webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

395

บทที่ 395 ผิดไปแล้ว

เผยอี้ถอนหายใจโล่งอก คิดไม่ถึงว่าเรื่องที่เธอกำลังไม่พอใจคือเรื่องนี้ต่างหาก

“ที่แท้ก็โกรธเรื่องนี้นี่เอง”

เขาลูบเอวเธอไปมา เหมือนกับกำลังปลอบใจเด็กอยู่ แล้วกำลังจะเอาคางวางลงบนศีรษะของเธอ แต่เธอก็ยกมือขึ้นดันเขาออก

“หยุดรุ่มร่ามเดี๋ยวนี้นะ! อย่ามาทำให้ผมฉันยุ่งสิ”

“ก็อยากรุ่มร่ามอ่ะ” แล้วเขาก็จงใจวางคางลงไปอีก พอรู้สึกว่าเธอกำลังจะโมโหขึ้นมาอีกแล้ว ก็รีบหยุดทันที เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นเบาๆ

“ผมเคยบอกพี่ไหมครับ ว่าผมเคยต่อยเธอไปแล้วครั้งหนึ่ง?”

“ไม่เคย” เจียงเซ่อนึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา และเขาเองก็เหมือนอยากจะขอโทษเธอด้วย ที่จริงเรื่องที่เคยโดนเฉินหมิ่นซูมาก่อกวนแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าขายหน้ามาก เพราะงั้นเรื่องนี้เขาจึงไม่อยากจะไปพูดให้ใครฟัง

ที่สำคัญก็คือเขาไม่เห็นว่าเฉินหมิ่นซูจะสำคัญอะไรตรงไหน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตอนนั้นไปต่อยจนเข้าโรงพยาบาล แม้แต่ชื่อเฉินหมิ่นซูเขาก็อาจจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำ

“เอ่อ” พอเขาเห็นว่าสีหน้าเธอดูนิ่งเรียบไปอีก รู้แล้วว่าเวลาจะพูดอะไรต้องระวังเสียหน่อย เพราะกลัวจะทำให้เธอเกิดโมโหขึ้นมาอีก

“เธอเป็นลูกสาวของเพื่อนเก่าพ่อผม ตอนที่ผมไปกว่างโจวครั้งแรก พ่อผมก็พาผมไปที่บ้านตระกูลเฉินด้วย”

พอเขาพูดถึงตรงนี้ เจียงเซ่อก็พยักหน้า เป็นสัญญาณให้เขาเล่าต่อไป

เผยจิ้นฮว๋ายพาเขาไปที่บ้านตระกูลเฉิน น่าจะเพราะอยากจะให้ตระกูลเฉินคอยสอดส่องดูแลเผยอี้เอาไว้ แต่ทว่าบังเอิญตระกูลเฉินเองก็มีลูกสาวที่อายุไล่เลี่ยกันกับเผยอี้ และการไปเยี่ยมเยียนกับการ ‘ดูแล’ ในครั้งนี้ ถึงจะช้าหน่อยแต่เจียงเซ่อก็พอจะรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่แปลกไป

และมันก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ หลังจากที่ไปแวะเยี่ยมเยียนในครั้งนั้นแล้ว และหลังจากที่พ่อของเฉินหมิ่นซูรู้ว่าลูกสาวตัวเองเป็นเพื่อนระดับชั้นเดียวกันกับเผยอี้ เขาก็บอกให้ลูกสาวคอยดูแลและเอาใจใส่เขาทันที

“ที่จริงแล้วไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยด้วยซ้ำ” เฉินหมิ่นซูไม่ได้เป็นอะไรกับเขาทั้งนั้น เขามีเจียงเซ่อแล้ว ทุกๆ วันนอกจากการฝึกซ้อมและเรียนแล้ว เวลาที่จะไปคิดถึงเธอก็ยังแทบจะไม่พอ แน่นอนว่าคงไม่มีเวลาไปสนใจผู้หญิงคนอื่นอีกแน่นอน

แต่ว่าตอนนั้นเขายังมีแต่ความคิดแบบเด็กๆ ไปรับคำท้าดวลพละกำลังกับเพื่อนร่วมห้อง และกลายเป็นที่สนใจของหล่อนไปได้ และจากนั้นหล่อนก็ทำตัวติดเขาเป็นตังเม

จากนั้นเขาก็เล่าว่าสุดท้ายตัวเองก็รับคำท้าจากเฉินหมิ่นซู อีกทั้งยังบอกว่าครั้งนั้นเขาต่อยออกไปจนเฉินหมิ่นซูน็อคจนต้องเข้าโรงพยาบาล และเล่าว่าเผยจิ้นฮว๋ายรู้ว่าเขาก่อเรื่องเข้า จนต้องมาลากตัวเขาไปขอโทษที่บ้านตระกูลเฉิน “ถ้าไม่ใช่เพราะว่าผมโทรหาคุณปู่เอาไว้ก่อน พ่อผมก็คงต้องให้ผมถึงขั้นขอขมาแน่ๆ”

หลังจากนั้นถึงแม้ว่าเขาจะหลุดจากตรงนั้นมาได้แล้ว ทางตระกูลเฉินก็ได้คุณปู่เผยไปออกหน้าให้ แต่สุดท้ายเขาก็หนีบทลงโทษไม่พ้นอยู่ดี “พี่จำตอนนั้นได้ไหม ที่ผมบอกว่าจะกลับมาตี้ตู แต่สุดท้ายก็ล่าช้าออกไปอีก แถมตอนกลับมาก็บาดเจ็บกลับมาด้วย?”

แน่นอนว่าเธอจำได้ เขาลูบมือเล็กๆ ของเธอ

“ครั้งนั้นน่ะนะ”

จากนั้นเขาก็เล่าทุกอย่างออกมาอย่างชัดเจนและกระจ่างชัด เพราะว่าไม่กล้าที่จะปิดบังอะไรอีกแล้ว

แต่สีหน้าของเจียงเซ่อก็ยังดูไม่อ่อนลงเท่าไหร่ เธอถามขึ้นมาอีก

“ถ้ามันเป็นแบบนั้น แล้วทำไปก่อนหน้านี้ถึงไม่บอกกันบ้างล่ะ?”

เขาลูบคางตัวเอง และเริ่มที่จะเผยความอายออกมา สายตากลอกมองไปมาไม่กล้าสบตาเธอตรงๆ “ก็ผมอายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ผมก็ไม่อยากจะเอาเรื่องไม่สบายใจ ไปใส่ในใจของพี่อีก” แต่เหมือนมันจะยิ่งกว่าไม่สบายใจแล้วแบบนี้

ในความรู้สึก เขาอายุน้อยกว่าเธอตั้งกี่ปี ตอนนั้นก็เป็นเพราะว่าเรื่องอายุที่ต่างกัน เปรียบเสมือนแม่น้ำที่ขวางกั้นทั้งสองคนเอาไว้ ในใจของเธอเอง ก็เห็นแค่เขาเป็นแค่น้องชายคนหนึ่งเท่านั้น

ไม่ง่ายเลยที่เธอจะมาเกิดใหม่แบบนี้ แถมยังอายุน้อยกว่าเขาตั้งปีหนึ่ง เขาจึงพยายามอย่างมากที่จะเก็บอารมณ์และความรู้สึก ไม่อยากจะทำตัววุ่นวาย ยอมที่จะเว้นระยะห่างจากพวกเนี่ยต้านอย่างเด็ดขาด พยายามไม่ไปก่อเรื่องที่ไหนอีก แถมยังตั้งอกตั้งใจเรียนที่กว่างโจวให้จบ

ก่อนที่จะไป ก็ยังพูดเอาไว้เสียดิบดีว่า เขาจะไปเพื่อไล่ตามอนาคตของเราทั้งสองคน

แถมยังอยากจะขอเธอแต่งงาน อยากจะได้เธอเป็นเจ้าสาว แล้วเรื่องน่าอายแบบนี้ จะพูดออกไปได้อย่างไรกัน?

ตอนนั้นเผยจิ้นฮว๋ายด่าทอเขาอย่างแรง บอกว่าเขาลงมือได้แม้กระทั่งกับผู้หญิง และเขาก็กลัวว่าเจียงเซ่อเองก็จะคิดเหมือนกับเผยจิ้นฮว๋าย หาว่าเขาเป็นพวกใจร้อน หุนหันพลันแล่นเกินไป แม้แต่ผู้หญิงก็ยังต่อยได้ ‘ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ’ เพราะคิดพิจารณามาแล้ว จึงไม่คิดที่จะพูดถึงเรื่องนี้ให้เธอฟังเด็ดขาด

และยิ่งไปกว่านั้น “ผมเองก็ไม่คิดว่าเธอจะกลายมาเป็นปัญหาของพวกเราได้” เขาเว้นไปเล็กน้อย “เอาจริงๆ” เขาขมวดคิ้ว “เธอหน้าตาเป็นแบบไหนผมก็ยังจำไม่ค่อยจะได้เลย” จำได้แต่ใบหน้าของหล่อนที่เต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าที่มึนงง และโดนบุรุษพยาบาลหามไปเท่านั้นเอง

“พูดจริงๆ เลยนะครับ ผมว่าเธอไม่มีทางทำอะไรผมไปได้มากกว่านี้ เพราะผมไม่เคยสนใจเธอเลย จริงๆนะ”

ถ้ารู้ว่าเธอจะจริงจังกับเรื่องแบบนี้ เขาก็จะอธิบายและบอกเรื่องราวทุกอย่างให้เธอได้รู้เสียตั้งแต่แรกเลยดีกว่า ถึงแม้ว่าจะต้องขายหน้าหน่อย แต่ก็ดีกว่าทำให้เธอโกรธแน่นอน

พอเขาพูดจบ เขาก็ก้มหน้าลงมาด้วยสายตาที่เหมือนกำลังอ้อนวอนให้เธอให้อภัยกัน “บวกกับที่ผมเองก็ลงชื่อการฝึกซ้อมของเดือนพฤศจิกายนไป แถมวิชาที่ต้องเรียนก็เหลือไม่มากแล้ว อย่างมากก็ปลายปีนี้ ผมก็จะได้กลับมาจากกว่างโจวแล้วนะครับ” ที่จริงมันก็อีกไม่นานแล้ว แต่ไหงเฉินหมิ่นซูที่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา แถมเขาเองก็ไม่เคยเสวนากับหล่อนเลยด้วย แต่หล่อนกลับยังตามเขามาถึงตี้ตู แถมยังจะลากตัวเขากลับโรงเรียนอีก ที่จริงเขาเองก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว

เขาลูบผมตัวเอง ถึงแม้ว่าจะรู้สึกกลุ้มใจ แต่ยังไงเขาก็ต้องยอมรับผิด

“เซ่อเซ่อ ให้อภัยผมเถอะนะ ครั้งนี้ผมผิดไปแล้วจริงๆ” เจียงเซ่อมองเขาแวบหนึ่ง เขาก้มหน้าลง ดวงตาคู่นั้นก้มมองมาที่เธอ แววตาเต็มไปด้วยความอ้อนวอน ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน และรอให้เธอพยักหน้าให้อภัย

“ถ้าครั้งแต่ไปมีเรื่องแบบนี้อีก ผมจะบอกพี่ทุกอย่างเลย จะไม่ปิดบังพี่อีกแล้ว”

เจียงเซ่อที่ได้ยินเรื่องที่เขากำลังจะกลับจากกว่างโจวแล้ว ก็มองเขาอีกแวบหนึ่ง และนึกถึงที่เขาบอกว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนตัวเองตอนที่ถ่ายหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ แล้ว มิน่าล่ะตอนนั้นเขาถึงได้มั่นใจว่าจะลากลับมาได้ ที่แท้ตอนที่เขาพูดแบบนั้นออกมา คงจะตั้งใจและตัดสินใจเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว

“นายต่อยเธอจริงๆ น่ะหรือ?”

เจียงเซ่อไม่ได้ไล่ถามเขาอีก และเปลี่ยนเรื่องคุยอีกด้วย เธอถามถึงเรื่องของเฉินหมิ่นซูขึ้นมา เขารู้สึกใจฝ่อนิดหน่อย แต่ก็พยักหน้าตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา

“ก็ต่อยไป”

ที่จริงตอนที่เขาปล่อยหมัดออกไป เขาก็ยั้งเอาไว้มากแล้ว เพราะงั้นถึงได้แค่ดั้งจมูกหักเท่านั้น ถ้าเขาไม่ได้เก็บแรงเอาไว้ละก็ บางทีหมัดนั้นอาจจะทำให้หล่อนเอ๋อไปเลยก็ได้

พอเขานึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมา ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีก ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ถ้ารู้ว่ายังไงก็จะต้องโดนเผยจิ้นฮว๋ายทุบตีเอาอยู่ดี เขาก็คงจะลงมือให้หนักกว่านี้แล้ว ปล่อยให้หล่อนไปนอนอยู่ในโรงพยาบาลสักระยะไปเลย จะได้ไม่ต้องมามีเรื่องตามหลังมาแบบนี้

“นายสำนึกผิดแล้วใช่ไหม?” เจียงเซ่อไม่พูดอะไรอีก จึงถามเขาขึ้นมา

เดิมเขาอยากจะส่ายหน้า แต่ก็รู้สึกขึ้นมาได้ว่าไม่เหมาะนัก เลยลอบมองเธอแวบหนึ่ง สีหน้าของเธอดูเย็นชาสุดๆ เขาจึงรีบพยักหน้าทันที

“ผิดไปแล้วครับ”

“ผิดตรงไหน?” เธอถามขึ้นมาอีก

“ผมไม่ควรที่จะทำร้ายผู้หญิง และไม่ควรที่จะไปคุยกับเธอ เพราะจะทำให้ที่รักของผมโกรธ” เขาเอาอกเอาใจโดยการยื่นมือไปลูบเอวของเธอ เจียงเซ่อยกมือขึ้นตีลงไปบนหลังมือเขา

“งั้นถ้าครั้งต่อไปเจอเรื่องแบบนี้อีก นายจะจัดการยังไง? ยังจะทำร้ายเธออีกไหม?”

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วมองเธออย่างระมัดระวัง “เอาจริงๆ มีบางทีผมก็อยากจะตีเธอเหมือนกัน”

พอเผยอี้พูดแบบนั้นออกมา เจียงเซ่อก็เกือบจะหลุดขำออกมาแล้ว แต่ก็พยายามที่จะไม่แสดงสีหน้าดีๆให้เขาได้เห็นก่อน แล้วเขาก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา แล้วสาบานออกมา

“แต่ว่าผมสาบานเลย ผมสำนึกผิดแล้วจริงๆ นะครับ”

เจียงเซ่อถอนหายใจ อาอี้ของเธอนี่นะ ถึงแม้ว่าจะเติบโตขึ้นมาแล้ว แต่ในด้านของความรู้สึก ก็ยังคงบริสุทธิ์เหมือนกับเด็กน้อยไม่มีผิด