webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

396

บทที่ 396 แนะนำ

เผยอี้ไม่ได้เข้าใจเลยด้วยซ้ำ ว่าที่ตัวเองบอกว่า ‘สำนึกผิดนั่น’ คือวิธีการที่เขาเลือกจะตอบโต้เฉินหมิ่นซู ไม่ใช่การที่เรื่องที่เขาลงไม่ลงมือกับใครหรอก

เจียงเซ่อไม่รู้ว่านี่มันคือสิ่งที่น่าดีใจหรือเปล่าที่เผยอี้ความรู้สึกช้าแบบนี้ ถึงได้ไม่รู้แล้วว่าจริงๆ แล้วคนอื่นกำลังคิดอย่างไรอยู่ หรือควรจะโกรธที่เขาไม่ยอมคิดถึงเรื่องพวกนี้บ้างดีล่ะ ถึงได้ยังยอมให้เฉินหมิ่นซูมีโอกาสได้ตามเขาต้อยๆ แบบนี้

ตอนนี้ในใจของเธอกำลังคิดว่าจะพูดให้เขาได้เข้าใจอย่างไรดี นี่ต่างเป็นรักครั้งแรกของพวกเขาทั้งสองคน เรื่องของความรู้สึกที่มี ต่างก็ต้องพึ่งพาอาศัยและก้าวไปด้วยกัน แต่ว่าเธอเป็นผู้หญิง เป็นเรื่องธรรมดาที่สัญชาตญาณของเธอจะไวกว่าเขา

สายตาที่เฉินหมิ่นซูมองเขาเขาไม่เข้าใจ แต่ในใจของเจียงเซ่อกลับสัมผัสมันได้ สายตาของเด็กสาวคนนั้นมันมีแต่ความมุ่งมั่นและใส่ใจเต็มไปหมด เธอตีเขาไปอีกสองที เป็นสัญญาณว่าให้ปล่อยเธอลงได้แล้ว จากนั้นก็ช่วยเขาจัดหูกระต่ายอีกนิดหน่อย เขาก้มลงมองเห็นการกระทำของเจียงเซ่อได้พอดิบพอดี พอเห็นเจียงเซ่อยิ้ม เผยอี้ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตามไปด้วย

รอบๆ ข้างเริ่มมีคนเข้ามาเยอะแล้ว เธอลองมองไปยังจุดที่เผยหรุ่ยยืนอยู่ก่อนหน้านี้ ก็พบว่าเผยหรุ่ยไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว คงจะรู้สึกได้เหมือนกันว่าการกระทำของเฉินหมิ่นซูดูผลีผลามไปหน่อย และคงกลัวว่าจะเกิดมาทะเลาะกับเผยอี้กลางงานเข้าจริงๆ เลยพาออกไปชั่วคราวก่อน

“อาอี้ นายไม่ควรที่จะใช้วิธีนี้นะรู้ไหม”

เขาทำหน้าสงสัยไม่เข้าใจ “ทำไมหรือครับ?”

“เพราะว่าเธอชอบนายไงล่ะ นายดูไม่ออกอย่างนั้นเหรอ?” เธอหยิบกระเป๋าขึ้นมา จากนั้นก็หลบมายังมุมที่ไม่มีใครสังเกตเห็น เผยอี้เองก็เดินตามหลังเธอไปติดๆ พอได้ยินแบบนั้น เขาก็สตั้นไปในทันที เหมือนกับจับต้นชนปลายไม่ถูก

“นายเกิดมาในฐานะตระกูลที่ดี แถมยังหน้าตาดีแบบนี้ ก็อย่างที่นายพูดไง นายมีฉันแล้ว ดังนั้นนายจึงไม่ได้สนใจหรือพูดคุยกับผู้หญิงคนไหนในโรงเรียนอีก” และแค่นั้นมันก็มากพอที่จะทำให้ผู้หญิงรู้สึกสนใจได้แล้ว

“จะเป็นไปได้ยังไงกันละครับ?” เขายังเหมือนไม่อยากจะเชื่อ แถมยังทำหน้าแหยๆ อีก

เจียงเซ่อหยิบกระจกอันเล็กขึ้นมา จากนั้นก็หันไปมองเขาแวบหนึ่ง “ถ้าไม่ได้ชอบ แล้วทำไมถึงต้องตามติดนายขนาดนั้นกันล่ะ วันๆ เอาแต่จ้องว่านายจะทำอะไรไม่ใช่หรือยังไง?”

“หล่อนมันไม่รู้จักเจียมตัว!” เผยอี้ตอบกลับอย่างไม่คิดเลยสักนิด คำพูดของเขาทำเอาเจียงเซ่อเกือบจะหลุดขำออกมาอยู่แล้ว เธอหันไปจ้องเขาแวบหนึ่ง “นั่นก็เป็นเรื่องของเธอแล้วล่ะ”

เงาสะท้อนของเธอที่อยู่บนกระจกทำให้เห็นว่าแก้มของเธอกำลังขึ้นสี มันไม่ใช่เพราะว่าแต่งหน้าก็เลยแดง แต่เป็นเพราะการกระทำที่สนิทแนบชิดของเผยอี้เมื่อกี้ที่ทำให้มันเห่อแดงขึ้นมาต่างหาก ดวงตาคู่นั้นของเธอเปล่งประกายเหมือนดวงดาว ราวกับเม็ดไข่มุก ที่กำลังเปล่งประกายสะท้อนเล่นกับแสงไฟ ขนตาของเธอถูกปัดจนเรียงตัวสวยเป็นเส้นๆ และยิ่งเพิ่มความงดงามให้กับเธอ ในระหว่างที่กำลังคุยกับเผยอี้ เธอก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอ ดูไม่ค่อยเหมือนกับวันทั่วๆ ไปที่เคยพูดคุยกันสักเท่าไหร่ มีความขวยเขินเหมือนอย่างเด็กสาว ริมฝีปากบวมเจ่อเล็กน้อย รอยลิปสติกที่ถูกเขาลบไปจนหมดแล้ว ก็เริ่มที่จะเผยสีของริมฝีปากจริงๆ ของเธอออกมา

เจียงเซ่อมองเขาครู่หนึ่ง นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วก้มหน้าล้วงหาลิปสติกในกระเป๋า

“ฉันไม่ชอบแบบนี้เลย นายจะต้องหาวิธีจัดการสะสางเรื่องนี้ให้ได้ ฉันไม่สนว่านายจะใช้วิธีไหน แต่ว่าฉันไม่อยากจะเห็นว่าเธอคอยเอาแต่ตามหลังนายแบบนี้อีกแล้ว”

ร่างสูงใหญ่ของเขาบังแสงเอาไว้เกือบหมด ถึงแม้ว่าจะเป็นการช่วยบังเธอไม่ให้คนอื่นเห็น แต่ก็บังจนมันเป็นเงามืดคลุมเอาไว้ไปเกือบครึ่ง เจียงเซ่อเขย่งเท้าขึ้น แล้วเขยิบเข้าไปใกล้กับไหล่ของเขา อาศัยแสงไฟในงานในการเติมลิปสติกลงบนริมฝีปากของตัวเอง พอกำลังจะเก็บลงกระเป๋า ก็หันไปมองเขาอีกรอบหนึ่ง เหมือนเป็นการบอกให้เขาก้มหน้าลง เผยอี้เองก็โน้มตัวลงมาอย่างว่าง่าย และยอมให้เธอเอาลิปมันทาลงบนริมฝีปากของตัวเองด้วย มันทำให้เขานึกถึงว่าลิปมันอันนี้มันได้สัมผัสริมฝีปากของเจียงเซ่อมาแล้ว ก็เกิดอยากจะแลบลิ้นเลียมัน เธอเก็บของลงในกระเป๋าเรียบร้อย จากนั้นก็หยิกเขาไปหนึ่งที

“ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่สนใจนายแล้ว!”

ท่าทางเธอดูรำคาญใจไม่น้อย สถานการณ์แบบนั้น ทำเอาเผยอี้รู้สึกว่ามันคือหายนะชัดๆ

เธอเกลี่ยๆ เนื้อลิปให้ทั่วริมฝีปากตัวเองจนมันกลับมามีสีสันอีกครั้ง เผยอี้มองมันครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้

เจียงเซ่อที่ทาลิปเสร็จแล้ว เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเขาหัวเราะคิกคัก จึงเกลี่ยผมทัดหูอย่างลวกๆ “หัวเราะอะไร?”

พอเผยอี้ได้ยินแบบนั้น ก็ยิ่งยิ้มกว้างเข้าไปอีก

ปรกติแล้วเจียงเซ่อไม่ใช่คนที่พูดเยอะ มีอะไรก็ชอบเก็บเอาไว้ ทั้งสองคนคบกันมาก็ระยะหนึ่งแล้ว จนทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเอาแต่สนใจเธอมากกว่าที่เธอสนใจตัวเองเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะมีอารมณ์หึงหวงกันแบบนี้ด้วย แถมเวลาโกรธก็ดุสุดๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขากลับรู้สึกยิ่งชอบเจียงเซ่อที่เป็นแบบนี้มากขึ้นไปอีก ความรู้สึกหงุดหงิดโมโหเพราะโดนเฉินหมิ่นซูกวนก่อนหน้านี้ก็เริ่มหายไปแล้ว “น่ารักจริงๆ เซ่อเซ่อ ผมชอบที่พี่สนใจผมแบบนี้จัง”

เขาหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ “ผมสำนึกผิดแล้วจริงๆ นะ”

เธอก็ยังคงหน้าแดงเพราะคำพูดของเผยอี้อยู่ดี

“แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่อยากเห็นว่าเฉินหมิ่นซูมาพัวพันกับนายแบบนี้อีกแล้ว ถ้าหากว่านายไม่ยอมสะสางให้เรียบร้อยละก็ ฉันจะไม่สนใจนายแล้วจริงๆ ด้วย” เขาพยักหน้า สายตาดูมุ่งมั่นขึ้นไม่น้อย

“เดี๋ยวฉันต้องไปกับพี่เชาฉวินแล้ว นายจะกลับไปคุยกับเผยหรุ่ยหน่อยไหม?”

เผยหรุ่ยไม่ได้มาที่นี่โดยบังเอิญแน่ๆ การที่หล่อนมาอยู่ในงานนี้ จะต้องเป็นเพราะคุณปู่เผยมีเรื่องอยากจะคุยกับเขาแน่ๆ

เขารับคำ ที่จริงเขาเองก็ดูๆ เวลาเอาไว้แล้ว คิดว่าจะกลับไปที่บ้านเสียหน่อย

แต่แค่เขาคิดไม่ถึงว่าเฉินหมิ่นซูจะตามเขามาถึงตี้ตูแบบนี้ แถมยังมาก่อเรื่องเอาไว้อีก

แววตาของเขาเริ่มเผยความหงุดหงิดออกมาอีกครั้ง ทั้งสองคนจัดการอะไรเรียบร้อยก็พากันออกมาจากมุม และเซี่ยเชาฉวินก็เดินตามหาเธอเจอพอดี ตอนที่เห็นเธอ หล่อนก็ถอนหายใจโล่งอกออกมาทีหนึ่ง เจียงเซ่อหันไปมองเผยอี้ เขาจึงเอ่ยขึ้น

“งั้นผมขอตัวไปคุยโทรศัพท์หน่อยแล้วกัน”

เจียงเซ่อพยักหน้า หลังจากมองส่งเขาแล้ว เซี่ยเชาฉวินก็เรียกเธอให้ตามหล่อนไปทันที

“เซ่อเซ่อ มานี่สิ”

“ในงานเลี้ยงครบรอบของ Steinway ในครั้งนี้ เหมือนว่าผู้จัดการของแบรนด์ต่างๆ ก็มากันหมดเลย และตู้น่าเต๋อ ผู้จัดการ Givenchy ของตี้ตูเองก็มาด้วย ชุดที่เธอใส่อยู่ก็เป็นชุดราตรีของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมรรยาทหรือหน้าที่ ในเวลาแบบนี้เธอก็ต้องเข้าไปกล่าวขอบคุณเขาเสียหน่อย”

การขอบคุณในครั้งนี้ ก็ถือว่าเป็นการได้เข้าไปสร้างคอนเนคชั่นความสัมพันธ์กับผู้จัดการของ Givenchy ด้วย ต่อไปการร่วมงานระหว่างทั้งสองฝ่ายจะได้ราบรื่นขึ้น

ตอนนี้เผยอี้ไปหาเผยหรุ่ยเรียบร้อยแล้ว เจียงเซ่อเองก็เก็บเรื่องที่อยู่ในใจเอาไว้ก่อน และเดินตามเซี่ยเชาฉวินไปทางที่ผู้จัดการของ Givenchy ยืนอยู่

ดูเหมือนว่าผู้จัดการ Givenchy ของหัวเซี่ยคนนี้กำลังยืนคุยอยู่กับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ตอนที่เซี่ยเชาฉวินและเจียงเซ่อเดินเข้าไปทักทาย เขาก็กอดทักทายกับเซี่ยเชาฉวิน จากนั้นก็เบนสายตามาบนตัวเจียงเซ่ออย่างรวดเร็ว

ตอนนี้เจียงเซ่อได้ขึ้นชื่อว่าเป็นดาราสาวที่สร้างฐานะและชื่อเสียงได้เร็วที่สุดในหัวเซี่ย และแน่นอนว่าต้องเป็นที่จับตามองของผู้จัดการ Givenchy คนนี้ด้วย

และยิ่งโดยเฉพาะช่วงนี้เจียงเซ่อและ Givenchy นั้นกำลังที่มีการร่วมงานกัน ดังนั้นตอนที่ผู้จัดการ Givenchy คนนี้อยู่ต่อหน้าเจียงเซ่อ เขาก็เผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความจริงใจออกมา

ในงานเลี้ยงครบรอบสามสิบปีของ Steinway ในคืนนี้ ในงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยแบรนด์เนม เจียงเซ่อเองก็ได้รับบัตรเชิญด้วย นั่นก็ชัดเจนแล้วว่าบุคลิกและฐานะของเธอนั้นเป็นที่ยอมกับของ Steinway แบรนด์สินค้าที่ใหญ่ขนาดนี้ และนี่ก็จะทำให้มูลค่าของตัวเจียงเซ่อนั้น จะต้องเลื่อนขั้นขึ้นไปอีกมากแน่ๆ

คืนนี้ที่เธอมาออกงานสังคมที่ใหญ่แบบนี้ ชุดที่เธอสวมใส่มาก็คือชุดราตรีที่ทาง Givenchy ส่งไปให้กับเธอ เป็นชุดราตรีแบบมินิเดรส พอมันมาอยู่บนตัวของเธอแบบนี้แล้วก็ยิ่งดูสง่าขึ้นไม่น้อย เผยเรียวขาที่ยาวสวย เม็ดไข่มุกที่ประดับอยู่ตรงเอวก็ยิ่งทำให้ชุดดูมีออร่ามากขึ้นไปอีก

ที่สำคัญก็คือ เจียงเซ่อไม่ได้แต่งหน้าหวือหวาอะไรมากมายจนทำให้ดูเกินวัย เธอเพียงแค่แต่งมาเบาๆเพื่อให้บุคลิกดูเข้ากันกับชุดกระโปรงสีดำชุดนี้ เรียบง่ายและบริสุทธิ์ราวกับหยาดน้ำค้าง และนั่นก็ยิ่งทำให้ผู้จัดการของ Givenchy รู้สึกประทับใจขึ้นไปอีก

“คุณเจียง คืนนี้คุณดูสวยมากเลยนะครับ”

เขายิ้มกว้างแล้วกอดทักทายกับเจียงเซ่อ จากนั้นเซี่ยเชาฉวินก็ได้เอ่ยขอถ่ายรูปกลุ่มด้วยกันเสียหน่อย ตู้น่าเต๋อเองก็เต็มใจที่จะถ่ายด้วย

พอได้ถ่ายรูปด้วยกันแบบนี้แล้ว สำหรับเจียงเซ่อก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ โดยเฉพาะกับการที่ได้ถ่ายรูปกับแบรนด์ Givenchy ที่เป็นแบรนด์ระดับสูงแบบนี้ด้วยแล้ว มันก็จะยิ่งทำให้เธอกลายเป็นที่จับตามองของเหล่าแบรนด์ใหญ่ต่างๆ มากขึ้น ต่อไปในอนาคตก็จะมีประโยชน์กับการร่วมงานกับแบรนด์อื่นๆ

หลังจากที่เซี่ยเชาฉวินถ่ายรูปเองกับมือเรียบร้อยแล้ว ก็ยืนพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอีกนิดหน่อย งานเลี้ยงก็กำลังจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว