webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

381

บทที่ 381 บทหนัง

“ฉันคิดว่า ในหนังของจางจิ้งอาน คนที่ฉันจะต้องแสดง คงจะเป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่ต้องถูกลักพาตัวไป” เจียงเซ่อเงยหน้ามองเพดานห้องด้วยท่าทางเหม่อลอย

“แต่เนื้อเรื่องหลังจากนั้นยังไม่ได้ลองอ่านเลย”

“พี่อยากจะรับเล่นหนังเรื่องนี้หรือเปล่าล่ะ? ตอนที่ยังไม่ได้เห็นบทหนัง” คำพูดของเผยอี้ทำให้เจียงเซ่อตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ”

เธอให้ความสำคัญกับโอกาสแบบนี้อยู่แล้ว ก็อย่างที่เซี่ยเชาฉวินพูดเอาไว้ การที่ได้ร่วมงานกับจางจิ้งอานและหลิวเย่ สำหรับเจียงเซ่อ ถือว่าจะได้รับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่เลยทีเดียว และเธอเองก็ยังไม่อยากจะยอมแพ้

แต่ถ้าเจียงเซ่อไม่สามารถคุมการแสดงของตัวละครนี้ได้ล่ะ ถึงแม้ว่าจะมีสติ ถึงแม้ว่าเธอจะบังคับจิตใจตัวเอง สามารถเกลี้ยกล่อมให้ตัวเองแค่แสดงหนังไป แต่ยังไงในจิตใจของเธอ แน่นอนว่ามันจะต้องออกอาการปฏิเสธ ก็เหมือนอย่างที่เธอเคยพูดกับจางจิ้งอานเอาไว้ มีบางทีที่เธอสามารถหลอกคนอื่นได้ แต่ยังไงก็ไม่สามารถหลอกตัวเองได้

“แต่ว่านะเซ่อเซ่อ ทำไมพี่ถึงจะต้องฝืนใจตัวเองด้วยล่ะ?” น้ำเสียงของเผยอี้อ่อนโยนขึ้น “ผมเคยได้เข้าฟังการกล่าวบรรยายของเฉินหยวน นักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียงของประเทศ เขาพูดถึงเรื่อง ‘สภาวะแทรกแซงทางจิตใจ’ เขาเองก็เคยพูดถึงกรณีการรักษาของอาการนี้ด้วย”

เจียงเซ่อตอบรับไป และปล่อยให้เผยอี้พูดต่อ

“ตัวอย่างของเขาก็คือ ทหารคนหนึ่งที่อยู่ในกองกำลังพิเศษ ในขณะที่เขากำลังปฏิบัติหน้าที่ ก็เกิดได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง หลังจากนั้นก็ได้รับการรักษาและฟื้นฟู แต่มันก็ได้สร้างบาดแผลทางจิตใจให้กับเขาเอาไว้ และเขาเองก็ได้เข้ารับการบำบัด โดยการสร้างสถานการณ์จำลองเหมือนอย่างในวันนั้นขึ้นมาอีกครั้ง และให้เขาแสดงแบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งทหารคนนั้นก็สามารถก้าวเดินออกมาจากเงามืดในจิตใจตัวเองได้สำเร็จ”

พอเผยอี้พูดถึงตรงนี้ เจียงเซ่อก็พอจะเข้าใจความหมายที่เขาอยากจะสื่อแล้ว เธอไม่พูดอะไร และเผยอี้ก็ได้พูดต่อ

“ที่จริงเองก็คิดว่าเรื่องแบบนี้ก็ดูน่าสนใจไม่น้อย เซ่อเซ่อ ผมว่าสำหรับพี่แล้ว ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีเหมือนกันนะครับ”

โอกาสดีๆ ในครั้งนี้มันไม่ได้แค่จะส่งผลดีให้กับเธอในอนาคตเท่านั้น แต่ยังสามารถถือโอกาสนี้ ในการจำลองเหตุการณ์ที่เคยพอเจอในอดีต ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่สามารถดึงเธอออกมาจากเงามืดในจิตใจได้สำเร็จ แต่มันก็สามารถทำให้เธอได้รู้จักที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา ไม่ทำให้เธอต้องคิดที่จะหลบหนีทุกครั้ง เมื่อต้องคิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นอีก

คำพูดของเขามันช่วยเจียงเซ่อได้มากเลยทีเดียว แม้กระทั่งตัวเจียงเซ่อเองที่กะว่าจะโทรมาคุยกับเขาเรื่องนี้ ก็ไม่คิดว่าเผยอี้จะสามารถให้คำปรึกษาหรือแนะนำอะไรแบบนี้ได้ด้วยซ้ำ

เมื่อเธอลองคิดพิจารณาดูดีๆ แล้ว ก็คิดว่าสิ่งที่เผยอี้พูดมันถูกต้องที่สุด

เรื่องราวเก่าๆ ที่มันผ่านพ้นไปแล้ว เธอก็ไม่ควรที่จะให้ปัญหาเหล่านั้นมารบกวนจิตใจของตัวเองได้อีก

“ฉันจะลองคิดดูดีๆ ก็แล้วกันนะ”

เธอตอบกลับไปเบาๆ เผยอี้จึงพูดต่อ “ตอนที่พี่ถ่ายหนัง ผมจะลาหยุดไปอยู่กับพี่ด้วย”

ตอนที่เขาพูดแบบนั้นออกมา ที่จริงในใจเขาก็มีเจตนาที่จะทำแบบนั้นอยู่แล้ว

ครั้งก่อนที่เคยพูดคุยเรื่องนี้กับเจียงเซ่อไป หลังจากนั้นเขาเองก็ได้โทรไม่ถามคุณปู่เผยมาแล้ว แต่คุณปู่เผยเองจับต้นชนปลายกับเรื่องนี้ไม่ถูกเหมือนกัน เฝิงจงเหลียงเองก็ไม่ใช่คนที่จะชอบป่าวประกาศให้ใครต่อใครรู้ เขาเองก็รู้มาแค่ผิวเผินเท่านั้น

รู้แค่ว่าเฝิงหนานที่ถูกลักพาตัวไปในตอนนั้นต้องพบเจอกับเรื่องที่เลวร้ายมาก และเกือบจะต้องกลายเป็นตัวประกันที่ถูกฆ่าไปแล้ว แต่เพราะสุดท้ายคุณปู่เฝิงเป็นคนออกโรงไปพร้อมกับตำรวจเอง และสามารถช่วยเธอมาจากพวกคนร้ายลักพาตัวได้สำเร็จ

ตอนที่คุณปู่เผยได้ยินเขาถามถึงเรื่องราวเก่าๆ ของเฝิงหนานแล้ว ก็คิดว่าเขาคงยังมีใจให้กับเฝิงหนานแน่ๆ แต่ตอนนี้เฝิงหนานเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน กับเผยอี้เองก็คงไม่มีทางเป็นเหมือนกับตอนเด็กๆ อีกแล้ว พอคุณปู่เผยพูดเรื่องนี้จบ ก็ยังมีเตือนให้เขาอย่าไปยุ่งวุ่นวานกับเฝิงหนานอีก

จนสุดท้ายเผยอี้เองก็ต้องยืนยันอยู่หลายรอบ แล้วพูดคุยกันอีกนิดหน่อย

เขารู้สึกเสียใจที่ตอนนั้นตัวเองยังเด็กเกินไป ตอนที่เกิดเรื่องกับเธอขึ้น เขาก็ทำอะไรไม่ได้เลย และคนที่ช่วยเธอออกมาจากสถานการณ์นั้นก็เป็นพวกผู้ใหญ่ ไม่ใช่เขา

หลายปีผ่านมา เธอก็มีโอกาสที่จะได้เดินออกมาจากความเจ็บปวดเหล่านั้นแล้ว และเผยอี้ก็หวังว่าคนที่จะเดินไปพร้อมกับเธอในครั้งนี้ จะเป็นตัวเอง

พอเขาพูดแบบนั้นออกมา มันทำให้เจียงเซ่อใจเต้นไม่น้อย ถ้าหากว่าเขามาอยู่ข้างๆ เธอจริงๆ เวลาที่ถ่ายทำ ถึงแม้ว่าจะต้องนึกถึงเรื่องราวในอดีต แต่มันก็คงสามารถทำให้เธอผ่านพ้นมันไปได้ง่ายขึ้น แต่เจียงเซ่อเองก็ยังกังวล

“ได้หรือ?”

“แน่นอนสิครับ” เขาพยักหน้า และเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง “เดี๋ยวหลังจากนี้ผมจะไปทำเรื่องลาเอาไว้เลย”

ตอนนี้เขาเป็นนักศึกษาปริญญาโท ที่จริงแล้วสิ่งที่เขาต้องเรียนก็เหลืออีกไม่มากแล้ว และที่จริงในปีนี้เวลาส่วนใหญ่เขาก็ใช้มันไปกับการฝึกในโรงเรียนทหาร แต่แค่เรื่องพวกนี้เขาไม่เคยบอกกับเจียงเซ่อเท่านั้น

ทั้งสองคนพูดคุยกันอีกนิดหน่อย หลังจากวางสายไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเพราะในใจของเจียงเซ่อมันจำคำแนะนำของเผยอี้ได้ขึ้นใจแล้วหรือเปล่า ที่ทำให้เธอไม่รู้สึกต่อต้าน กับหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ นั่นอีก ก่อนจะนอนก็ยังเกิดความลังเลอยู่พักใหญ่ แต่สุดท้ายก็หยิบบทหนังเรื่องนั้นมาไว้บนเตียง และลองเปิดอ่านมันอีกครั้ง

ในเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ มีผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งที่ชื่อถังเหว่ยหัว เป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคมมากๆ ภรรยาของเขาให้กำเนิดลูกชายหนึ่งคนและลูกสาวสองคน แต่นอกบ้านก็ยังมีผู้หญิงมาพัวพันมากมาย ใช้ชีวิตหรูหราฟุ้งเฟื้อ จนทำให้คนอื่นพากันจ้องตาเป็นมัน

และโจรที่มีจิตใจชั่วช้าสามานย์คนหนึ่งก็มีความคิดที่จะลักพาตัวลูกสาวคนเล็กของเขา และคิดที่จะเรียกเงินค่าไถ่จากเขา

หลิวเย่แสดงเป็นเฉิงเจี้ยนกั๋ว ซึ่งก็เป็นหนึ่งในกลุ่มโจรนั่นเอง หลังจากที่วางแผนอย่างละเอียดรอบคอบและสำรวจเส้นทางเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เอาเงินหว่านซื้อคนขับรถและคนรับใช้ที่คอยดูแลถังจิ้งไว้ หลังจากสำเร็จพวกเขาก็สามารถลักพาตัวถังจิ้งมาได้สำเร็จ

หลังจากที่ลักพาตัวถังจิ้งมาแล้ว พวกคนร้ายก็ได้ติดต่อถังเหว่ยหัวและเรียกค่าตัวประกันเป็นจำนวนหนึ่งพันล้านหัวเซี่ยปี้ จำนวนตัวเลขนั่นไม่ใช่จำนวนที่น้อยสำหรับตระกูลถังเลย และมันทำให้พวกเขาแตกแยกเพราะมีความคิกเห็นที่ต่างกัน

มีคนเห็นด้วยว่าให้แจ้งตำรวจ และปล่อยให้ตำรวจเป็นการจัดการเรื่องนี้ไป มีบางคนคิดว่าถ้าเรื่องที่คนในตระกูลถูกลักพาตัวถูกกระจายออกไป มันก็จะต้องส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของตระกูลถังแน่ๆ จึงคิดว่าควรจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

แต่คนในบ้านตระกูลถังต่างก็ลงความเห็นกันว่าเงินจำนวนหนึ่งพันล้านนี่มันมากเกินไปจริงๆ ดังนั้นพวกเขาจึงเจรจากับพวกคนร้าย เพื่อหวังจะขอลดจำนวนเงินลงหน่อย จากนั้นก็ค่อยๆ แจ้งตำรวจ และกดดันทางเจ้าหน้าที่ เพื่อที่จะยื้อเวลาการส่งมอบเงิน แม้ทางถังจิ้งจะเกิดเรื่องขึ้น แต่อย่างน้อยตำรวจก็จะสามารถลดอัตราการสูญเสียไปได้

คนในตระกูลถังทะเลาะกันใหญ่โต และอารมณ์ของพวกคนร้ายก็เริ่มไม่สงบแล้ว

ตามระยะเวลาที่ถูกยืดออกไป พวกอาชญากรชั่วช้าเริ่มที่จะรำคาญคนของตระกูลถังที่มัวแต่ยื้อเวลาเอาไว้

จากนั้นตระกูลถังก็ได้รับ DVD ที่บันทึกภาพการข่มขู่เอาไว้ ภาพที่อยู่ข้างในนั้นคือถังจิ้งที่กำลังโดนพวกคนร้ายเฆี่ยนตีอย่างโหดเหี้ยม ในตอนสุดท้ายของคลิป ยังมีตัวหนังสือสีแดงที่เขียนให้เห็นเอาไว้อย่างชัดเจนว่า หากยังเอาแต่ยื้อเวลา สิ่งต่อไปที่พวกเขาจะได้รับ จะไม่ใช่แค่คลิปวีดิโอแน่ แต่เป็นลูกตาของถังจิ้งแทน

หลังจากที่วีดิโอนั้นถูกส่งมาแล้ว คนในตระกูลถังก็พากันตื่นกลัวไปหมด

ถ้าหากว่าถังจิ้งถูกควักลูกตาออกมาจริง ๆ ล่ะก็ เรื่องที่คุณหนูของตระกูลถังถูกลักพาตัวไป จะต้องกลายเป็นข่าวตระกูลถังไม่ยินยอมที่จะจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อไถ่ตัวลูกสาวคืน จนทำให้ลูกสาวถูกทำร้ายแน่ๆ และพวกนักข่าวก็คงจะทำตัวเป็นแมลงวันที่เจอกับก้อนเนื้อเน่า

และนี่จะต้องส่งผลกับชื่อเสียงของตระกูลถังแน่ๆ

ในสถานการณ์แบบนี้ ตระกูลถังก็พากันเผยสันดานของมนุษย์ออกมากอย่างถึงอกถึงใจ

เนื้อเรื่องได้เริ่มเข้าสู่เนื้อหาในสามย่อหน้าหลักๆ ตระกูลถังเริ่มมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน สิ่งที่พวกเขาเลือกระหว่างเงินทองและชีวิตคนกับครอบครัวนั้นก็ช่างน่าดูถูกและไร้ความเมตตา

ทางตำรวจเองก็กำลังวางแผนเข้าช่วยเหลือคดีลักพาตัวอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และการทำงานก็เป็นไปอย่างล่าช้า