webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

376

บทที่ 376 เป็นพิเศษ

ภาพลักษณ์แบบนี้แหละที่ตรงใจจางจิ้งอานไม่น้อย เขาหันไปพยักหน้าให้กับหลินซืออี๋ เจียงเซ่อเองก็พอเดาได้ว่าผ้าพันคอที่หลินซืออี๋นำออกมาจากห้องแต่งหน้าจะต้องเอามาทำอะไรสักอย่างแน่ๆ

หล่อนนำผ้าพันคอนั่นมาปิดปากและจมูกของเจียงเซ่อเอาไว้ เผยให้เห็นแค่ดวงตาคู่หนึ่งเท่านั้น

พอครึ่งค่อนหน้าถูกปกปิดเอาไว้แล้ว ดวงตาของเธอคู่นั้นก็ดูโดดเด่นขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว และมันก็ดูเปล่งประกายมากด้วย

จางจิ้งอานมองอย่างพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก็ดูเหมือนว่าจะพอใจอยู่ไม่น้อย เขายกขาขึ้นไขว้ แล้วเอนหลังไปพิงกับเก้าอี้ พอเปลี่ยนท่านั่งให้สบายตัวขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้คิดที่จะหยิบบทหนังขึ้นมา แต่พูดคุยกับเจียงเซ่อแทน

“ฉันได้ดูตอนที่เธอเล่นหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอแล้ว’ จ้าวร่างดึงจุดเด่นของเธอมาใช้ได้อย่างดีเลยล่ะ”

ถ้ามองจากสายตาคนนอก เจียงเซ่อที่แสดงในเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ นั้น ก็เหมือนว่าจะไม่ได้แสดงความสามารถทางด้านการแสดงอะไรมากมาย อย่างน้อยเมื่อเทียบกับเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ที่เธอแสดงเป็น ‘โต้วโค่ว’ แล้ว บท ‘โจวเหวย’ ก็เปรียบเสมือนน้ำที่ใสบริสุทธิ์

และก็คงมีคนดูไม่น้อยที่คิดว่าการแสดงของเธอในเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ นั้น ขอแค่มีหน้าตาที่สวยก็คงพอแล้ว

แต่ทว่าตอนที่หนังเพิ่งเริ่มเข้าฉายใหม่ๆ นั้น จางจิ้งอานเองก็ได้ไปดูเหมือนกัน และตอนที่ได้เห็นเจียงเซ่อในหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ เมื่อเทียบกับตอนที่เธอแสดงเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ดูแล้ว ฝีมือการแสดงของเธอก็ดูจะมีการพัฒนาไปมากทีเดียว

ตอนที่แสดงเป็น ‘โต้วโค่ว’ เหมือนว่าเธอจะพยายามปล่อยพลังอารมณ์ออกมามากไปหน่อย โดยเฉพาะตอนที่ ‘โต้วโค่ว’ ต้องตกระกำลำบากในตอนแรก ถึงแม้ว่าการแสดงของเธอจะดูทำให้ต้องรู้สึกตามได้มาก บวกกับตัวเนื้อเรื่องมันก็น่าประทับใจอยู่แล้ว แต่ก็ใช่ว่าจางจิ้งอานจะไม่ชอบการแสดงของเธอในตอนนั้นนะ แต่แค่มันดูเป็นหนังที่เหมาะกับคุณสมบัติของดาราหน้าใหม่ก็เท่านั้นเอง

แต่ว่าในเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ นั้น จางจิ้งอานสามารถมองเห็นการพัฒนาของเธอได้อย่างชัดเจน

เธอเก็บพลังอารมณ์ที่เคยแสดงออกมาตอนเป็น ‘โต้วโค่ว’เอาไว้ ทำให้มันดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นนางเอกโจวเหวยที่เศร้าเสียใจหลังจากที่ได้ยินข่าวว่าแฟนหนุ่มของตัวเองเสียชีวิตไปแล้ว และปะปนไปด้วยความรู้สึกปลง แต่เธอก็สามารถเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ในดวงตาที่เหมือนพูดได้แทน และนั่นก็ทำให้จางจิ้งอานรู้สึกประทับใจไม่น้อยเลย

จุดสำคัญก็คือในหนังเธอสามารถแสดงออกมาได้อย่างมีจิตวิญญาณมากๆ การที่จ้าวร่างตัดสินใจเปลี่ยนตัวนางเอก จากที่ตอนแรกเป็นจ้าวรั่วจวินก็เปลี่ยนมาเป็นเจียงเซ่อแทน ในมุมมองของจางจิ้งอาน ก็ถือว่าเขาเลือกถูกแล้ว

หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ นอกจากตัวเนื้อเรื่องหนังที่มีความแตกต่าง และจ้าวร่างที่เลือกจะใช้เทคนิคการถ่ายที่แปลกออกไปแล้ว ก็ดูเหมือนว่าเจียงเซ่อเองก็มีส่วนที่ทำให้หนังประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน

เธอแสดงเป็นโจวเหวยที่รู้สึกว่าความรักมันเริ่มเฉื่อยชา และคิดว่าชีวิตมันเริ่มที่จะจืดชืดและน่าเบื่อ แต่ในใจลึกๆ ก็ยังมีความหวังกับความรักที่ยังเหลืออยู่ออกมาได้อย่างสมจริง

คนดูต่างก็พากันเก็บความรู้สึกเหมือนกับเธอในตอนแรก ถึงได้มองในมุมมองของเธอมาโดยตลอด คิดว่าความรักครั้งนี้มันได้มาถึงทางตันแล้ว และไม่คิดที่จะเสียดายมันอีก

ดังนั้นในช่วงหลังที่ได้ย้อนกลับไปในตอนแรก และพบว่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิด ได้พลาดช่วงเวลาหนึ่งไปจนต้องเสียความรักไปจริงๆ ความเจ็บปวดเหล่านั้นก็ย้อนกลับมาเล่นงานจนเสียใจอย่างที่สุด

ตอนที่จางจิ้งอานได้เห็นเจียงเซ่อแสดงแล้ว เขาก็เริ่มเก็บความประทับใจเอาไว้ตั้งแต่ตอนนั้น

นางเอกในหนังเรื่องต่อไปของตัวเอง ถ้าพูดถึงรูปร่างหน้าตาบุคลิกจากภายนอกแล้ว เจียงเซ่อก็ถือว่าเหมาะสมมาก

แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นเขาได้กำหนดให้เถาเฉินเป็นนางเอกไปแล้ว ถ้ามองจากภายนอก ที่จริงเถาเฉินเองก็ไม่มีอะไรเหมาะหรือตรงกับหนังของตัวเองมากมาย และสิ่งที่เขาต้องการ เถาเฉินก็ไม่สามารถมีให้เขาได้ด้วย

นอกจากจะมีเรื่องอายุที่เหมือนจะเกินเกณฑ์แล้ว ก็ยังมีเรื่องสายตาคู่นั้นของเถาเฉินอีกด้วย เพราะว่ามีอายุที่โตแล้ว ทำให้จิตใต้สำนึกแห่งความทะเยอทะยานสูง ไม่เหมือนกับสายตาที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ ที่สดใสบริสุทธิ์ราวกับแสงแดดแรกที่สาดส่องเข้าไปในป่าใหญ่ ช่างมีชีวิตชีวา

“คราวนี้ ฉันจะลองให้เธอแสดงดูสักฉากแล้วกัน”

ตอนที่จางจิ้งอานพูดออกมาแบบนั้นก็ยกสัญญาณมือขึ้นด้วย เขาไม่ได้มีวิธีทดสอบเหมือนกับผู้กำกับคนอื่น ที่มีบทหนังหรือบทพูดมาให้ ไม่มีเวลาให้เจียงเซ่อได้เตรียมตัว หรือแม้แต่ก่อนหน้านี้ เจียงเซ่อจะต้องการแสดงเป็นอะไรก็ยังไม่รู้

แต่พอเขาพูดจบ เจียงเซ่อก็สูดหายใจเข้าลึก แล้วพยักหน้า

ผ้าพันคอที่ปิดหน้าเธออยู่ก็สามารถช่วยปิดความตื่นเต้นของเธอได้ด้วย ทำให้เมื่อมองดูเธอแล้วก็เหมือนว่าเธอยังคงนิ่งอยู่ การที่กระจกไม่สามารถเห็นว่าเธอกำลังกดมุมปากอยู่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยก็จะไม่ได้ไม่ต้องรู้สึกกดดันตัวเองมากขึ้นอีก

แต่ในขณะเดียวกันถ้ามีผ้าปิดเอาไว้แบบนี้ มันก็ทำให้ปกปิดสีหน้าและอารมณ์ที่จะแสดงออกมาไปด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะแสดงฝีมือออกมาสักหกส่วน แต่ถ้ามีผ้าปิดเอาไว้แบบนี้ มันก็เหลือแค่สองเท่านั้นแหละ

เอาจริงๆ ตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจางจิ้งอานจะให้เธอแสดงอะไร แต่ตอนนี้ท่าทางของจางจิ้งอานค่อยๆ ดูจริงจังขึ้นแล้ว

“ฉันหวังว่าเธอจะสามารถแสดงออกมาได้ดี นี่มันก็เกี่ยวเนื่องไปถึงว่าพวกเราจะได้ร่วมงานกันหรือไม่ด้วยนะ”

พอเขาพูดแบบนั้น ในใจของเจียงเซ่อก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีก จางจิ้งอานหลุบตาพึมพำอะไรบางอย่าง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ตอนนี้ ฉันจะให้แสดงเป็น คนที่กำลังถูกมัดเอาไว้ และเพิ่งจะตื่นขึ้นมา”

ไม่ว่าจะอย่างไร เจียงเซ่อก็คิดไม่ถึงว่าจางจิ้งอานจะขอให้แสดงอะไรแบบนั้น

ตอนนี้แม้แต่จะตอบรับออกไปยังไงก็ยังลืม และร่างกายของเธอก็ค่อยๆ เริ่มสั่นเสียแล้ว

“ถูก ถูกมัดเอาไว้งั้นหรือคะ?”

ภายใต้ผ้าพันคอบางๆ ปากของเธอเริ่มที่จะสั่นไปหมดแล้ว แรงสั่นของมันนั้น เรียกได้ว่าสั่นออกมานอกผ้าเลยก็ว่าได้

เธอแทบจะลืมไปเลยว่าควรจะแสดงยังไง ตอนนี้ในหัวเธอมันโล่งไปหมด จู่ๆ ความทรงจำในอดีตมันก็ตีกลับเข้ามาในหัวอย่างกะทันหัน

สิ่งเหล่านั้นเป็นความทรงจำที่ไม่อยากจะคิดถึงมาที่สุด มันเหมือนค่อยๆ ถูกยัดเข้าไปในสมองของเธอ บ้านเล็กๆ หลังหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางป่าที่มืดทึบ คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นสาบของเชื้อรา ผสมกับกลิ่นดินและกลิ่นหญ้า น้ำเสียงของคนร้ายที่มีสำเนียงชาวหัวเซี่ย และเสียงฝีเท้าที่เดินกลับไปกลับมาอย่างร้อนรน

หูของเธอเหมือนกับได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ เหล่านั้นอยู่ใกล้ๆ ‘แกร๊ก’ เสียงเปิดประตูดังขึ้น และมีใครบางคนฉุดดึงร่างของเธอขึ้นมา

“ลูกพี่ จะเอาเท่าไหร่ดี?”

น้ำเสียงที่ดูเหมือนกำลังตื่นเต้นดังขึ้นมา เหมือนว่าเธอจะได้ยินความแหบแห้งของเสียงที่กำลังตื่นเต้นนั้นได้ด้วย

“สักสามสิบล้านเป็นไง! ถ้าแบ่งกับพี่น้องของเราแล้ว......”

เธอนึกว่าเธอลืมมันไปนายแล้วเสียอีก แต่ตอนนี้แค่จางจิ้งอานพูดขึ้นมา สิ่งเหล่านั้นที่คิดว่าตัวเองลืมมันไปตั้งนานแล้ว กลับค่อยๆ ย้อนกลับมาเสียอย่างนั้น

เสียงของผู้ชายที่อยู่ท่ามกลางความมืดทึบมันช่างน่ากลัวดุร้ายและทำให้กดดัน ตอนนั้นมันทำให้รู้สึกเหมือนกับห้องเล็กๆ ที่แสนมืดทึบและไม่มีวันที่แสงจะสาดส่องมาถึง หลายปีหลังจากนั้น ไม่ว่าจะครั้งไหนที่นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะเติบโตแล้ว ถึงแม้ว่าพวกคนร้ายเหล่านั้นจะโดนจับไปเรียบร้อย แต่ความรู้สึกเหล่านั้นมันยังฝังลึกเอาไว้ในจิตใต้สำนึก เหมือนกับเงาที่ตามติดตัวไปทุกที่ ยากที่จะสลัดมันทิ้ง

“สามสิบล้านงั้นหรือ? กับมหาเศรษฐีอย่างวิสาหกิจจงหนานน่ะนะ”

ชายคนหนึ่งถีบเข้าที่ตัวเธอจนต้องงอตัว พยายามที่จะห่อตัวเองเอาไว้ อยากจะหดตัวเองให้เล็กจนเหมือนฝุ่น ให้เล็กพอจนคนพวกนั้นจะมองไม่เห็นเธอ ถ้าทำแบบนั้นแล้ว จะทำให้ความเจ็บปวดเหล่านี้หายไปเร็วๆ หรือเปล่านะ?

“พี่ใหญ่......”

“ทั้งๆ ที่เป็นเด็กผู้หญิงเหมือนกันแท้ๆ แล้วทำไมเด็กนี่ถึงได้ใช้ของหรูหราสิ้นเปลืองมากมายนัก ไม่ว่าจะเสื้อผ้าหรืออาหารก็มีไม่ขาด แต่ลูกสาวฉันกลับต้องยากแค้นจนแม้แต่ข้าวก็ยังไม่มีให้กิน?”

“ถ้าได้เงินก้อนนี้มา......ต่อไปลูกสาวของฉันก็จะเหมือนกับเด็กนี่ ได้เรียนเปียโน ได้เรียนวาดรูป ได้พูดภาษาอังกฤษอะไรนั่น......”

“ลูกสาวของฉันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่น เธอโตมาเหมือนฉัน......ถ้าเรียกมาสักหนึ่งร้อยล้าน......แบ่งกันกับพี่น้อง จากนั้นก็กลับไปซื้อบ้านที่ตี้ตู......”

“......”

ในห้องประชุม เจียงเซ่อเหงื่อออกเต็มหน้าผากไปหมด เธอแทบจะไม่มีสติมากพอที่จะไปสนใจพนักงานของจางจิ้งอานที่อยู่นอกกำแพงกระจกนั่นเลยด้วยซ้ำ หรือแม้แต่กระจกที่ทำให้เธอรู้สึกกังวลใจในก่อนหน้านี้ เธอกอดขาเอาไว้ แล้วค่อยๆ ฝังใบหน้าลงบนหัวเข่า หดตัวนั่งงอขาอยู่มุมๆ หนึ่งของห้อง เนื้อตัวสั่นไม่หยุด