webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

384

บทที่ 384 แบรนด์เนม

เจียงเซ่อเข้าใจความหมายของเซี่ยเชาฉวินในทันที ที่จางจิ้งอานส่งแต่ข้อมูลตัวละครถังเหว่ยหัว ตระกูลถังและตัวละครอื่นๆ มา หรือแม้แต่เท่าที่เจียงเซ่อลองเปิดดู ก็มีข้อมูลบอกการปลูกถ่ายหัวใจให้กับลูกสาวของเฉิงเจี้ยนกั๋วอย่างละเอียดอีกด้วย แต่กลับไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวกับถังจิ้งเลยแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะว่ากลัวเธอจะจำคาแรคเตอร์ตัวละครที่สร้างขึ้นมามากเกินไป

หรือพูดได้ว่า จางจิ้งอานไม่ได้ต้องการให้แสดงออกมาเป็นคนนั้น และไม่ได้อยากจะให้เจียงเซ่อ ‘สวมบทบาท’ เป็นตัวละครนั้นๆ แต่เขาอยากจะเอาข้อมูลทุกๆ อย่างมาให้เธออ่าน ก็เพื่อที่จะให้เธอได้เข้าในและซึมซับตัวละครรอบๆ ตัวเองให้ได้มากที่สุด เพื่อที่ตอนที่เธอเริ่มถ่ายทำ จะได้สามารถ ‘เป็น’ ถังจิ้งได้

พอเจียงเซ่อคิดถึงตรงนี้แล้ว ก็รับคำออกไป พอกำลังจะวางสาย เซี่ยเชาฉวินก็เอ่ยถามขึ้นมา

“ทานอาหารเช้าหรือยัง?”

น้อยครั้งที่หล่อนจะคุณกับเธอเรื่องอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องงาน พอเจียงเซ่อได้ยินหล่อนถามแบบนั้น แก้วน้ำที่กำลังจะยกขึ้นดื่มก็ชะงักในทันที “อีกสิบนาทีคุณหวงก็น่าจะมาถึงที่นี่แล้วล่ะค่ะ”

‘คุณหวง’ ที่เจียงเซ่อพูดถึงก็คือนักโภชนาการที่เซี่ยเชาฉวินหามาให้นั่นเอง หล่อนไม่เพียงคอยดูแลจัดการเรื่องอาหารการกินของเธอเท่านั้น เพราะในขณะเดียวกันหล่อนก็ต้องคอยดูและอาหารทั้งสามมื้อของเธอด้วย และแน่นอนว่าค่าตอบแทนก็ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว

ที่เซี่ยเชาฉวินถามถึงมื้อเช้า ก็น่าจะเป็นเพราะว่ามีเรื่องบางอย่างต้องพูดคุยกับเธอ พอเจียงเซ่อพูดออกมาแบบนั้น เซี่ยเชาฉวินก็รับคำ

“เดี๋ยวฉันจะอาบน้ำแล้วออกไปหา อีกประมานยี่สิบนาทีถึง”

หลังจากที่วางสายไปแล้ว เจียงเซ่อเองก็ไปอาบน้ำ ยังไม่ทันจะเป่าผมให้แห้ง ตอนลงมาก็พบว่าเซี่ยเชาฉวินมาถึงแล้ว พร้อมกระเป๋าอีกใบหนึ่ง หล่อนสวมแว่นดำมาด้วย และสวมชุดทำงานเป็นสูทสีขาวทั้งตัว ทำให้ดูรูปร่างสูงและปราดเปรียวสุดๆ จางฉือผู้ช่วยของหล่อนเองก็ถือกล่องของขวัญกล่องใหญ่ตามหลังมาด้วย ดูเฉลียวฉลาดและมีความสามารถในการทำงาน เหมาะสมกับเซี่ยเชาฉวินมากๆ

คุณหวงที่อยู่ในห้องครัวเองก็เดินออกมาทักทาย และถามเซี่ยเชาฉวินด้วนรอยยิ้มว่าจะรับอาหารเช้าด้วยหรือไม่

“ขอเป็นแซนวิชหนึ่งชุด กับกาแฟแก้วหนึ่งก็แล้วกัน”

หล่อนขอเป็นเมนูง่ายๆ ออกไป จางฉือวางของในมือลง หล่อนมองเจียงเซ่ออย่างเกรงอกเกรงใจ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา

“คุณเจียงครับ คุณพอจะมีผ้าขนหนูที่ยังไม่ได้ใช้บ้างไหมครับ……”

สีหน้าของเขาเหมือนกับคนไม่มีทางเลือก บนศีรษะสวมหมวกเบสบอลเอาไว้ แววตาดูอ่อนล้าเป็นอย่างมาก เซี่ยเชาฉวินนั่งลงบนโซฟา เขาจึงค่อยๆ ลดเสียงลง เหมือนกลัวว่าเจ้านายสาวจะได้ยินเอา

“ตั้งแต่หกโมงเช้าคุณเซี่ยเขาก็โทรมาหาผมแล้ว บอกว่าให้ผมกลับไปเอาของที่บริษัทให้หน่อย” พอเขาพูดถึงตรงนี้ เขาก็ยกนิ้วชี้ไปที่กล่องของขวัญเหล่านั้น แล้วยิ้มแห้งๆ “ผมรีบแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็รีบออกมาเลย ยังไม่ทันได้ล้างหน้าเลยด้วยซ้ำ”

เจียงเซ่อหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เห็นท่าทางเขาเหนื่อยอ่อนขนาดนี้ ก็ชี้ไปที่ห้องน้ำทันที

“ของทั้งหมดอยู่ในตู้ใต้อ่างล้างมือเลยค่ะ”

เขาถอนหายใจโล่งอก กล่าวขอบคุณ แล้วรีบเอาของไปวางไว้ตรงหน้าเซี่ยเชาฉวิน จากนั้นก็รีบไปเข้าห้องน้ำในทันที

จางฉือเป็นผู้ช่วยของเซี่ยเชาฉวินมาก็ไม่ใช่แค่ปีสองปี และเขาก็ชินกับนิสัยของเซี่ยเชาฉวินแล้วด้วย เท่าที่เจียงเซ่อสัมผัสได้ ผู้ช่วยคนนี้ดูเฉลียวฉลาดและมีความสามารถมากๆ น้อยครั้งที่จะเห็นเขาอยู่ในสภาพแบบนี้ ทำให้รู้สึกแปลกใหม่อย่างบอกไม่ถูก

เธอนั่งลงตรงหน้าเซี่ยเชาฉวิน แล้วพูดถึงจางฉือขึ้นมา

“จางฉือทำงานกับพี่เชาฉวินมาหลายปีแล้วใช่ไหมคะ?”

“อืม”

เซี่ยเชาฉวินขยับแว่นดำเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นเสยผม

“แปดปีได้แล้ว”

เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของหล่อน คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แน่

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของเซี่ยเชาฉวิน คือการที่หล่อนเป็นผู้หญิงที่เก่งและแกร่ง ชอบความท้าทาย และชอบที่จะทำเรื่องทุกเรื่องให้เต็มที่ที่สุด ในขณะเดียวกัน หล่อนก็ต้องการให้คนที่อยู่ข้างๆ ตัวเองนั้นทำได้แบบที่หล่อนทำได้ด้วย หล่อนเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูง ชอบคนที่ขยันขันแข็ง และกระตือรือร้นอยู่เสมอ และจะต้องเต็มที่กับเรื่องทุกๆ เรื่องด้วย

“งั้นก็คงไม่ง่ายเลยสินะ”

พอเจียงเซ่อพูดออกมาแบบนั้น เซี่ยเชาฉวินก็มองเธอเงียบๆ ทำเอาเจียงเซ่อรู้สึกแปลกใจเล็กๆ และในที่สุดหล่อนก็ตอบเจียงเซ่อออกมา

“ไม่มีอะไรง่ายทั้งนั้นแหละ ถ้าเป็นตอนที่ฉันยังเป็นวันรุ่น แล้วมีโอกาสได้เรียนรู้จากรุ่นพี่ นั่นก็ถือว่าเป็นโชคดีของฉันแล้ว” สีหน้าของหล่อนเรียบนิ่ง ราวกับว่าไม่ได้เคอะเขินหรือไม่มั่นใจที่จะเรียกตัวเองว่าเป็นรุ่นพี่ กลับกันยังดูมั่นใจในตัวเองอีกด้วย

“ยังไงก็แล้วแต่ การที่เขาอยู่เป็นผู้ช่วยฉันมาแปดปี ถึงแม้ว่าในอนาคตจะต้องอำลาตำแหน่งนี้ไป แต่เขาก็ยังได้ประสบการณ์ติดตัวไปด้วย และทุกอย่างก็ยังสามารถนำไปต่อยอดในงานอื่นๆ ได้ด้วยนี่”

พอหล่อนพูดจบ ก็ชี้ไปยังกล่องของขวัญที่จางฉือยกมาเมื่อกี้ เป็นการแสดงให้รู้ด้วยว่าบทสนทนานอกเรื่องได้จบลงแล้ว

“เธอดูสิ พวกนี้เป็นชุดราตรีที่ทาง Givenchy ส่งมาให้”

เจียงเซ่อชะงักไปในทันที ก่อนจะยื่นมือออกไปแตะกล่อง และเอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ทาง Givenchy ส่งให้ฉันอย่างนั้นหรือคะ?”

“อืม”

เซี่ยเชาฉวินพยักหน้า “น่าจะประมาณสองเดือนที่แล้ว ฉันได้เอาข้อมูลสัดส่วนของเธอให้โม่อานฉีไปให้กับพวกแบรนด์ใหญ่ต่างๆ”

ดาราและแบรนด์สินค้าใหญ่ๆ มีการร่วมมือกันอย่างสนิทสนม แต่กับแบรนด์ Givenchy แล้ว พวกเขาชอบที่จะสนับสนุนดาราที่เป็นสุดยอดที่สุด ในขณะเดียวกัน ฐานะของดาราก็ยังสามารถมองได้ว่าเป็นที่หนึ่งหรือที่สองจากสินค้าแบรนด์เนมเหล่านี้

ตามที่หลายปีมานี้ชื่อเสียงของเจียงเซ่อค่อยๆ พุ่งสูงขึ้น ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนฤดูกาล พวกสินค้ารุ่นก่อนหน้าไม่ว่าจะเป็นพวกเสื้อผ้ารองเท้าหรือกระเป๋าก็จะถูกส่งมาให้กับเจียงเซ่อ ในกรณีที่ไม่ได้เป็นพรีเซนเตอร์ เจียงเซ่อก็ยังสามารถถ้อยทีถ้อยอาศัยได้ ในเมื่อทางแบรนด์ส่งของมาให้ เวลาที่เธอออกจากบ้านก็ใส่และใช้พวกมันบ้าง เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

แต่แบรนด์เสื้อผ้าใหญ่ๆ นั้นไม่ง่ายเลยที่จะส่งของให้กับใคร หรือแม้แต่การขอยืมก็ยังต้องมีการรักษาและดูฐานะของบุคคลเหล่านั้นเป็นพิเศษอีกด้วย ถ้าไม่ใช่ดาราแนวหน้า อยากจะของยืมสินค้าแบรนด์เนมของต่างประเทศที่หรูหราและไฮเอนด์ขนาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการส่งมอบของขวัญด้วย

ดาราส่วนใหญ่ก็มักจะได้เสื้อผ้าจากแบรนด์ใหญ่แบบนี้เป็นรางวัล แต่อย่างไรในความหมายของเซี่ยเชาฉวิน คือการที่ Givenchy นั้นได้ตัดเย็บชุดราตรีชุดนี้ให้กับเจียงเซ่อโดยเฉพาะ และนั่นก็ถือว่าพิเศษและมีค่ามากเลยทีเดียว

และเพราะว่าชุดราตรีชุดนี้ หลังจากที่เซี่ยเชาฉวินได้รับข่าวแล้ว ถึงได้โทรปลุกจางฉือเช้าเป็นพิเศษ เพื่อให้เขาไปเอาชุดราตรีนี้มา และนำมันมาให้เจียงเซ่อเองกับมือ

การที่ Givenchy ส่งข่าวมาแบบนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องการจะให้เจียงเซ่อไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับทางแบรนด์อะไร เหมือนว่าก็แค่อยากจะผูกมิตรกับเจียงเซ่อเอาไว้ก่อนก็เท่านั้นเอง

และแน่นอนว่าเจียงเซ่อเองก็อยากจะผูกไมตรีในครั้งนี้เอาไว้ และคิดว่าจะหาโอกาสหรืองานที่เหมาะจะสวมชุดราตรีที่ทาง Givenchy ส่งมาให้ เพื่อเป็นการตอบแทนที่ Givenchy มอบของขวัญให้กับเธอ

ในขณะที่เจียงเซ่อกำลังคิดอะไรแบบนั้นอยู่ในหัว ไม่ทันไร เซี่ยเชาฉวินก็เอ่ยขึ้นมา

“งานเลี้ยงในวันที่สามเดือนมิถุนายน ครอบรอบสามสิบปีของ Steinway เธอก็ใส่ชุดนี้ไปสิ” แล้วหล่อนก็เรียกจางฉือขึ้นมา เพียงไม่กี่วินาทีจางฉือก็พรวดออกมาจากห้องน้ำทั้งๆ ที่ผมยังเปียกอยู่ ฟองแชมพูยังล้างออกไม่หมดเลยด้วยซ้ำ เขาเอาผ้าขนหนูห่อม้วนหัวเอาไว้ แล้วรับคำออกมา

“ครับคุณเซี่ย?”

“ช่วยหยิบกรรไกรให้ฉันที”

จางฉือหยิบกรรไกรส่งให้หล่อนแล้วเดินกลับไปเข้าห้องน้ำอีกรอบ เซี่ยเชาฉวินนำกรรไกรตัดกระดาษที่ห่อกล่องของขวัญเอาไว้ และข้างในนั้นก็มีกล่องที่สวยกว่าอยู่หนึ่งกล่อง หล่อนเปิดฝากล่องนั้นออก ชุดราตรีสีดำที่ทาง Givenchy ตัดให้กับเจียงเซ่อนั้นถูกพับซ้อนเอาไว้ในกล่องเป็นอย่างดี ดูประณีตและสะอาดสะอ้านมากๆ

เซี่ยเชาฉวินมองมันครู่หนึ่ง แล้ววางกรรไกรลง

“หลังจากงานคืนนั้นแล้ว ฉันจะจัดหาเวลา ให้เธอไปเซ็นสัญญาผูกไมตรีกับทาง Givenchy”