webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

389

บทที่ 389 เชื้อเชิญ

คนของทาง Gang Hua Jewelry เองก็เคยติดต่อมาหาเจียงเซ่อแล้ว หลังจากที่ได้พูดคุยเรื่องรูปแบบเพชรที่จะตัดออกมากับช่างฝีมือเรียบร้อยแล้ว งานเลี้ยงครบรอบสามสิบปีของ Steinway ก็ใกล้มาถึงเต็มที

การที่เจียงเซ่อจะต้องออกงานสังคมแบบนี้ แน่นอนว่าเผยอี้ก็ต้องไปกับเธอด้วย หลังจากที่กลับมาตี้ตูเขาก็ได้บัตรเชิญจาก Steinway มาอย่างง่ายดาย

ตลอดช่วงเช้าก็ใช้เวลาไปกับการทำทรีทเม้นท์สปา ตกบ่ายมาก็เริ่มแต่งหน้าทำผมแล้ว

ในงานเลี้ยงแบบนี้ เมื่อเทียบกับการออกงานสินค้าทั่วๆ ไปแล้ว จะต้องเก็บรายละเอียดและใส่ใจเอามากๆ แค่การรวบผมขึ้นแบบง่ายๆ ก็ยังต้องใช้เวลากับมันไปไม่น้อยเลย

เมื่อลองเทียบกันแล้ว ของเผยอี้นั้นจะง่ายกว่าเยอะ วันนี้สิ่งที่เจียงเซ่อต้องสวมใส่ก็คือชุดราตรีกระโปรงสั้นสีดำ ส่วนเขาสวมเป็นชุดสูทสีขาวเข้ากันกับเธอ รูปร่างส่วนสูงของเขานั้นโดดเด่นมาก แค่เซตผมอีกนิดหน่อย เสื้อสูทสีขาวตัวนอกที่สวมทับลงไป มันก็ดูเข้ากันอย่างบอกไม่ถูกกับเสื้อ T เชิ้ตตัวใน

งานเลี้ยงครบรอบของ Steinway ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมรุ่ยจี๋ชั้นที่ยี่สิบเอ็ด ทางผู้จัดงานได้ทำการจองพื้นที่ทั้งชั้นนั้นเอาไว้หมดแล้ว คนที่สามารถเข้างานได้จะต้องมีบัตรเชิญและเป็นแขกที่มีเกียรติเท่านั้น

ในงานนี้มีแค่สำนักข่าวหัวเซี่ยจือซวิ้นที่เป็นสำนักข่าวระดับประเทศเท่านั้นที่ได้รับเชิญเข้ามาในงาน ตอนที่เจียงเซ่อปรากฏตัวขึ้น นักข่าวของคนจากหัวเซี่ยจือซวิ้นสองคนที่ถูกเชิญมาก็จำเธอได้ในทันที

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในแวดวงเดียวกัน และนักข่าวที่ถูกเชิญมาก็ไม่ได้เป็นนักข่าวสายบันเทิงด้วย แต่ว่าชื่อเสียงของเจียงเซ่อนั้นก็ดังไม่น้อย ทำให้นักข่าวทั้งสองคนนั้นสามารถจดจำเธอได้

“นั่นมันเจียงเซ่อไม่ใช่หรือ?” เมื่อสองวันก่อนข่าวที่เจียงเซ่อไปรับแฟนหนุ่มที่สนามบินนั้นกลายเป็นกระแสจนขึ้นหัวข้อข่าวได้อย่างง่ายดาย ช่วงนี้ชาวเน็ตก็กำลังลุกเป็นไฟ ว่าแฟนหนุ่มในปริศนาของเจียงเซ่อมีรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นมากๆ ดูเป็นคู่ที่เข้ากันสุดๆ เหมาะสมกันแบบไม่มีที่ติ

แต่ในหน้าที่ของสื่อ สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกเพลิดเพลินที่สุด ก็คือจ้องมองขุดคุ้ยหาตัวแฟนหนุ่มของเจียงเซ่อ

ภาพที่เจียงเซ่อแฟนหนุ่มอยู่ด้วยกันในวันนั้น ทางสำนักข่าวเพิ่งจะเอาลงได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ผู้รับผิดชอบดูแลสำนักข่าวนั้นๆ ก็โดนทางกระทรวงวัฒนธรรมเรียกพบเป็นการส่วนตัวทันที แค่นี้ก็รู้แล้ว ว่าภาพชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ เธอ ไม่ควรที่จะเผยแพร่ออกไปอย่างเด็ดขาด นอกจากว่าจะมีกรณีพิเศษอะไร

ตั้งแต่ตอนนั้น คนวงการก็ถึงได้รู้อย่างแท้จริงว่า ข่าวลือที่เคยเล่ากันว่าแฟนหนุ่มของเจียงเซ่อเป็นทายาทของตระกูลชั้นสูง ก็คงจะเป็นความจริงแน่ๆ

“เจียงเซ่อก็มางานนี้ด้วยหรือ? คนข้างๆ ที่ควงมานั่น แฟนของเธอหรือเปล่านะ?”

นักข่าวของหัวเซี่ยจือซวิ้นที่ถูกส่งมาในงานเลี้ยงในคืนนี้ เป็นหญิงหนึ่งคนและชายอีกหนึ่งคน ตอนที่ทั้งสองเดินตามหลังเจียงเซ่ออยู่นั้น ก็พากันกระซิบคุยกันเบาๆ

งานเลี้ยงครบรอบสามสิบปีของ Steinway นั้นมีความรอบคอบและระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีนักข่าวปะปนมากับกลุ่มคน หน้าประตูทางเข้าจึงมีบอดี้การ์ดและหน่วยรักษาความปลอดภัยเฝ้าอยู่ด้วย ทุกๆ คนที่จะเดินเข้างานจะต้องมีการตรวจร่างกายก่อน ทำให้ในลิฟต์นั้นมีคนยืนรออยู่เต็มไปหมด

เจียงเซ่อและแฟนหนุ่มเองก็ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน ทำให้ดูโดดเด่นไม่น้อยเลย

ในกลุ่มเด็กสาวของหัวเซี่ย เจียงเซ่อที่ตัวสูงนั้นทำให้กลายเป็นจุดเด่นไม่น้อย สามารถเทียบได้กับพวกนางแบบได้เลยด้วยซ้ำ ขาวเรียวยาวสวยนั่นก็ดูดีสุดๆ

แต่เมื่อลองเทียบกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอแล้ว ส่วนสูงของก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเธอเลย แต่เพราะว่าตอนนี้เธอสวมส้นสูงอยู่ แต่เขาก็ยังดูสูงกว่าเธอขึ้นไปอีกระดับหนึ่งได้ ทั้งสองสวมชุดขาวดำสลับกัน ภายนอกก็ดูเตะตา ผู้ชายก็หล่อผู้หญิงก็สวยจนทำเอานักข่าวของหัวเซี่ยจือซวิ้นอย่างอวี๋จือหลินอดไม่ได้ที่จะกระซิบกระซาบกับเพื่อนร่วมงานอีกคน “โคตรเหมาะสมกันเลย!”

เพราะว่าภาพที่ถ่ายได้ในสนามบินถูกกำจัดไปแล้วอย่างรวดเร็ว แต่อวี๋จือหลินเองก็พอจะเคยเห็นเผยอี้ไปแล้วบ้าง ตอนนั้นจำได้แค่ว่าเขาตัวสูงและสวมแว่นดำดูเข้ากันสุดๆ พอคืนนี้ได้มายืนพิจารณาใกล้ๆ แบบนี้ ถึงได้รู้ว่าภายนอกของทั้งสองคนนั้นเหมาะสมกันมากแค่ไหน พอมายืนอยู่ด้วยกันแบบนี้แล้วก็ยิ่งดึงดูสายตาเข้าไปอีก

ถึงแม้ว่าในระหว่างนั้น ทั้งสองคนจะไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากมาย แต่ระหว่างพวกเขา ก็ดูสนิทสนมและเข้ากันได้ดีทีเดียว

ในงานเลี้ยงแบบนี้จะไม่อนุญาตให้ถ่านรูปเด็ดขาด แต่ในหน้าที่การงานที่ซึมเข้าเส้นเลือดของอวี๋จือหลินไปแล้ว ทำให้หล่อนอดไม่ได้ที่จะแอบเปิดมือถือขึ้นมา และเตรียมท่าว่าจะแอบถ่ายเอาไว้สักรูป

เมื่อชายหนุ่มเพื่อนร่วมงานที่ยืนข้างๆ เห็นการกระทำนั้น ทำไมจะไม่รู้ว่าในใจของหล่อนกำลังคิดจะทำอะไร จึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา ก่อนจะเอ่ยเตือน

“หัวหน้าเพิ่งจะโดนเรียกไปคุย เธอก็อย่าทำอะไรให้มันผิดพลาดอีกสิ”

“ฉันรู้น่า” อวี๋จือหลินกระซิบตอบกลับข้างๆ หูของชายหนุ่ม แล้วพูดต่อ “ฉันก็แค่ถ่ายเอาไว้ ไม่เอาไปลงข่าวแน่นอน ทำแบบนี้ไม่ผิดกฎหรอก”

มันยากที่จะได้เจอเหตุการณ์แบบนี้ในที่แบบนี้ โดยเฉพาะกับสิ่งที่กำลังเห็นอยู่ตรงหน้า ภายนอกของทั้งสองคนไม่ได้ดูเป็นเหมือนพวก ‘มหาเศรษฐี’ และเด็กเสี่ยเลี้ยงอย่างที่พูดกันเลยสักนิด เท่าที่อวี๋จือหลินลองสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว เจียงเซ่อเอียงศีรษะตัวเองลงบนไหล่ของเผยอี้ด้วยซ้ำ เผยอี้ก็จัดๆ เสื้อผ้าเล็กน้อย และจัดท่าทางให้เธอได้พิงอย่างสบายๆ

การกระทำเล็กๆ น้อยๆ แบบนั้น มันทำให้รู้ว่าทั้งสองคนสนิทสนมกันมานานมากแล้ว หลังจากที่ได้ยินเสียงกดถ่ายรูป และเห็นว่ารูปเข้ามาอยู่ในมือถือของตัวเองเรียบร้อยแล้ว หล่อนก็ก้มหน้าลงทำเหมือนว่ากำลังจัดกระเป๋า พอแน่ใจแล้วว่าได้รูปที่ถ่ายมาแล้วจริงๆ ถึงได้คิดเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้

“ในงานแบบนี้ เจียงเซ่อมาได้อย่างไรกันนะ?”

การที่ได้มาเจอกับเจียงเซ่อและแฟนหนุ่มของเธอในที่แบบนี้ อวี๋จือหลินรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย และคิดที่จะส่งรูปและสิ่งที่ตัวเองเห็นกลับไปให้ทางเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ในหัวเซี่ยจือซวิ้น แต่ชายหนุ่มข้างๆ ที่มาด้วยก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ

“ระดับฐานะแฟนหนุ่มของเจียงเซ่อ สองวันที่ผ่านมานี้ก็น่าจะพอรู้กันบ้างแล้ว การที่จะได้บัตรรับเชิญจาก Steinway ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย มันมีอะไรให้น่าปล่อยข่าวกัน?”

อวี๋จือหลินที่ได้ยินแบบนั้น ก็เริ่มคิดว่ามันก็ถูก

บัตรเชิญจาก Steinway คนที่ได้รับเชิญมาในงานครั้งนี้นั้นล้วนแล้วเป็นคนที่มีชื่อเสียงและฐานะของตี้ตู และเพราะว่ามันดูและวัดจากลำดับฐานะและความเกี่ยวข้องกับศิลปะดนตรี นางเอกของวงการบันเทิงอย่างไรก็คงไม่มีทางที่จะถูกเชิญมางานแบบนี้แน่ๆ หรือแม้แต่เศรษฐีต่างๆ ที่อยู่ในแวดวงวงการบันเทิง เวลาที่จะมาออกงานแบบนี้ คนที่จะถูกเลือกมายังไงก็ต้องไม่ใช่พวกดาราแน่ๆ

อย่างน้อยก็เท่าที่อวี๋จือหลินมาถึงที่งานนี้ คนที่เจอส่วนมากก็เป็นเหล่านักดนตรีที่เคยร่วมงานกับทาง Steinway ที่มีชื่อเสียงกันทั้งนั้น นอกจากเจียงเซ่อแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะเจอคนในวงการบันเทิงคนไหนอีก

ทุกๆ คนที่ได้รับบัตรเชิญ บริเวณข้อมือจะมีกำไลวงหนึ่งใส่เอาไว้ และนั่นก็เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเป็นคนที่ถูกเชิญมา

ทหารหนุ่มที่อยู่ในชุดสูทสีขาวก็โอเคอยู่ แต่เจียงเซ่อที่สวมชุดเดรสแขนกุด และบนข้อมือของเธอก็ไม่ได้มีกำนั้น ก็คงจะเป็นเผยอี้ที่พาเธอมานั่นแหละ

เสียงลิฟต์ดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ พอประตูลิฟต์เปิดออก อวี๋จือหลินก็หันหน้าไปมอง รอบนี้หล่อนเองก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว รีบยื่นมือไปแตะเพื่อนร่วมงานหนุ่มทันที

“นาย มาดูนี่เร็ว”

ในลิฟต์ เฝิงหนานที่อยู่ในชุดราตรีหางปลาสีดำเหลือบ เรือนผมถูกเป็นลอนหลวมๆ ไปด้านหลัง พอหล่อนปรากฏตัวขึ้น หลายๆ คนก็เป็นเหมือนกับอวี๋จือหลิน ที่บนใบหน้ามีแต่ความแปลกใจ ไม่คิดมาก่อนว่าเฝิงหนานจะมาปรากฏตัวอยู่ในงานแบบนี้ด้วย

อวี๋จือหลินเพิ่งจะรู้สึกตัวขึ้นมา ว่าเฝิงหนานนั้นก็เป็นถึงคุณหนูของวิสาหกิจจงหนาน และคุณปู่ของหล่อนก็เป็นถึงเฝิงจงเหลียง คนที่เคยเข้าร่วมในกองทัพต่อต้านญี่ปุ่น หล่อนคงจะใช้อภิสิทธิ์นี้ในการขอบัตรเชิญ

หลังจากที่เฝิงหนานเข้ามาแล้ว สายตาของหล่อนก็มองไปรอบๆ งาน และหล่อนก็สังเกตเห็นเผยอี้ได้อย่างรวดเร็ว

เขาไปเป็นนักเรียนทหารมาหลายปี ทำให้ดูโดดเด่นกว่าคนอื่นไม่น้อยเลย