webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

394

บทที่ 394 คงไม่ทำ

เผยอี้กำหมัดแน่น เฉินหมิ่นซูที่เห็นเขามีท่าทางแบบนั้น ก็รีบสาวเท้าเข้าไปหาทันที ทำท่าทำทางเหมือนอยากจะมีเรื่องด้วย แถมยังกระดิกนิ้วเรียกเขาอีกด้วย

“มาสิ ฉันเองก็ไม่ใช่ฉันคนเดิมตั้งนานแล้ว ใครแพ้ใครชนะ มันยังไม่แน่ชัดเสียหน่อย! ครั้งนี้ฉันจะเอาคืนให้สาสมเลยล่ะ!”

หล่อนสะบัดหัวไปมา “พวกเรามาลองดวลกันอีกสักทีไหมล่ะ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเผยหรุ่ยเริ่มฝืด ดูท่าทแล้วความสัมพันธ์ระหว่างเผยอี้และเฉินหมิ่นซูจะย่ำแย่กว่าที่คิดเอาไว้มาก ไม่เหมือนอย่างที่เผยจิ้นฮว๋ายพูดเอาไว้เลยสักนิด ว่าตอนที่เผยอี้อยู่ที่โรงเรียนนั้นได้เฉินหมิ่นซู ‘ดูแล’เอาไว้แค่ไหน

“พี่อี้คะ ให้ฉันได้คุยกับคุณเจียง……”

“ดวลอีกรอบงั้นเหรอ?”

พอเฉินหมิ่นซูเริ่มที่จะกำหมัดขึ้นมา เจียงเซ่อก็ยิ้มเยาะขึ้นมา สีหน้าของเผยอี้ดูหงุดหงิดเป็นอย่างมาก เขารีบโอบเจียงเซ่อและพาเดินออกจากตรงนั้นโดยไม่รอให้เธอดิ้นหนีอีก

เผยหรุ่ยที่เห็นสีหน้าอารมณ์ของเผยอี้แล้ว ก็ไม่กล้ารั้งเอาไว้อีก แต่เฉินหมิ่นซูยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะตามไป เผยหรุ่ยที่เห็นแล้วว่าพี่ชายกำลังโมโหมากแค่ไหน ก็รีบรั้งตัวเฉินหมิ่นซูเอาไว้ทันที

คืนนี้หล่อนเป็นคนพาเฉินหมิ่นซูมา หลังจากนี้เผยอี้อาจจะย้อนกลับมาคิดบัญชีโยนความโมโหมาที่หล่อนหมดเลยก็ได้ หล่อนควรจะเตือนเฉินหมิ่นซูเอาไว้ก่อน อย่างน้อยก็อย่าให้ทั้งสองคนเกิดทะเลาะกันกลางงานสาธารณะแบบนี้ จะกลายเป็นที่ขายขี้หน้าเปล่าๆ เอาไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กับผู้ใหญ่อีกทีดีกว่า

ขอแค่เผยอี้ยังรู้สึกดีๆ กับหล่อนบ้าง อย่าให้เขามองว่าหล่อนมีแต่พาเรื่องมาให้อีกดีกว่า

“เซ่อเซ่อ ฟังผมก่อนนะ ที่โรงเรียนนอกจากจะมีการเรียนทฤษฎีแล้ว ยังมีการฝึกซ้อมแข่งขัน ในทุกๆ เดือนมิถุนายน พวกนี้มันเป็นคะแนนที่รวมเอาไว้ในผลการเรียนทั้งหมดเลย”

พอเขาพาเจียงเซ่อออกมาไกลจากสองคนนั้นแล้ว เผยหรุ่ยก็รั้งตัวเฉินหมิ่นซูเอาไว้ ไม่ได้ปล่อยให้หล่อนตามมาได้อีก และนั่นทำให้เผยอี้โล่งอกไม่น้อย

พอไม่มีคนมาคอยขัดแล้ว เขาก็รีบอธิบายทุกอย่างออกไปให้เธอฟังทันที

“แต่ว่าพอดีปีนี้มีเพิ่มช่วงเดือนพฤศจิกายนขึ้นมา ผมก็เลยลงชื่อของเดือนพฤศจิกายนไป”

พอเขาพูดถึงตรงนี้ เจียงเซ่อก็แขนทั้งสองข้างขึ้นกอดอก ท่าทางยังไม่หายโกรธ

“แล้วการซ้อมรบซ้อมล้อมศัตรูคืออะไร?”

เธอนึกถึงตอนที่เขาเพิ่งกลับมาถึงตี้ตูขึ้นมา ตอนที่คุณปู่เผยโทรมาหาเขา เธอก็บังเอิญไปได้ยินเข้า และจำมันเอาไว้ในใจมาโดยตลอด แต่แค่เผยอี้ไม่ได้พูดหรือบอกให้เธอได้รู้เท่านั้นเอง

สายตาของเขาลอกแลกไปมา ไม่ได้ตอบคำถามของเธอ เจียงเซ่อจึงถามขึ้นอีกครั้ง

“แล้วอีกอย่าง เรื่องคุณเฉินนี่มันยังไงกัน? นายบอกว่านายกับเธอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน แล้วทำไมเธอถึงได้ตามนายตั้งแต่กว่างโจวมาถึงที่ตี้ตูแบบนี้? แถมยังมาฉุดยื้อกับนายไปมาแบบนี้อีก?”

ยิ่งเธอพูด น้ำเสียงของเธอก็ยิ่งฟังดูเย็นชามากขึ้น

“หรือว่านายทำอะไรผิดลับหลังฉันอย่างนั้นหรือ?”

“เปล่านะครับ!” เผยอี้โดนกล่าวโทษจนต้องสาบาน เขาส่ายหน้าพัลวัน

“ผมไม่ได้สนิทกับเธอจริงๆ นะครับ!”

ชอบเธอมาตั้งหลายปี ให้หัวใจเธอหมดแล้วทั้งดวง ทำอะไรไปตั้งมาหมาย พยายามมามากแค่ไหน แม้แต่สวรรค์ก็ยังต้องยอมช่วยเขาเพราะทนดูไม่ได้ ถึงได้ทำให้เขามีโอกาสได้ตามจีบเจียงเซ่ออีกครั้ง ให้เขาได้ทำในสิ่งที่คาดหวังให้เป็นความจริงขึ้นมาได้

“ไม่ง่ายเลยที่ผมจะจีบพี่ได้ แค่คำว่าชอบที่มียังไม่พอเลยด้วยซ้ำ แล้วจะเอาอะไรไปสนใจคนอื่นอีกล่ะครับ?” เขาเริ่มโอดครวญ น้ำเสียงของเขาดังขึ้น

“พี่จะมากล่าวโทษผมแบบนี้ไม่ได้นะครับ แล้วไปฉุดยื้อกับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน มีแต่เธอนั่นแหละที่ยื่นมือเข้ามาหาผมเอง แถมผมก็หลบแล้วด้วย”

พอเขาพูดจบ แววตาของเจียงเซ่อก็เปลี่ยนไป

นิสัยของเผยอี้ ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะ ‘หลบ’

ถ้ามีใครคิดที่จะจับเขา ถ้าเขาไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายหรือโดนตัวเขาจริงๆ แล้วละก็ เขาจะโต้กลับในทันที

แต่ตอนนี้เขากลับพูดว่า ‘แค่เธอยื่นมือมา ผมก็หลบแล้ว’ แบบนั้น เจียงเซ่อจึงขมวดคิ้ว แล้วหันหน้าหนี

เขาไม่รู้เลยว่าประโยคนั้นที่พูดออกมามันผิด แต่เธอก็เลือกที่จะเม้มปากเอาไว้ แต่ก็พอจะดูออกว่าความรู้สึกในใจของเธอไม่ได้ดีขึ้นเลย

ท่ามกลางความร้อนใจสองมือของเขาก็ยกขึ้นประคองใบหน้าของเธอเอาไว้ ค่อยๆ ออกแรงให้เธอหันหน้ามามองกันตรงๆ จากนั้นก็ก้มศีรษะลงเพื่อเอาหน้าผากแตะลงบนหัวของเธอ เหมือนกับว่าไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว

“เซ่อเซ่อ ที่รักครับ ภรรยาของผม อย่าไม่สนใจกันเลยนะ ผมกับเธอเราไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันจริงๆ เธอจะเป็นใคร ผมไม่ได้มองไม่ได้สนใจเธอเลยด้วยซ้ำ อย่าเอาแต่พูดถึงเธอเลยนะครับ เพราะเธอไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราเลย”

ใบหน้าของเธอถูกเขากอบกุมเอาไว้ แต่สายตาไม่ได้จ้องมองที่เขาอยู่ และนั่นก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกร้อนรน

“ที่รัก เซ่อเซ่อที่รักของผม”

เขาเอาแต่พร่ำเรียกออกมาไม่หยุด แต่เจียงเซ่อก็ไม่ตอบอะไรกลับมาเลยสักคำ มีแต่ท่าทีว่าจะไม่สนใจเขาอีก เขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ และเคาะหน้าผากลงบนศีรษะเธอเบาๆ

“จะต้องทำยังไงให้พี่เชื่อผมงั้นหรือ?”

คบกับเจียงเซ่อมาตั้งหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เธอแสดงออกว่ากำลังหึงหวง ความรู้สึกแบบนี้ทำเอาเผยอี้รู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อย แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกปวดหัวด้วย

เขาชอบเวลาที่เธอหงุดหงิดและหึงหวงเขา แต่ก็กลัวว่าเธอจะโกรธจนไม่สนใจกัน ความรู้สึกแบบนี้มันช่างย้อนแย้งกันสิ้นดี เขาอดไม่ได้เลยที่จะก้มลงไปจูบเธอ แต่เธอก็รีบเบือนหน้าหนี แต่ก็โดนเขาล็อกเอาไว้แน่น ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด

ลิปกลอสที่แต่งแต้มอยู่บนริมฝีปากของเธอค่อยๆ ถูกเขาไล้เลียออก เธอเม้มปากแน่น ไม่ให้เขาได้รุกล้ำไปมากกว่านั้น

เขายึดคอเธอเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว พลางเลื่อนมืออีกข้างไปคว้าเอวเธอให้เข้ามาแนบชิดจนเธอตัวลอย เขาบดจูบลงมาด้วยแรงที่ไม่น้อย จนเธอทนไม่ไหวจนต้องยกมือขึ้นตีลงบนไหล่ของเขา และเขาก็ยอมปล่อยเธอ พร้อมๆ กับดวงตาที่เริ่มแดงก่ำ

“จะยอมคุยกับผมได้หรือยัง?”

เธอกัดริมฝีปากและจ้องเขาเขม็งทั้งๆ ที่ยังหอบหายใจ ทั้งสองคนยังอยู่ในงานเลี้ยง และแขกที่เข้ามาในงานก็เริ่มเยอะแล้วด้วย หลังจากนี้เซี่ยเชาฉวินยังต้องพาเธอไปทำสิ่งต่างๆ แล้วลิปบนปากของเธอก็ไปอยู่บนปากของเขาหมดแล้ว แถมเขายังแลบลิ้นค่อยๆ เลียมันจนหมดอีก เหมือนกับว่ายังไม่พออย่างไรอย่างนั้น

“ถอยออกไป……” เผยหรุ่ยที่ยืนอยู่ไกลๆ นั่นต้องมองอยู่แน่ๆ แถมคนในงานก็เยอะขนาดนี้ เธอรู้สึกเหมือนใบหน้าโดนเผา ใบหูเริ่มแดงไปหมด แต่เขาก็ยังเอาแต่ก้มหน้าลงมา

“ไม่อยากฟังคำนี้”

เขาพูดของเขาวนเวียนอยู่บนริมฝีปากระหว่างทั้งสอง ปลายลิ้นชื้นเริ่มรุกเข้ามา และขบกัดจนขาเธออ่อนไปหมด จนต้องพิงตัวลงบนไหล่ของเขา ไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมามองใครอีก

“เซ่อเซ่อ” พอเขาเห็นว่าเธอนิ่งอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างว่าง่าย ก็รู้สึกว่าดูน่ารักไม่น้อย น้ำเสียงของเขาจึงอ่อนลง

“ถ้าหากว่าพี่พอจะได้ยินสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่ในใจ พี่ก็จะได้ยินว่าในใจของผมนั้นมีเพียงพี่คนเดียวเท่านั้น ไม่มีใครที่ไหนอีกแล้ว”

ตอนที่เขาพูดก็หันไปจูบลงบนหน้าผากของเธอด้วย เป็นการกระทำที่ดูอ่อนโยนไม่น้อย

“ผมชอบที่พี่หึงผม แต่ผมทนไม่ได้ที่จะเห็นพี่เสียใจ เธอเป็นใครกัน? ไม่จำเป็นต้องให้พี่ไปใส่ใจด้วยซ้ำ ตั้งแต่ต้นจนกว่าจะถึงจุดจบผมก็จะมีพี่แค่คนเดียว ไม่ต้องไปฟังหรือเชื่อใครที่ไหน ผมอยู่ตรงนี้ แค่พี่เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นแล้ว”

ดวงตาของเธอดูเหม่อลอยเล็กน้อย ใบหน้าฝังลงบนกระเป๋าชุดสูทของเขา ใบหน้าของเธอขึ้นสี ปอยผมที่ถูกเซ็ตมาอย่างดีก็มีตกลงมาเกลี่ยแก้มเธอด้วย ดูท่าทางหมดทางสู้แล้ว ที่เขาพูดออกไปก็ไม่รู้ว่าเธอจะได้ยินบ้างหรือเปล่า ไม่รู้ว่าจะยังโกรธอยู่ไหม เขารู้สึกไม่แน่ใจอะไรเลย

เป็นอย่างนั้นอยู่ครู่ใหญ่ เธอก็ยกมือขึ้นช่วยเขาจัดคอเสื้อให้เรียบร้อย มันยับเพราะก่อนหน้านี้ทั้งสองฉุดยื้อกันไปมา การกระทำแบบนั้นทำให้เขารู้ว่าเธอก็ยังโกรธอยู่นั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้มากเหมือนตอนแรกแล้ว

เผยอี้ลอบถอนหายใจโล่งอก เธอยังโกรธอยู่ แต่ก็ยังถามคำถามถึงสิ่งที่กำลังสนใจออกมา

“ทำไมนายถึงพูดออกมาล่ะ”

“หืม?”

เขาให้กำลังใจเจียงเซ่อโดยการจุ๊บลงไปอีกที และปล่อยให้เธอได้พูดต่อ

“ทำไมนายถึงพูดว่า พอเธอยื่นมือเขามา นายก็หลบทันที?” สายตาของเธอจ้องมองไปที่คอเสื้อของเขา ไม่คิดที่จะมองเขาตรงๆ “นิสัยของนาย ถ้าไม่อยากจะให้เธอแตะตัวจริงๆ ที่จริงนายก็ไม่จำเป็นจะต้องบอกว่าจะหลบด้วยซ้ำ”

เจียงเซ่อโตมากับเขาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นในด้านไหนของเขา เธอก็รู้หมดนั่นแหละ

เขาเป็นคนที่ปราดเปรียว และมีพละกำลังที่แข็งแรง ออกแรงทีก็ดูน่ากลัวไม่ใช่น้อย ที่จริงแล้วถ้าตามนิสัยจริงๆ ของเขา เขาก็คงจะยื่นมือผลักสวนกลับไปแล้ว ไม่มีทางยอมเปิดโอกาสให้ใครมาเข้าใกล้ได้ง่ายๆ หรอก