webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

388

บทที่ 388 ความในใจ

“ไม่มีระเบียบเลยจริงๆ คิดอยากจะไปก็ไป ไม่รู้จักกฎเกณฑ์เลยสักนิด......”

ในสถานการณ์แบบนี้ทำให้เจียงเซ่อรู้สึกตื่นเต้นและน่าอายไม่น้อย เธอกลัวว่าตัวเองจะหายใจแรงเกินไป จนโดนคุณปู่เผยที่กำลังโมโหจับได้เอา

เธอยิ่งนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเผยอี้ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ไม่กล้าขัดขืน มือทั้งสองข้างยังวางอยู่บนไหล่ของเขา ทำเอาเผยอี้แอบยิ้มมุมปากทั้งๆ ที่ยังโดนด่าไปด้วย

ในศูนย์การค้ามักจะเปิดเครื่องปรับอากาศในอุณหภูมิที่ต่ำเสมอ ตอนแรกเจียงเซ่อก็รู้สึกหนาวๆ อยู่หรอก แต่ตอนนี้ความร้อนในร่างกายมันชักจะเพิ่มขึ้นสูงเรื่อยๆ แล้ว มันแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย เผยอี้ประคองใบหน้าของเธอเอาไว้ สายตาที่มองเธอราวกับมีอาหารที่เลิศรสตั้งอยู่ข้างหน้า ทั้งๆ ที่เป็นที่สาธารณะ มือถือก็ยังมีสายที่ไม่ได้วาง แถมปลายสายก็ยังเป็นถึงคุณปู่เผยที่ยังอบรมสั่งสอนไม่เสร็จอีกด้วย

เผยอี้อยากจะจูบเธออีก แต่ครั้งนี้เธอไหวตัวทันจึงรีบเบือนหน้าไปทางอื่น เขาโค้งตัวลงจุ๊บลงบนมุมปากของเจียงเซ่อ แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะพูดตอบกลับปลายสายอย่างคุณปู่เผยด้วย

“ผมขอลาหยุดสิบวัน”

การที่ได้ขโมยจูบเจียงเซ่อเป็นเรื่องที่มีความสุขจริงๆ หัวคิ้วที่ขมวดกันจนยุ่งก่อนหน้านี้ก็คลายออกอย่างง่ายดาย

“คุณปู่ หลังจากลาหยุดครั้ง ผมจะกลับโรงเรียนทันทีเลย”

“ฉันไม่อนุญาต!” คุณปู่เผยตอบกลับมาอย่างเด็ดขาด จากนั้นก็เหมือนว่าเขาจะยิ่งโมโหยิ่งกว่าเดิมอีก เพราะเขาเองก็คงจะรู้จักนิสัยของเจียงเซ่อดีเหมือนกัน พอเขาพูดจบ ก็ถอนหายใจออกมา พร้อมๆ กับน้ำเสียงที่อ่อนลงด้วย

“เดือนพฤศจิกามันเป็นการซ้อมแผนการเข้าล้อมศัตรู......”

เผยอี้ขำออกมา เจียงเซ่อยังจ้องเขาอยู่ ริมฝีปากของหล่อนแดงและบวมเป่ง และดวงตาก็ดูเหม่อลอย ดูๆ แล้วยังไม่หลุดออกมาจากภวังค์ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เลยด้วยซ้ำ แต่ก็ยังสามารถต้อต้านจูบเมื่อกี้ของเขาได้อยู่

แต่ในแววตาไม่ได้มีความโกรธเคืองอะไร กลับกันกลับมีความอ่อนละมุนราวกับได้ยืนอยู่ท่ามกลางฤดูใบไม้ผลิ ยิ่งได้มองก็ยิ่งเพลิดเพลินและได้ใจ ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยจริงๆ

เสียงหัวเราะของเขาดังเข้าหูของคุณปู่เผย อารมณ์โกรธที่เหมือนจะไม่มีทางดับลงง่ายๆ ก็ยิ่งพุ่งขึ้นอีก เขาตะคอกกลับมา

“อาอี้ นี่แกจะไม่เชื่อฟังไปกันใหญ่แล้วนะ”

“คุณปู่ ตั้งแต่ที่ผมเป็นเด็ก มีครั้งไหนที่ผมเชื่อฟังด้วยหรือครับ?”

พอเผยอี้พูดจบ เจียงเซ่อก็เผลอหลุดหัวเราะออกมา รู้สึกได้เลยว่าคุณปู่เผยที่ได้ยินคำพูดแบบนั้นของเขา จะต้องเถียงอะไรไม่ออกแน่ๆ

และมันก็จริงที่ตั้งแต่เด็กมาก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะเชื่อฟัง ชอบก่อเรื่องวุ่นวายไปพร้อมๆ กับพวกเนี่ยต้านไม่เว้นวัน เป็นพวกตัววุ่นวายก่อเรื่องไปทั่ว

ตอนเป็นเด็กๆ นอกจากจะฆ่าคนกับวางเพลิงแล้ว ก็ไม่มีเรื่องไหนที่เขาไม่กล้าทำ อย่างปีก่อนหน้านี้ที่ไปซิ่งรถกันที่ต่างประเทศ จนทำเอาตำรวจของทางฝรั่งเศสพากันใช้เฮลิคอปเตอร์บินตามเลยด้วยซ้ำ ถือว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ทนไม่ไหวพวกผู้ใหญ่ต้องไปลากตัวกันกลับตี้ตู

สองสามปีที่ผ่านมานี้ถือว่าเขาเชื่อฟังขึ้นมาก ตอนนั้นคุณปู่เผยที่เห็นว่าเจียงเซ่อสามารถปราบพยศเขาได้ ก็รีบให้เขาจบจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งแล้วไปเข้าเรียนต่อที่กว่างโจวทันที

และเพราะทั้งสองปีที่ผ่านมานี้เขาเชื่อฟังขึ้นมา ทำให้คุณปู่เผยลืมไปเลยว่าเขานั้นเคยเป็นคนที่ใจร้อนหุนหันพลันแล่นมากแค่ไหน

เขาเป็นหลานชายคนโตของตระกูลเผย ตั้งแต่เด็กก็เป็นที่เพ่งเล็งและเป็นหลานหัวแก้วหัวแหวนของคุณปู่เผย และเพราะว่าคาดหวังในตัวของเขามาก โดยเฉพาะกับสองปีที่ผ่านมาเขาอยู่ในโอวาทตลอด มันก็ยิ่งทำให้คุณปู่เผยมีความหวังในตัวเขามากขึ้นกว่าเดิม

“อาอี้ แกกลับมาบ้านก่อน แล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้กัน”

พอเขาพูดแบบนั้นออกมา ก็เหมือนว่าอยากจะหยุดคุยเรื่องนี้แล้ว

“ส่วนเรื่องข่าวที่บ้านจะจัดการให้เอง ส่วนเรื่องรูปถ่ายฉันจะหาคนไปจัดการให้เรียบร้อย......”

“รูปถ่าย?” เผยอี้ถามออกไป คุณปู่เผยที่คิดว่าเขายังไม่รู้เรื่องที่ตัวเองโดยแอบถ่าย แถมยังลงหนังสือพิมพ์อีกก็ตอบกลับ

“ก็ภาพตอนที่แกอยู่สนามบิน แล้วเจอกับเด็กสาวแซ่เจียงนั่นไงล่ะ ถูกลงข่าวไปแล้วด้วย”

“คุณปู่ เธอคือเจียงเซ่อ” เผยอี้ย้ำเพื่อให้คุณปู่เผยเรียกให้ถูก จากนั้นก็ถามขึ้น “รูปที่ผมอยู่กับเจียงเซ่อถูกปล่อยเป็นข่าวงั้นหรือครับ? มันเขียนว่ายังไงครับ? ใช่บอกว่าทั้งสองคนมีความสนิทสนมลึกซึ้ง เหมือนกับว่ากำลังจะแต่งงานกันหรือเปล่า?”

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความหยอกล้อ เจียงเซ่อรู้สึกพูดอะไรไม่ออก รู้สึกได้เลยว่าคุณปู่เผยที่กำลังพยายามเก็บกดความโมโหอยู่จะต้องอยากระเบิดออกมาอีกแน่ๆ เขาเงียบไปครู่หนึ่งไม่พูดใดๆ ออกมา และสุดท้ายก็วางสายไปอย่างหงุดหงิด

เสียงตัดสัญญาณดังออกมาจากมือถือ จากนั้นเผยอี้ก็เก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง

“ทีนี้ก็ไม่มีอะไรมารับกวนการเดินซื้อของของเราแล้วนะครับ”

เข้าก้มตัวลงไปหยิบถุงที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา จากนั้นก็หันไปจับมือเจียงเซ่อ แต่พอเจียงเซ่อนึกตอนที่คุยกับคุณปู่เผยเมื่อครู่แล้ว ก็รู้สึกกังวลไม่น้อย

“อาอี้ คุณปู่เผยดูโมโหมากเลยนะ”

ก่อนหน้านี้ที่อยู่บนรถ เธอก็ได้ยินจากปากของเผยอี้แล้วเขาแอบหนีมา แต่เธอแค่คิดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะร้ายแรงถึงขนาดนี้ ถึงขนาดส่งผลกับการเรียนของเขาเลยด้วยซ้ำ

“หรือว่า การฝึกซ้อมนั้น......”

“ผมลงชื่อของเดือนพฤศจิกาไป แต่โดนใครก็ไม่รู้มาเปลี่ยน เปลี่ยนให้ไปอยู่ในเดือนมิถุนาเท่านั้นเองครับ” เขายิ้มไม่ทุกข์ร้อนอะไร ดวงตายิ้มจนเป็นเส้น

“อย่ากังวลไปเลยครับ”

เขาเลื่อนมือไปรวบเอวของเจียงเซ่อเข้ามาใกล้ “ผมนัดกับทางกังหัวเอาไว้แล้ว พี่คิดถึงเรื่องที่เราจะไปเลือกแบบกันดีกว่านะ”

เครื่องเพชรที่ทางกังหัวได้สรรหามาให้ทั้งสองคนในครั้งนี้ มันเป็นเพชรที่ยังไม่ได้ตัดมาก่อน มันจะถูกส่งมาที่ตี้ตูประมาณอีกหนึ่งอาทิตย์ ในระหว่างนั้นก็จะมีนักออกแบบมาพูดคุยและไถ่ถามถึงรูปแบบว่าอยากจะให้ตัดเพชรออกมาแบบไหน

เจียงเซ่อมองตาเขา ตั้งแต่ที่ไปกว่างโจวไม่ใช่แค่ร่างกายที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ดูเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน แววตาก็ดูลึกซึ้งขึ้นด้วย เหมือนกับว่าเริ่มที่จะมีความลับเป็นของตัวเองบ้างแล้วเหมือนกัน ทำเอาแม้แต่เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

แต่เธอกลับพบว่าคนที่เขาไม่เคยคิดจะมองว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง เด็กหนุ่มที่บริสุทธิ์ในตอนนั้น ไม่ว่าจะรู้สึกอะไรก็มักจะแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา สื่อออกมาอย่างไม่มีเก็บกัก แต่เธอกลับไม่เคยได้เข้าใจเขาเลย

จนกระทั่งเขาสารภาพและทำให้มันชัดเจนขึ้น จนกระทั่งเขาบอกว่าเขาชอบเธอคนนี้มากๆ

หลังจากที่ได้เข้าใจ และยอมรับความรู้สึกของเขาเอาไว้แล้ว พอลองย้อนกลับไปคิดดูดีๆ ถึงได้รู้ว่าตัวเองนั้นความรู้สึกช้ามากแค่ไหน

แต่ในตอนนี้ เธอสัมผัสได้ถึงความแปลกไปบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถามมันออกไปอย่างไร

ในความรู้สึกเธอเหมือนกับว่าเป็นผู้ถูกกระทำ เหมือนเป็นฝ่ายถูกเขารักมานานหลายปี ไม่ง่ายเลยที่จะมารักกันแบบนี้ แต่ในเรื่องของความรู้สึกนั้นยังมีอีกหลายมุมมองที่เธอคิดว่าตัวเองก็ยังคงเป็นพวกมือใหม่ ในเมื่อเขายังไม่อยากจะพูดถึง เธอที่ยังลังเลอยู่นั้น ก็ไม่คิดจะถามอีก

เรื่องที่เผยอี้กลับมาก็เป็นเพราะว่าเจียงเซ่อและยังถูกลงข่าวอีก เรื่องนี้มันกลายเป็นประเด็นที่ใหญ่สุดๆ แต่ทางตระกูลเผยก็ไม่ได้เลือกที่จะจัดการเรื่องพวกนี้อย่างเด็ดขาดอะไรมาหมาย แต่แค่ลบภาพที่มีเผยอี้อยู่ออกทั้งหมดเท่านั้น เหล่าเบื้องบนของสำนักสื่อข่าวหลายแห่งถูกทางกระทรวงวัฒนธรรมเรียกตัวไปพูดคุยอย่างลับๆ และหลังจากนั้น กลุ่มชาวเน็ตที่รู้ว่าเจียงเซ่อไปรับแฟนหนุ่มที่สนามบินอยากจะกลับมาค้นหาข่าวและภาพของเผยอี้อีกครั้ง ก็กลายเป็นว่าหาไม่เจอเพราะภาพเหล่านั้นถูกกำจัดทิ้งหมดแล้ว

แม้แต่คนที่ได้ถ่ายรูปเผยอี้ก็ไม่เห็นออกมาพูดอะไรอีกเลย บวกกับกระแสข่าวอื่นๆ ที่ขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้เรื่องๆ นี้หายไปภายในสองวันเท่านั้น

และเพราะว่าเรื่องที่เผยอี้ขอลากลับมาที่ตี้ตู เจียงเซ่อเองก็ได้บอกกับทางเซี่ยเชาฉวินเอาไว้แล้ว หล่อนจึงช่วยลดหย่อนวิชาเรียนของเธอไปมาก ทำให้ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเผยอี้ในช่วงนี้ เหมือนกับได้ย้อนกลับไปในตอนแรกๆ ที่ได้คบกัน

หลังจากที่พวกเนี่ยต้านรู้ว่าเผยอี้กลับมาที่ตี้ตู ก็ทำแค่โทรมาทักทายเท่านั้น และไม่มีการมารบกวนเวลาของทั้งสองคนอย่างรู้งาน หลังจากนั้นทางตระกูลเผยเองก็เริ่มโทรมาหาเขาบ่อยๆ โดยเฉพาะกับวันเวลาที่ผ่านไปเร็วเหมือนสายน้ำ หลังจากถึงช่วงเดือนมิถุนายนแล้ว ทางตระกูลเผยก็ยิ่งตามจี้เขามากกว่าเดิม