยาวดัดลอนปล่อยสยายออก เผยให้เห็นลำคอและไหล่บาง ใบหน้าถูกตกแต่งอย่างประณีต ดวงตาเรียวยาว เมื่อเฝิงหนานได้พบกับเจียงเซ่อ ก็เผยสีหน้ารังเกียจออกมาแวบหนึ่ง

  เป็นเวลานาน หล่อนถึงยกยิ้มมุมปาก พนักงาน Givenchy ยังคงรักษาท่าทางค้อมเอวลงเชื้อเชิญหล่อน แต่หล่อนกลับทำเป็นมองไม่เห็น รองเท้าส้นสูงเดินเยื้องย่างมาตามพรม และเดินตรงไปทางเจียงเซ่อ

  “คุณเจียง เป็นเกียรติจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะได้พบคุณที่นี่นะคะ”

หล่อนมองสำรวจเจียงเซ่อตั้งแต่บนลงล่าง ไม่ได้เก็บซ่อนแววตาที่ดูถูกเหยียดหยามเลยสักนิด ในคำพูดนั้นราวกับจะสื่อว่าประหลาดใจที่เจียงเซ่อสามารถเข้ามาในที่แบบนี้ได้อย่างนั้น

  เจียงเซ่อสวมเสื้อผ้าไหมแท้สีขาวแขนเจ็ดส่วน คู่กับกางเกงขาบานเข้าเอว รูปร่างแบบนี้ของเธอเมื่อสวมกางเกงแบบนี้แล้วทำให้ดูสวยอย่างเหลือเชื่อ

เห็นได้ชัดเลยว่าไม่ใช่แบรนด์เนมอะไร แต่เพราะรูปร่างของเธอทำให้เกรดของเสื้อผ้าดูสูงขึ้นหลายขั้นเลยทีเดียว

เธอสวมเสื้อสบายๆ ดูเป็นธรรมชาติ อยู่ในที่แบบนี้กลับไม่ได้ดูตื่นเลยสักนิด กลับดูมีท่าทางสบายๆ ในมือยังคงถือแก้วชาอยู่ พอเฝิงหนานได้มองในใจก็ยิ่งรู้สึกสะอิดสะเอียน รู้สึกเหมือนเธอทำตัวเสแสร้ง น่ารำคาญชะมัด

“เซ่อเซ่อ เป็นหุ้นส่วนของ Givenchy ค่ะ ได้รับเชิญมาให้ยืมชุดของทางแบรนด์ได้”

เจียงเซ่อไม่ได้พูดอะไร พนักงานเห็นบรรยากาศระหว่างทั้งสองคนแปลกไป จึงรีบหาคำมาอธิบาย