บทที่ 383 PROOF OF LIFE (2)
คนหนึ่งคือโจรเรียกค่าไถ่ที่เคยคิดที่จะลักพาตัวเพื่อเรียกเอาเงิน ส่วนอีกคนคือคนที่ถูกลักพาตัวมา เด็กสาวที่ใช้ชีวิตมีชื่อเสียงมาโดยตลอด ท่ามกลางป่าทึบ คนสองคนที่เคยมีจุดยืนแตกต่างกันกำลังร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กันอย่างยากลำบาก
ในตอนที่ทั้งสองคนถูกโทมัสเข้าขัดขวาง เพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่เคยเข้ากันได้ดี ก็กำลังต่อยตีกันอย่างดุเดือดอยู่ตรงหน้าถังจิ้ง
โทมัสนั้นเคยเป็นทหารมาก่อน หมัดทั้งสองข้างของเขานั้นมีแรงมหาศาล
ในหนังของจางจิ้งอาน สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้ใช้วิธีจบโดยอาศัยการยืนหยัดของตัวละครในการเอาชนะสิ่งชั่วร้าย เฉิงเจี้ยนกั๋วถูกซ้อมจนแทบจะไม่เหลือเค้าเดิม ในตอนที่ตำรวจรอยมาได้อย่างเชื่องช้า ลมหายใจของเขาก็เริ่มรวยรินแล้ว
เขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ตอนที่รถพยาบาลมาถึง ก็เหมือนว่าเขาใกล้จะตายเต็มที
ถังจิ้งจับมือของเขาเอาไว้ เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ริมฝีปากของเขายังคงพึมพำชื่อของลูกสาวตัวเองไม่หยุด
เรื่องที่ลูกคุณหนูของตระกูลถังเหว่ยหัวถูกลักพาตัวไป เป็นเรื่องที่น่าตกใจสำหรับสื่อนักข่าวไม่น้อย ตำรวจสามารถเข้าช่วยตัวประกันได้สำเร็จ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี และเป็นเรื่องที่น่าสรรเสริญและแพร่กระจายออกไปให้ได้รู้
พอข่าวในโทรทัศน์ออกมาแบบนั้นแล้ว ถังเหว่ยหัวก็รีบรุดไป พอเห็นว่าลูกสาวตัวเองกำลังจับมืออยู่กับผู้ร้าย สีหน้าของของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นความรังเกียจ
คุณนายถังเองก็คิดว่าลูกสาวตนไม่ควรที่จะลดตัวลงไปเกลือกกลั้วจับมือกับพวกคนชั้นต่ำแบบนั้น เพราะมันจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
ทางฝ่ายตำรวจได้อธิบายและแถลงการณ์ขั้นตอนการเข้าช่วยเหลือตัวประกันว่าทำอย่างไรถึงได้สำเร็จ และยังสามารถรวบตัวกลุ่มคนร้ายทั้งกลุ่มได้อีกด้วย อีกทั้งตัวคุณหนูของตระกูลถังเองก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆ
บนรถพยาบาล ถังจิ้งยังคงจับมือเฉิงเจี้ยนกั๋วเอาไว้นิ่งๆ และไม่ยอมแพ้แม้ว่าพ่อแม่จะสั่งให้ปล่อยก็ตาม
ใบหน้าของเขาแทบจะจำเค้าหน้าเดิมไม่ได้อยู่แล้ว ศีรษะของเขามีแต่เลือดเต็มไปหมด นักข่าวเริ่มที่จะขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของเขา และยังได้พูดถึงลูกสาวของเขาอีกด้วย
ข่าวได้แพร่กระจายออกไปไกลแล้ว เมื่อเขาตกเป็นเป้าสังคม ลูกสาวของเขาก็ต้องได้รับผลกระทบนั้นไปด้วย
ถังจิ้งกลายเป็นลูกสาวที่ทำเรื่องอกตัญญูต่อพ่อแม่ ต่อหน้านักข่าวและกล้องมากมาย เธอยืดหยัดที่จะเข้าห้ามพวกนักข่าวที่ยังเอาแต่ถ่ายรูป และห้ามไม่ให้พวกนักข่าวเปิดโปงชีวิตและเรื่องส่วนตัวของเฉิงเจี้ยนกั๋วให้คนนอกได้รู้
เขาแค่เลือกทางผิด เขาแค่ทำผิดพลาดเท่านั้น แต่เขาก็สำนึกผิดในภายหลัง และได้เสียใจต่อสิ่งที่ทำลงไปแล้ว
พ่อแม่ของเธอตื่นตะลึงและงุนงงเป็นอย่างมาก พากันมองหน้ากันแบบไม่อยากจะเชื่อ
การกระทำของเฉิงเจี้ยนกั๋ว ไม่ใช่แค่เพียงช่วยชีวิตของถังจิ้งให้รอดออกมาเท่านั้น แต่มันเป็นการช่วยลูกสาวของตัวเขาเองด้วยเช่นกัน
ในระหว่างที่ส่งเขาไปโรงพยาบาลนั้น ทุกอย่างมันก็สายไปเสียแล้ว แต่ก่อนที่จะไปถึงโรงพยาบาล เขาก็ได้มอบหัวใจให้กับลูกสาวของตัวเอง เขาเอาแต่เหม่อมองใบหน้าของถังจิ้งที่คอยนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ เตียงคนเจ็บ โดยไม่พูดอะไรสักคำ
จางจิ้งอานได้เว้นตรงส่วนนั้นเอาไว้ให้ว่างเปล่า และปล่อยให้คนที่ได้อ่านมันได้คิดเอาเอง
เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องพูดอะไร บางทีเขาอาจจะกำลังละอายใจเกินไป หรือบางทีเขาอาจจะรู้อยู่แล้วว่าถังจิ้งจะช่วยเขา หรือเขาอาจจะไม่ได้ต้องการเอาการไถ่โทษของตัวเอง มาเป็นโอกาสในการเรียกร้องการตอบแทนจากเธอ
และสุดท้ายถังจิ้งก็ได้เป็นคนช่วยเรื่องค่าผ่าตัดให้กับลูกสาวของเฉิงเจี้ยนกั๋ว แม้ว่าตระกูลถังจะไม่เต็มใจก็ตามที
ในตอนที่ถังเหว่ยหัวเอาแต่ยืนยันและคิดว่าที่ถังเจี้ยนกั๋วทำแบบนี้ ก็เพื่อที่จะเอาเงินจากถังจิ้งไปช่วยลูกสาวของตนเองเท่านั้น ถังจิ้งที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำเพียงแค่ยิ้มๆ และพูดกับคนที่เป็นบิดาของตนว่า
“ค่ารักษาผ่าตัดของเธอไม่ถึงล้านด้วยซ้ำ ถ้าหากว่าคุณพ่อยังคิดว่ามันไม่ควรค่า อย่างนั้นก็แสดงว่าในใจของพ่อ หนูก็เป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งเท่านั้นเอง......”
เนื้อเรื่องทั้งหมดจบลงตรงนี้ เจียงเซ่อลองเปิดไปดูด้านหลังอีก เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เหลือเนื้อเรื่องแล้ว
หลังจากอ่านเรื่องทั้งหมดจบ เธอก็ยังสงบอารมณ์ของตัวเองไม่ได้เสียที
ถ้าพูดตามความรู้สึกแล้ว ความโดดเด่นของเนื้อเรื่องนั้นมันสามารถฉุดดึงอารมณ์ของเธอได้ไม่น้อย ความรู้สึกมันปรับเปลี่ยนไปตามแต่ละฉากแต่ละตอน ทั้งยังมีตัวละครที่มีนิสัยแตกต่างกันมากมายให้ได้เอามาเปรียบเทียบกัน บวกกับตัวเจียงเซ่อเองที่เคยมีประสบการณ์ถูกลักพาตัวทำให้เธอยิ่งรู้สึกเห็นใจและเข้าใจเมื่อได้เห็นตัวละครถังจิ้ง
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอเคยโดนลักพาตัวมาก่อน ตอนที่เธอได้อ่านบทหนังเรื่องนี้ จิตใจของเธอก็คงจะสงบนิ่ง
แต่ก็เพราะว่าเคยได้ผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาก่อน ดังนั้นจึงทำให้เธอสามารถรู้สึกถึงมันได้อย่างลึกซึ้ง
เจียงเซ่อรู้สึกว่า ถ้าตัดเรื่องความรู้สึกที่ยังเป็นเงามืดในใจของเธอออก หนังเรื่องนี้ก็เหมือนมีมาเพื่อพิสูจน์ตัวเอง เธอสามารถเป็นถังจิ้งได้อย่างง่ายดาย หรือแม้แต่ในหลายๆ ครั้ง เธอแทบที่จะไม่ต้องดูเลยว่าผู้กำกับต้องการให้ภาพออกมาเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้ในหัวของเธอมีภาพที่ถังจิ้งถูกลักพาตัวอยู่เต็มไปหมดแล้ว
สิบกว่านาทีผ่านไป เจียงเซ่อก็ยังคงไม่สามารถสงบจิตใจของตัวเองลงได้ ตอนนี้ใกล้จะตีสองแล้ว ปรกติเธอจะนอนเร็วเสมอ เวลาแบบนี้ถือว่าดึกมากแล้วสำหรับเธอ แต่เธอกลับยังไม่อยากนอนเลยแม้แต่น้อย
เธอนอนเล่นอยู่พักใหญ่ ก็ยังไม่หลับเสียที สุดท้ายก็พลิกตัวขึ้นแล้วไปรื้อดูของอย่างอื่นที่จางจิ้งอานส่งมาให้ดู
นอกจากบทหนังที่ทางสำนักงานจางจิ้งอานส่งมาให้แล้ว ก็น่าจะยังมีข้อมูลตัวละครของแต่ละตัวอีกด้วย
เธออดไม่ได้ที่จะลองเปิดข้อมูลตัวละครดู และลองพิจารณานิสัยและต้นกำเนิดของเธอ
แต่เจียงเซ่อก็ดูทั้งบทหนังเนื้อเรื่องและข้อมูลตัวละครไปหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่เจอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับถังจิ้งเลยสักจุด
ด้านในนั้นมีข้อมูลอธิบายคาแรคเตอร์ของถึงเหว่ยหัวไว้อย่างละเอียด ทั้งชาติตระกูลฐานะ และทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ในครอบครอง ถึงแม้ว่าถังเหว่ยหัวจะเป็นแค่ตัวละครที่ถูกสมมุติขึ้นมา แลถึงแม้ว่าในหนังเขาอาจจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแค่ ‘ผู้ที่มีชื่อเสียง ร่ำรวยทรัพย์สินเงินทอง’ ก็ตามที แต่เพราะว่าได้สมญานามแบบนั้น แถมทีมงานของจางจิ้งอานก็ยังทำข้อมูลที่เกี่ยวกับถังเหว่ยหัวมาอย่างละเอียด อัดเต็มมากว่ายี่สิบหน้าได้ พอได้ดูข้อมูลเหล่านี้แล้ว ก็ยิ่งได้เข้าใจความเป็นไปของตระกูลถังในเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ได้มากขึ้น
นอกจากนั้นก็ยังมีข้อมูลของโทมัสและเฉิงเจี้ยนกั๋วด้วย หรือแม้แต่ข้อมูลของตัวลูกสาวของเฉิงเจี้ยนกั๋วที่ได้รู้ความเป็นไปแค่จากปากของตัวเฉิงเจี้ยนกั๋ว ข้อมูลภรรยา หน้าที่การงาน และการศึกษาของเขา
นอกจากนั้น ก็เป็นข้อมูลของกลุ่มคนร้ายในแต่ละคน แต่ละคนนั้นมีนิสัยที่แตกต่างกันไป หรือแม้แต่รายละเอียดปลีกย่อยที่ดูแทบจะไม่จำเป็นก็ยังเขียนมาให้ แต่สุดท้ายแล้วกลับไม่มีข้อมูลของถังจิ้ง
เจียงเซ่อเริ่มที่จะกังวล เธอดูเวลาในตอนนี้ นี่มันก็ตีสองกว่าแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามันดึกมากเกินไป เธอก็อยากจะโทรไปถามเซี่ยเชาฉวินให้รู้เรื่องเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ ว่าพนักงานที่สำนักงานของจางจิ้งอานทำข้อมูลตกหล่นหรือเปล่า
เธอจัดการเก็บของอะไรให้เรียบร้อยปิดไฟและเข้านอน แต่เพราะบทหนังเรื่องนี้ที่ทำให้เธอต้องพลิกตัวไปมานอนไม่หลับเสียที จนกระทั่งฟ้ากลับมาสว่างอีกครั้ง หนังตาถึงได้ค่อยๆ ปิดลง แต่ก็ไม่ได้หลับจริงจังอะไรมากมาย ประมาณเจ็ดโมงเธอก็ตื่นขึ้นมาแล้ว
ยังไงก็นอนไม่หลับอยู่ดี เธอลุกออกจากเตียงเตรียมของแล้วออกไปวิ่งรอบหนึ่ง จากนั้นก็ติดต่อหาเซี่ยเชาฉวินทันที
“พี่เชาฉวินคะ เมื่อวานที่ผู้กำกับจางส่งข้อมูลเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ มาให้ ฉันได้มันแล้วนะคะ ตัวบทหนังก็อ่านจบแล้ว แต่ว่าตอนที่ดูข้อมูลของตัวละคร กลับไม่มีข้อมูลของนางเอกที่ชื่อถังจิ้งอยู่เลย”
เซี่ยเชาฉวินเองก็ได้เตรียมคำตอบสำหรับคำถามนี้เอาไว้แล้ว น่าจะเป็นตอนที่บทหนังส่งถึงบริษัทเมื่อวานนี้ หล่อนเองก็ได้ลองตรวจดูแล้ว และได้ติดต่อกับทางจางจิ้งอานแล้วด้วย พอเจียงเซ่อถามจบ เธอก็เงียบไปครู่หนึ่ง เสียงเหมือนกำลังหอบ ดูเหมือนว่าเพิ่งจะไปวิ่งรอบเช้ามา
“อ่านบทหนังจบแล้วหรือ?”
“ค่ะ”
เจียงเซ่อยกผ้าขนหนูขึ้นซับๆเหงื่อบนหน้าผากตัวเอง พลางเทน้ำอุ่นลงแก้วเพื่อดื่ม
“เมื่อคืนก่อนนอนได้อ่านมันจนจบ แต่พอจะลองดูข้อมูลของตัวละคร กลับไม่เจอของถังจิ้งเลย”
“ไม่ใช่เพราะว่าตกหล่นหรอกนะ”
เซี่ยเชาฉวินตอบ “ที่จางจิ้งอานส่งข้อมูลตัวละครตัวอื่นให้เธออ่าน แต่กลับไม่ได้ให้ข้อมูลของถังจิ้งนั้น ก็เพราะว่าเขาไม่อยากจะทำให้เธอติดจำคาแรคเตอร์ไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มถ่ายทำไงล่ะ”