webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

386

บทที่ 386 Gossip

สนามบินตี้ตูเป็นที่ที่จะสามารถเห็นพวกดาราได้บ่อยๆ อยู่แล้ว และแน่นอนว่าที่นี่ก็มีนักข่าวมากมายที่ปะปนอยู่กับกลุ่มคนทั่วไป นักเดินทางผู้โดยสารหลายๆ ก็เริ่มที่จะชินแล้วกับการที่มีดารามาปรากฏตัวแบบนี้

แต่ว่าเจียงเซ่อไม่เหมือนกัน เธอไม่ค่อยได้ออกสื่อให้คนทั่วไปได้เห็นบ่อยนัก พอมีคนเรียกชื่อเจียงเซ่อขึ้นมาแบบนี้ เหล่านักข่าวทั้งหลายที่กำลังเอ้อระเหยลอยชายจึงรีบวิ่งไปตามเสียงทันที

คนหลายสิบเริ่มรุมล้อมเข้ามา บางคนก็วิ่งไปด้วยมือก็ล้วงหามือถือไปด้วย

เผยอี้ที่เห็นสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว ก็ล้มเลิกความคิดที่จะบอกให้พวกหญิงสาวที่ตามมาลบภาพทิ้งซะ แล้วเลือกที่จะคว้าตัวเจียงเซ่อเข้ามากอดเอาไว้แทน จากนั้นก็พาอ้อมไปขึ้นที่ฝั่งข้างคนขับ หลังจากปิดประตูเรียบร้อยแล้ว ตัวเองก็อ้อมไปขึ้นอีกฝั่ง เปิดประตูด้านหลัง แล้วโยนกระเป๋าเข้าไป จากนั้นก็รีบมาขึ้นที่นั่งคนขับ จากนั้นก็รีบขับรถออกจากกลุ่มคนตรงนั้นทันที

หลังจากสลัดกลุ่มแฟนคลับและพวกนักข่าวได้แล้ว เจียงเซ่อถึงค่อยดึงสายเบลท์มาคาดตัวเอาไว้

เขายังสวมแว่นดำอยู่ ท่าทางนิ่งและเฉยชา แขนเสื้อ T เชิ้ตถูกเขาถลกขึ้น เผยให้เห็นวงแขนทั้งแขน และทำให้สัมผัสได้ถึงพละกำลังของกล้ามเนื้อเหล่านั้น

เจียงเซ่อนึกถึงตอนที่ตัวเองถูกกอดเมื่อครู่นี้ กลิ่นอายของเขามันยังติดตัวปกคลุมเธอไปหมด สองปีที่ผ่านมาที่ไม่ได้อยู่ตี้ตู ดูเหมือนว่าเผยอี้จะเปลี่ยนไปมากทีเดียว

เธอค่อยๆ หน้าขึ้นสี จากนั้นก็หันไปมองกระเป๋าเดินทางที่ถูกโยนไว้อยู่ด้านหลัง ที่ดูเหมือนว่าไม่ได้มีอะไรมากมายอยู่ในนั้น

เมื่อคืนที่ทั้งสองคุยโทรศัพท์กัน ก็ดูเหมือนว่าเขากำลังยุ่งอยู่กับการเก็บของแท้ๆ

“ลาหยุดครั้งนี้ ลาได้กี่วันเหรอ?”

เธอเอ่ยถามขึ้น เพื่อทำลายความเงียบที่ก่อตัวขึ้นบนรถ ตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงหัวค่ำแล้ว รถที่วิ่งตามท้องถนนก็เริ่มเยอะขึ้น ทำให้ต้องลดความเร็วลงมาก เขาค่อยเปลี่ยนเป็นจับพวงมาลัยมือเดียว ส่วนอีกข้างก็เอื้อมไปประคองลำคอระหงส์ของเจียงเซ่อเอาไว้ และแทบจะไม่ต้องออกกำลังเลย เธอก็เงยหน้าหันไปมองทางเขาแล้ว เขาโน้มใบหน้าลงไปจุ๊บบนริมฝีปากของเธอหนึ่งที ทำเอาเจียงเซ่อหน้าแดงไปหมด แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะปฏิเสธจูบของเขา

“สิบวันครับ”

หว่างคิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ครึ่งหนึ่งถูกแว่นดำปกปิดเอาไว้ สีหน้าของเขาเผยแววกลัดกลุ้มอย่างบอกไม่ถูก แต่นั่นกลับทำลายความเย็นชาที่เขาสร้างขึ้นก่อนหน้านี้ไปหลายส่วน มือข้างหนึ่งของเขายังคงแตะอยู่บนใบหน้าของเจียงเซ่อ ปลายนิ้วเกลี่ยไปเกลี่ยมาอยู่บนใบหูของเธอ เขาลูบมันไปมาเบาๆ เหมือนกำลังซึมซับความรู้สึกอ่อนนุ่ม

“อย่างน้อยก็จัดการเลือกแบบแหวนให้เรียบร้อยก่อน”

ถึงแม้ว่ามีแว่นดำกั้นอยู่ แต่เจียงเซ่อก็รู้สึกได้ ว่าตอนที่เขาบอกว่าจะเลือกแบบแหวนให้เรียบร้อยนั้น แววตาของเขามันเร่าร้อนมาก

เมื่อวานตอนที่ทั้งสองคนคุยเรื่องแหวนกัน เธอสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของเขา ทำให้เธอเองก็คุมสติไม่ได้และตอบตกลงเขาไป พอตอนนี้จิตใจสงบลงแล้วก็เริ่มรู้สึกที่จะเขินๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

มือของเผยอี้ประดองแก้มของเธอเอาไว้ ทั้งๆ ที่ในรถก็เปิดแอร์ แต่เธอกลับรู้สึกว่าใบหน้ามันร้อนผ่าวไปหมดจนคงจะแผ่ไปถึงมือของเขาแล้ว

เจียงเซ่อไม่ได้ตอบอะไรเผยอี้ แต่กลับหันไปมองกระเป๋าของเขาอีกครั้ง อย่างมากในกระเป๋าก็คงมีแต่กระเป๋าเงิน กุญแจและของใช้ส่วนตัวอีกไม่กี่อย่าง เหมือนกับไม่ได้เก็บของอะไรมากมากมายเพื่อที่จะอยู่จนถึงสิบวันด้วยซ้ำ

ระหว่างที่เผยอี้ขับรถอยู่เขาเองก็ยังสังเกตอาการของเธอไปด้วย พอเห็นว่าเจียงเซ่อกำลังทำอะไร คิ้วที่ขมวดเข้าหากันอยู่แล้วก็ยิ่งขมวดแน่นเข้าไปอีก

“ที่จริงครั้งนี้ผมแอบกลับมาน่ะ” เขาเอียงหน้า มือข้างหน้าที่จับพวงมาลัยค่อยๆ ขยับไปตามเส้นทางที่เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ

“ที่จริงก็ขอลาแล้วนั่นแหละ แต่เหมือนว่าจะเจอปัญหาระหว่างนั้น” เขาสวมแว่นดำ เจียงเซ่อมองไม่เห็นสายตาของเขา เห็นแค่เพียงใบหน้าที่เรียบเฉยเท่านั้น เห็นแบบนี้แล้วรู้สึกเหินห่างแปลกๆ

เธอไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลยสักนิด จึงเอื้อมมือไปถอดแว่นดำของเขาออก

ถ้าเป็นคนอื่นละก็ เผยอี้คงไม่มีทางยอมให้ใครมาทำแบบนี้แน่ๆ แต่นี่เป็นมือของเธอที่ยื่นมา เขาจึงก้มหน้าให้อย่างว่าง่าย ยอมให้เธอถอดแว่นดำออกไป พอถอดออกแล้วก็ยังแอบจูบลงไปบนหลังมือของเธอด้วย

“เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”

ตอนที่เขาพูดแบบนั้นออกมา เจียงเซ่อก็เดาว่าหรือว่าทางตระกูลเผยจะรู้แล้วว่าพวกเราทั้งสองคนสั่งทำแหวนกัน เละกะจะห้ามไม่ให้เขากลับตี้ตู

“อย่าคิดมากเลยครับ”

เธอเพิ่งจะคิดอะไรอยู่ในใจขึ้นมา ก็เหมือนว่าเผยอี้จะเดาออกเหมือนกันว่าเธอกำลังคิดอะไร จึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธ

“มีปัญหาที่ทางโรงเรียนน่ะ”

ดูเหมือนว่าเผยอี้ยังไม่อยากจะพูดคุยหรือเล่าเรื่องนี้กับเธอเท่าไหร่ แต่ประโยคถัดไปก็ดังขึ้นมา

“แต่ว่าเซ่อเซ่อครับ......” เขาหันหน้ามามองเธอ ทำสีหน้าแววตาน่าสงสารแล้วเอ่ยขึ้น “ทั้งกุญแจรถกับกระเป๋าเดินทางผมทิ้งไว้ที่หอพักหมดเลย ที่บ้านก็ยังไม่รู้ว่าผมกลับมา งั้นระหว่างนี้ผมขอหลบอาศัยอยู่กับพี่ก่อนนะครับ รับผมไปอยู่ด้วยหน่อยนะ?”

การกลับมาของเขาในครั้งนี้ เพราะว่ามันฉุกละหุกมาก จึงเอามาแค่บัตรประชาชน พอได้ตั๋วเครื่องบินแล้วก็รีบมาทันที ทั้งเนื้อทั้งตัวนอกจากเศษเหรียญกับมือถือแล้ว ก็ไม่มีอะไรติดตัวมาอีกเลย

แต่ว่าเขาเองก็ยังมีพวกเนี่ยต้านกับเพื่อนอีกตั้งหลายคน แต่ตอนนี้กลับตั้งใจไม่พูดถึงขึ้นมา คงอยากจะอยู่กับเธอตามลำพังแน่ๆ

ตั้งแต่ที่ทั้งสองคนคบกันมา นอกจากช่วงแรกๆ แล้ว ระยะหลังๆ มาก็ต้องห่างไกลกันตลอด เดี๋ยวเธอก็ต้องไปถ่ายงานนอกสถานที่บ้างล่ะ หรือไม่ก็มีอย่างอื่นมาเป็นอุปสรรคบ้างล่ะ

เขาไปเรียนต่อที่กว่างโจว ทั้งสองคนก็ต้องไกลกันกว่าเดิม ก็มีบ้างเป็นบางครั้งที่ได้โทรติดต่อหากัน หรือไม่ก็ทางโซเชียล

พอคิดถึงตรงนี้แล้ว เจียงเซ่อก็เกิดใจอ่อน และพยักหน้าตกลงไป

และเพราะว่าเผยอี้ไม่ได้เอาเสื้อผ้าติดตัวมาเลยสักชิ้น ทั้งสองคนจึงตัดสินใจหาซื้อเสื้อผ้าเอาไว้เปลี่ยนและของใช้ของผู้ชายอีกเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงเซ่อได้มาช่วยเขาเลือกซื้อของ ก็รู้สึกแปลกใหม่ดีเหมือนกัน

ระหว่างนั้นก็เจอหลายๆ คนที่จำเธอได้ เข้ามาขอลายเซ็นและขอถ่ายรูปด้วย แต่สุดท้ายก็โดนสีหน้าเย็นชาของเผยอี้ไล่ไป

เผยอี้ตัวสูงขาก็ยาว จะใส่อะไรก็ดูดีทั้งนั้น แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้มีประสบการณ์ในการเดินซื้อของตามถนนอะไรมากมาย

หลังจากที่เป็นดาราแล้ว ส่วนใหญ่เสื้อผ้าของเจียงเซ่อก็ล้วนแล้วเป็นของที่ทางแบรนด์ส่งมาให้ น้อยครั้งที่จะมาเดินเลือกซื้อเองแบบนี้

ส่วนเผยอี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตั้งแต่เด็กๆ เรื่องเสื้อผ้าก็มีคนในตระกูลเผยดูแลให้ตลอด แทบไม่ต้องให้เขาเลือกเองเลยด้วยซ้ำ ทั้งสองคนเดินจูงมือไปตามถนนได้ไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ มือถือของเจียงเซ่อก็ดังขึ้นมา

“เธออยู่กับลูกชายของตระกูลเผยที่ย่านการค้างั้นหรือ?”

เจียงเซ่อยืนอยู่ข้างๆ เผยอี้ เสียงของเซี่ยเชาฉวินดังออกมาจากมือถือ ตอนที่หล่อนถามออกมาแบบนั้น เจียงเซ่อก็อดไม่ได้ที่จะหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ จนกระทั่งแน่ใจแล้วว่าเซี่ยเชาฉวินก็ไม่ได้บังเอิญอยู่ที่ย่านการค้าเหมือนกัน เธอก็เข้าใจในทันที คงเป็นเพราะเธอและเผยอี้โดนแอบถ่ายตอนที่เดินซื้อของข้างถนนอยู่แน่ๆ และคงจะเอารูปลงเน็ตแล้ว

แล้วเธอก็นึกถึงกลุ่มคนที่บังเอิญไปเจอกันตอนที่ไปรับเผยอี้ จึงตอบว่าใช่ออกไป เซี่ยเชาฉวินจึงพูดกลับมา

“เธอกลายเป็นข่าวแล้วนะ” หล่อนเงียบไปช่วงหนึ่ง แล้วถามขึ้น

“งั้นถามคนข้างๆ เธอสิ ว่าอยากจะให้กำจัดข่าวพวกนั้นหรือเปล่า?”

เจียงเซ่อไปรับแฟนหนุ่มปริศนาถึงสนามบิน รูปที่ทั้งสองคนขึ้นรถและขับออกจากสนามบินอย่างสนิทสนมนั่นถูกแชร์ต่อๆ กันไปอย่างกับน้ำไหล

เธอมีภาพลักษณ์ที่ดี เซี่ยเชาฉวินเองก็ได้สร้างให้เธอเป็นดาราที่อยู่ในลู่ทางอยู่ที่ดีงามตลอด และยังไม่เคยมีข่าวซุบซิบกับใครเลยด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าจะเคยร่วมงานกับหลิวเย่มาก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังมีข่าวที่ว่าทั้งสองได้มีโอกาสกลับมาร่วมงานกันอีกเป็นครั้งที่สอง แต่ก็ไม่เคยมีข่าวใกล้ชิดสนิทสนมออกมาแม้แต่น้อย

ถึงแม้ว่าก่อนที่จะเริ่มมีการถ่ายทำหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ เจียงเซ่อจะเป็นคนยอมรับออกมาจากปากเองว่ากำลังคบหากับแฟนหนุ่มอยู่ แต่ตั้งแต่ตอนนั้นมาจนถึงทุกวันนี้ แม้แต่แฟนคลับของเธอเองก็ยังไม่รู้และไม่เคยเห็นแฟนหนุ่มที่เธอบอกว่ายังเรียนอยู่เลยด้วยซ้ำ นี่ถือว่าเป็นครั้งแรก ที่เจียงเซ่อกลายเป็นที่พูดถึงว่ากำลังแสดงความสนิทชิดใกล้กับแฟนหนุ่มทหาร