webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

399

บทที่ 399 วันเก่าๆ

ที่จริงกำลังโมโหเพราะว่าเผยอี้ไม่เชื่อฟังและกลับมาที่ตี้ตูโดยพละการ แถมยังเปลี่ยนรายชื่อการฝึกของตัวเองอีก แต่พอได้เห็นหน้าหลานชายแล้วกลับรู้สึกสงบเสียอย่างนั้น

เพราะเขาคือหลานที่เลี้ยงเองมากับมือ เขาก็อยากจะโกรธแต่ก็ไม่อยากจะโกรธนานนัก

“ดื่มชาหน่อยไหม? เดี๋ยวจะให้เสี่ยวหลินยกมาให้สักชุด”

คุณปู่เผยชอบสูบบุหรี่ ชอบดื่มเหล้าและชา ของสามสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ใครในบ้านก็แตะไม่ได้เด็ดขาด

หลังจากที่เขาอายุมากแล้ว ก็เริ่มมีเรื่องปัญหาสุขภาพเข้ามา ท่านคุณย่าเผยและคนอื่นๆ ในบ้านต่างก็หวังว่าเขาจะไม่แตะบุหรี่และเหล้าอีก ดังนั้นทำให้เขาได้มีเวลาในการจิบชามากขึ้น

ชาที่ดีจริงๆ ปกติแล้วเขาก็เก็บรักษาเอาไว้อย่างดี ถ้าไม่จำเป็นจะไม่เอาออกมาชงดื่มเด็ดขาด

“ครั้งที่แล้วได้ชาต้าหงเผามานิดหน่อย ได้มาแค่นี้จริงๆ ลองชิมดูสิ” คุณปู่เผยชี้นิ้ว ส่งสัญญาณว่าให้ลองชิมดู เผยอี้จึงเอ่ยขึ้น

“ในตู้ของคุณปู่ ไม่มีเหล้าเก็บไว้แล้วหรือครับ?”

คุณปู่เผยชะงักไป

หลังจากที่ร่างกายเขาไม่ได้แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว คนในบ้านก็เลยพากันห้ามดื่มแอลกอฮอล์อีก แต่ทว่าความเคยชินเดิมๆ มันเปลี่ยนได้ยาก ตู้ที่อยู่ด้านหลังในห้องหนังสือ ถูกเขารื้อจนเกิดช่องว่างประมาณหนึ่ง และใส่พวกเหล้าดีๆ เอาไว้ ในเวลาที่ไม่มีคน ก็มักจะแอบดื่มอยู่เสมอ

เผยอี้ถูกเขาเลี้ยงและโอ๋มาตั้งแต่เด็ก ความลับของเขาคนในบ้านไม่มีใครรู้สักคน แต่เผยอี้กลับรู้

พอได้ยินว่าหลานชายอยากจะดื่มเหล้า คุณปู่เผยก็มองเขาอยู่ครู่หนึ่ง มุมปากของเขากระตุกยิ้ม แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความแน่วแน่ เหมือนว่าไม่คิดที่จะเปลี่ยนความตั้งใจของตนเอง แต่ก่อนในใจของคุณปู่เผย ไม่ว่าเขาจะโตขึ้นมากเท่าไหร่ เขาก็ยังคงเป็นเด็กน้อยที่เขาเคยอุ้มชูเลี้ยงดูอยู่เสมอ ดังนั้นจึงคอยจัดการเรื่องแต่ละเรื่องให้ และคอยคิดแทนเขาอยู่ตลอด

พอตอนนี้ตนอยากจะนั่งจิบชากับเขา แต่เขากลับเสนอออกมาว่าอยากจะดื่มเหล้าแทน นั่นก็คงเป็นเพราะว่าอยากจะพิสูจน์ให้ตนเห็น ว่าตัวเองโตแล้วอย่างนั้นหรือ?

คุณปู่เผยยิ้มๆ ก่อนจะหันตัวไปหยิบขวดเหล้าออกมา

เขาเปิดหนังสือเล่มหนาที่ถูกกรีดตัดจนเป็นช่องว่างออกมา และหยิบกล่องใบหนึ่งออกมากจากช่องนั้น และในกล่องนั้นก็มีเหล้าใส่เอาไว้สองใบ แต่ละใบนั้นสามารถรินเหล้าได้เพียงพอที่จะให้ทั้งสองคนได้จิบกันจนหมด

แก้วเหล้าในบ้านส่วนมากเพื่อที่จะสามารถนำไปซ่อนได้อย่างแนบเนียน ทำให้แก้วเหล่านั้นไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก เป็นแค่แก้วอันเล็กจิ๋วหลิวเท่านั้น กำเอาไว้ในมือยังได้เลย

คุณปู่เผยหยิบแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วนำมันไปล้างในห้องน้ำ จากนั้นก็เช็ดให้มันแห้ง สีหน้าของเขามีความเสียดายขึ้นมา ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เช็ดๆ มือตัวเอง ก่อนจะเดินไปรื้อหนังสือบนชั้นออกมา และสุดท้ายก็ได้เป็นเหล้าขวดหนึ่ง

“เมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นเพื่อนปู่เขาให้มา ปกติแล้วปู่เองก็ไม่อยากจะแตะต้องมันเท่าไหร่ ไม่ว่าใครมาก็ไม่ให้ทั้งนั้น”

เหล้าที่อยู่ในขวดนั้นดูเข้มข้นมาก แถมยังมีเหมือนเป็นขี้ผึ้งติดอยู่บนขวดด้วย และเพื่อไม่ให้มัน ‘เสียอุณหภูมิ’ ไป ขวดเหล้าจึงถูกเช็ดจนใสแจ๋วอยู่เสมอ ผ่านมาตั้งหลายปี ดูเหมือนว่ามันจะไม่เคยถูกเปิดออกมาจริงๆ

ภายนอกของขวดนั้นมันให้คนรู้สึกหวั่นๆ ไม่น้อย ถึงขั้นเรียกได้ว่าดูบ้านนอกเลยด้วยซ้ำ แต่ดูก็รู้ว่าเป็นของที่มีอายุแล้ว

คุณปู่เผยถือขวดเหล้านั่นเอาไว้ ท่าทางดูเสียใจและเสียดายไม่น้อย “เพื่อนเก่าของปู่คนนี้ ถูกฝังลงดินมานานแล้วล่ะ”

เขาหักห้ามใจ และค่อนๆ ลนไฟใส่ขี้ผึ้งที่ติดอยู่ ยังไม่ทันจะได้เปิดจุกมันออกมา กลิ่นหอมๆ ของเหล้าก็ระเหยขึ้นมาให้เผยอี้ได้กลิ่นแล้ว

เพียงครู่เดียวคุณปู่เผยก็เหมือนจะแก่ขึ้นไปอีกหลายสิบปี เขาถือขวดเหล้าเอาไว้ ท่าทางเหมือนหมดแรง

“เหล้าขวดนี้น่ะนะ คุณปู่จางของหลานเป็นคนให้มา คนๆ นี้น่ะ หลานคงจะจำเขาไม่ได้หรอก”

เขาถอนหายใจออกมา แล้วนั่งลง จากนั้นก็เปิดจุกขวดออก เหล้าขวดนี้ถูกตั้งเอาไว้มากว่าหลายปีแล้ว สีของเหล้ามันถูกหมักจนกลายเป็นสีอำพัน ราวกับน้ำผึ้งก็ไม่ปาน และมันก็ดูเข้มข้นมากๆ กลิ่นหอมๆ ของมันกระจายไปทั่วห้อง

“ตอนนั้นพวกผู้รุกรานมันกำลังบุกเข้ามา บ้านเมืองอยู่ในช่วงระส่ำระส่าย ตอนนั้นปู่อายุแค่สี่สิบสามยี่สิบสี่เท่านั้นเอง ก็เหมือนกับหลานในตอนนี้” พอคุณปู่เผยพูดถึงตรงนี้ ก็มองเผยอี้แวบหนึ่ง และรินของเหลวไปเจ็ดส่วนของแก้ว และดันไปตรงหน้าเผยอี้

“สถานการณ์ในตอนนั้น อาอี้ หลานไม่มีทางที่จะนึกภาพมันออกแน่ๆ”

คุณปู่เผยแย้มยิ้ม ก่อนจะเดินไปนั่งอีกฝั่งของโซฟาอย่างไม่เร่งรีบ และนั่งคุยกับหลานชายตัวเองตรงๆ

“ตอนนี้หลานเองก็โตแล้ว ปู่เองก็ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องการเรียนหรือเรื่องที่โรงเรียนของหลานอีก และจะไม่ถามเรื่องการฝึกของหลานด้วย แค่อยากจะคุยเรื่องอื่นๆ บ้าง”

เขายกขาขึ้นไขว้ แล้วยื่นมือไปลูบกล่องเตี้ยๆ ที่อยู่บนโซฟา และในกล่องนั้นมีบุหรี่อยู่ เขาหยิบมันขึ้นมาก้านหนึ่ง แล้วดมมัน

“หลานรู้ไหมว่าปู่ขอย่าของหลานแต่งงานยังไง?”

เผยอี้ส่ายหน้า เขารู้แค่ว่าคุณย่าเป็นคนเซี่ยงไฮ้ เกิดมาในตระกูลที่มีชื่อเสียง ในตระกูลมีเครือญาติมากมาย ตอนเด็กๆ ทุกครั้งที่กลับไปเซี่ยงไฮ้ คนในตระกูลของฝั่งคุณย่าก็ชื่นชอบเขากันทั้งนั้น

การที่ได้แต่งงานกับคุณย่าเผยที่เกิดมาฐานะสูงส่งขนาดนั้น ในตอนนั้นคุณปู่เผยเองก็ยังไม่ได้เกิดแค่ในครอบครัวธรรมดาๆ แน่ๆ เผลอๆ อาจจะยิ่งใหญ่กว่าคุณย่าเผยก็ได้

ที่จริงแล้วคุณปู่เผยเป็นคนเทียนจิน คุณปู่ของคุณปู่เผย ก็ยังเป็นถึงผู้วางแผนที่มากไปด้วยความสามารถของผู้สำเร็จราชการอย่างหลิวจางเฉิง หลังจากนั้นก็ได้รับตำแหน่งใหญ่ในการปกครองถึงสองตำแหน่ง ดูแลทั้งเขตเจียงซู เจียงซี อันฮุย ในขณะเดียวกันก็บริหารเมืองหนานจิงด้วย ควบคู่ไปกับการดำรงตำแหน่งขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ต้องบริหารเมืองเป่ยหยาง คอยสอดส่องดูแลพวกชาวต่างชาติ เป็นผู้ก่อตั้งกองทัพเรือขึ้นมา สร้างธุรกิจจัดซื้อพวกถ่านหิน โทรเลข เรือยนต์ หนังละครและอีกมากมาย หลังจากที่ได้สร้างรากฐานและพัฒนาในเทียนจินไปได้หลายปี อำนาจก็ค่อยๆ ยิ่งใหญ่เทียมฟ้า คนในตระกูลเผยเองก็เจริญเติบโตไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ในสถานการณ์ที่ผ่านมาเหล่านั้น ถึงแม้ว่าคุณย่าเผยจะได้เกิดมาในตระกูลที่ดี แต่เมื่อเทียบกับตระกูลเผยแล้ว ก็ยังมีความด้อยกว่าอยู่ดี

ในตอนที่คุณปู่เผยเป็นวัยรุ่น เขาเองก็เป็นลูกคนโตของตระกูล หญิงสาวที่อยากจะมาแต่งงานกับเขามีตั้งมากมาย ตอนนั้นพูดได้เลยว่ามีความสุขไม่น้อย

ตอนที่ยังเป็นวัยรุ่น ตระกูลของเขามั่งคั่งและเป็นที่รู้จักไปทั่ว คนที่ไปมาหาสู่กันล้วนแล้วเป็นหญิงสาวผู้สูงส่งของเหล่าตระกูลเศรษฐีกันทั้งนั้น หลายๆ คนต่างก็แย่งชิงกันที่จะมาแสดงตัวให้คุณปู่เผยได้เห็น เพื่อที่จะได้คบหากับเขา

ในสถานการณ์แบบนั้น ตอนั้นในหัวเซี่ยเองกำลังอยู่ในความสับสนวุ่นวาย แต่กลุ่มเบื้องบนก็ยังคงร่ำรวยขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นที่ว่าเศรษฐกิจนั้นเจริญเติบโตขึ้นอย่างน่าแปลกใจ

ผู้รุกรานต่างก็จ้องแผ่นดินที่เต็มไปด้วยความมั่งคั่งนี้ตาเป็นมัน และกำลังจ้องมองมาราวกับเสือที่กำลังจะตะครุบเหยื่อ เมืองสามเมืองมีแนวโน้มว่าจะถูกพวกข้าศึกยึดครองไป เหล่าประชาชนชาวบ้านต่างใช้ชีวิตอยู่กันด้วยความหวาดกลัวและยากลำบาก

แต่ทั้งคุณปู่เผยและคุณย่าเผย กลับกำลังร้องเล่นเต้นรำ และเมื่อความเจริญรุ่งเรืองขั้นสุดกับสงครามมันหล่อหลอมเข้าด้วยกัน จากปากของคุณปู่เผย ราวกับเป็นภาพที่เรียงต่อกันไปเรื่อยๆ ปรากฏให้เผยอี้ได้เห็นอยู่ตรงหน้า

“ตอนนี้นี่แหละ ที่จางอี๋ผิงเพื่อนสนิทของปู่ได้แวะมาหาปู่ที่บ้าน” พอคุณปู่เผยเล่าถึงตรงนี้ ก็เอนตัวไปพิงกับพนักโซฟาด้านหลัง เหมือนกับว่ากำลังหวนรำลึกถึงความทรงจำในอดีต “เขาอายุมากกว่าปู่ถึงเจ็ดปี เป็นเพื่อนเก่าที่เคยเรียนด้วยด้วยกันอยู่ที่เป่ยผิง เป็นคนที่มีความคิดด้านศิลปะสูง เป็นถึงเลขาธิการของเหวินอู้ซานของเซี่ยงไฮ้ เป็นคนคอยวางแผนแทนเขา”

คุณปู่เผยหยิบบุหรี่ขึ้นมา แล้วมองเผยอี้ยิ้มๆ เผยอี้จึงพูดขึ้น

“เป็นคนของคุณทวดหรือครับ?”

ตระกูลของคุณย่าเผยนั้นมีแซ่ว่าเหวิน ตระกูลนี้ทำธุรกิจเป็นนายหน้าให้กับบริษัทต่างประเทศในเซี่ยงไฮ้ ถือว่าร่ำรวยทีเดียว

“ใช่แล้ว ตระกูลเผยของเรา ไม่ได้น่าเข้ามาอยู่เท่าไหร่หรอกนะ อาอี้” คุณปู่เผยยิ้มขำขัน “ตอนนั้นเขามาในฐานะของเพื่อนเก่า เข้ามาหาปู่ และถือขวดเหล้าขวดนี้มา และคุยกับปู่ถึงเรื่องการแต่งงานของปู่”

คุณปู่เผยเกิดมาในฐานะที่สูงส่งมาก แถมยังเป็นถึงลูกคนโตอีก คนในตระกูลจะต้องคาดหวังกับเขามากแน่ๆ การแต่งงานของเขายังไม่มีวี่แววเสียที และเพราะชื่อเสียงของเขาที่ได้ชื่อว่าเป็นชายหนุ่มที่หญิงสาวอยากจะได้เป็นสามีมากที่สุด

ถึงแม้ว่าตระกูลเหวินจะร่ำรวย แต่ก็ยังน้อยกว่าตระกูลเผยอยู่ดี

พูดๆ ไปแล้วในตอนนั้นก็เหมือนกับเป็นการเนรคุณอย่างบอกไม่ถูก ตระกูลเผยนั้นอยู่ในแผ่นดินของราชวงศ์ชิง ราวกับฮ่องเต้ที่เพียงยื่นมือก็สามารถปิดแผ่นฟ้าได้

ตอนนั้นปลายราชวงศ์ชิงเริ่มที่จะเหลือไว้เพียงแค่ชื่อเสียง เหล่ากลุ่มขุนศึกทั้งหลายเริ่มทำการเข้ายึดดินแดน สำหรับดินแดนส่วนไหนที่ยากที่จะควบคุม ตระกูลเผยที่อยู่ในแผ่นดินนั้นก็เปรียบเสมือนฟ้า แต่ตระกูลเหวินที่แค่ทำการค้าขายกับต่างชาติ ในสายตาของตระกูลเผยแล้ว ยังไงก็ไม่พ้นมองว่าเป็นแค่พวก ‘ขุนนาง’ เท่านั้น ไม่มีอะไรคู่ควรเลยสักนิด