บทที่ 374 ทดสอบ
ใครจะรู้ว่าเจียงเซ่อที่แต่เดิมไม่ได้สนใจจะเข้าวงการบันเทิงนั้นจะได้เข้าสู่วงการเพราะความกดดันในด้านการเงิน กลับกันตอนนั้นคนที่ลากเธอมาอย่างหู้เป๋าเป่าเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว
พอคิดถึงตรงนั้นขึ้นมา ก็เหมือนจะเผลอเหม่อไปแวบหนึ่ง แต่ก็กลับมามีสติฟังสิ่งที่จางจิ้งอานพูดได้อย่างรวดเร็ว
“ฉันได้ดูหนังแต่ละเรื่องที่เธอแสดงแล้วล่ะ” จางจิ้งอานยิ้มๆ ท่าทางของเขาดูอบอุ่น เหมือนกับว่าแค่กำลังพูดคุยเรื่องทั่วๆ ไปกับเจียงเซ่อ
“หนังแต่ละเรื่องที่มีเธอร่วมแสดงอยู่ด้วยนั้น ฉันรู้สึกว่าคาแรคเตอร์ตัวละครทุกตัวแตกต่างกันมากเลย”
ในเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ เธอก็แสดงเป็นคนที่ยอมตายดีกว่าที่จะยอมสยบให้กับศัตรู ต้องประจันหน้ากับพวกทหารญี่ปุ่นที่เข้ามารุกราน ไม่ยอมที่จะบอกว่าเจ้านายเก่าของตัวเองนั้นอยู่ที่ไหน และแสดงอารมณ์ของเด็กสาวที่ยังต้องการมีชีวิตอยู่ได้เป็นอย่างดี
จางจิ้งอานหลับตาลง แล้วนึกถึงภาพของเธอในตอนนั้น แล้วยิ้มอ่อนๆ ขึ้น
“ในเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ เธอก็แสดงเป็นดอกไม้งามที่ผ่านอะไรมามากมาย”
แต่ในเรื่อง ‘99 Love Letter’ และเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ นั้น เธอก็ได้แสดงแค่บทตัวประกอบเพื่อเรียกความสนใจเท่านั้น
จนกระทั่งมาถึงเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ตัวเธอก็ได้แสดงเป็นโจวเหวยที่ต้องเศร้าเสียใจกับสิ่งที่ผ่านไป ต้องรู้สึกเป็นทุกข์กับชีวิต และเป็นคนที่คาดหวังในความรักเอาไว้สูง
หลังจากนั้นเธอก็รับเล่นเรื่อง ‘Evil’ จางจิ้งอานจึงเอ่ยถามขึ้น
“เธอรับเล่นหนังแต่ละเรื่องที่แตกต่างกันไปขนาดนี้ เป็นเพราะอะไรกันล่ะ?”
พอเขาถามจบ เจียงเซ่อก็ไม่ได้คิดที่จะตอบในทันที จางจิ้งอานจึงเปลี่ยนวิธีถามใหม่
“เอาอย่างนี้ เหมือนว่าเธอจะเปลี่ยนคาแรคเตอร์ตัวละครที่จะเล่นอยู่ตลอดเลย เป็นเพราะว่ากลัวว่าจะถูกกำหนดให้เป็นแค่แนวใดแนวหนึ่ง หรือเป็นเพราะว่าเธอไม่ชอบบทหนังเหล่านั้นกันล่ะ หรือว่ามีเรื่องอื่นที่คุยกันไม่ลงตัว?”
เจียงเซ่อมองจางจิ้งอาน เขายิ้ม หางตามีริ้วขึ้นเพราะว่ากำลังยิ้ม และรอคำตอบจากเจียงเซ่อ
“เอาความจริงเลยนะคะ เรื่องที่ฉันจะโดนกำหนดไปว่าเหมาะสมกับบทบาทแบบไหน อันนี้ฉันยังไม่เคยคิดเลยค่ะ” เจียงเซ่อตอบ “แต่สำหรับฉันแล้ว หนังแต่ละเรื่องที่ได้เล่นไปก่อนหน้านี้ ฉันไม่มีอำนาจมากพอที่จะต่อรองอะไรอยู่แล้ว เรื่องนี้คุณเองก็คงทราบดี”
พอเธอตอบจบ คนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมต่างก็เข้าใจสิ่งที่เธอพูดดี และพากันหัวเราะออกมาเบาๆ
“ในระยะหลังมา เรื่องการเลือกเล่นหนัง ฉันจึงเลือกจากสิ่งที่ตัวเองสนใจน่ะค่ะ”
การตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาของเจียงเซ่อเริ่มทำให้โม่อานฉีรู้สึกกังวล แต่อยู่ต่อหน้าผู้กำกับใหญ่แบบนี้ โม่อานฉีเองก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
เซี่ยเชาฉวินที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร เหมือนกับไม่เห็นว่าสถานการณ์ตรงหน้ากำลังเป็นอย่างไร จางจิ้งอานจึงถามต่อ
“งั้นถ้าหนังเรื่องใหม่ของฉัน เธอเองก็ไม่ได้สนใจมันล่ะ?”
และเวลาแห่งการทดสอบ ก็ได้มาถึงจริงๆ แล้ว
ภายในห้องประชุมเงียบฉี่ไร้ซึ่งเสียงใดๆ ทุกคนล้วนแล้วรอฟังคำตอบจากเจียงเซ่อ จางจิ้งอานหยิบน้ำแร่ขวดหนึ่งขึ้นมาถือไว้ในมือ “เธอน่าจะเข้าใจนะ ว่าบางทีหนังเรื่องใหม่ของฉันอาจจะมีบางอย่างที่ไม่เหมาะกับเธอ ถ้าหากว่าหนังของฉันมันไม่ได้เป็นที่สนใจต่อเธอ แต่พวกเรากำลังจะมีโอกาสที่จะได้ร่วมงานกัน ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว เธอจะเลือกยังไงล่ะ?”
คำพูดของจางจิ้งอานนั้นเหมือนกับดักชั้นดี ถ้าหากจะมาเอ่ยชมว่าหนังของเขาเป็นหนังที่ดี และเขาเองก็มีชื่อเสียง มันก็คงจะเหมือนเป็นการพูดดีปกปิดตำหนิของตัวเองเสียมากกว่า แต่ถ้าตอบออกไปไม่ดีไม่ตรงใจ การทดสอบการแสดงในขั้นต่อไปก็อาจจะต้องถูกยกเลิกไปเลยก็ได้
โม่อานฉีหันไปลอบมองเซี่ยเชาฉวินอยู่เป็นระยะๆ เซี่ยเชาฉวินยกแขนกอดอก และนั่งเอาขาไขว่ห้าง ไม่พูดอะไรสักคำ
“หนังเรื่องใหม่ของคุณตัวฉันเองก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วผู้กำกับจางจะรู้ได้อย่างไรล่ะคะว่าฉันไม่สนใจ?”
เจียงเซ่อยิ้มขำๆ และปัดคำถามของจางจิ้งอานไปได้อย่างง่ายดาย และไม่ได้คิดที่จะตอบคำถามเขาตรงๆ
การที่เจียงเซ่อเลือกที่จะตอบแบบนี้ก็เหมือนกันเล่นแง่ ไม่ได้ตอบอะไรผิด และยังเป็นการปัดคำถามที่เป็นเหมือนหลุมพรางได้อย่างชาญฉลาดอีกด้วย โม่อานฉีจึงถอนหายใจโล่งอก
แต่จางจิ้งอานก็ยังไล่ถามต่อ
“แล้วถ้าหากว่า สมมุติว่าตอนนี้เธอได้ดูบทหนังไปหมดแล้ว หลังจากที่ได้ดูไปแล้วจะยังสนใจบทหนังเรื่องนี้อยู่หรือเปล่า เธอจะเลือกมันยังไงดีล่ะ?”
ท่าทางของเจียงเซ่อดูจริงจังขึ้นมา คำถามของจางจิ้งอานนั้นไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ และเขาต้องการที่จะให้เธอเลือกให้ได้
และคำถามแบบนี้ควรจะตอบอย่างไรดีล่ะ?
ถ้าหากว่าตัวเธอตอบไปว่าไม่สนใจหนังของเขา แต่สุดท้ายกลับเลือกที่จะเล่นหนังของเขา มันก็เหมือนกลับคำพูดของตัวเองในตอนแรก และทำให้จุดยืนของเธอนั้นดูไม่มั่นคง และดูไม่มีหลักการด้วย
แต่ถ้าหากว่าเธอตอบไปว่าไม่สนใจหนังของจางจิ้งอาน และหลังจากนั้นก็เลือกที่จะไม่เล่นหนังของเขาจริงๆ มันก็เท่ากับยืนยันในคำตอบแรกของเธอ แต่หลังจากนั้นก็จะต้องผิดใจกับจางจิ้งอานอีก
มันทำให้เธอนึกถึงเถาเฉินที่ต้องเสียโอกาสนี้ไป และนึกถึงสิ่งที่เซี่ยเชาฉวินพูดเอาไว้
นางเอกในหนังเรื่องใหม่ของจางจิ้งอานนั้นยังไงก็ต้องเป็นนักแสดงจากซื่อจี้หยินเหอ แต่ในซื่อจี้หยินเหอ ก็ไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว
เจียงเซ่อยิ้มเจื่อนๆ และมองตากับจางจิ้งอานอย่างไม่คิดจะหลบ พอจางจิ้งอานเห็นแววจนปัญญาในสายตาเธอแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา และเข้าใจว่าตอนนี้ในใจของเจียงเซ่อจะต้องสับสนและคิดหนักอยู่แน่ๆ
เครื่องปรับอากาศในห้องส่งเสียงออกมาพร้อมกับลมเย็นๆ ภายในห้องประชุมนั้นกำลังเย็นได้ที่ แต่เจียงเซ่อที่กำลังนั่งอยู่ กลับเหงื่อออกเต็มหลังไปหมด
หางตาของเธอเหลือบไปเห็นเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจก และเหมือนว่าจะเห็นเหงื่อของตัวเองที่ติดอยู่ตรงปลายจมูกด้วยซ้ำ วันนี้ก่อนที่จะออกจากบ้านมา เพราะว่าอย่างน้อยก็จะต้องเป็นไปตามมารยาท จึงแต่งหน้ามาอ่อนๆ และแป้งที่ลงมาเบาๆ นั้นก็ไม่สมามารถที่จะปกปิดสีหน้าที่กำลังเริ่มเครียดของเธอได้ด้วย
ในตอนนี้เซี่ยเชาฉวินก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้แล้ว เธอมองไปที่กระจก ก็พบว่าโม่อานฉีกำลังดูร้อนใจอยู่ไม่น้อย
มันทำให้เธอนึกถึงเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ ตอนที่เธอยังไม่ได้เซ็นสัญญากับซื่อจี้หยินเหอ เหมือนว่าจะเป็นที่สำนักงานของหลินซีเหวิน ที่เธอเองก็ต้องมาเลือกคำตอบต่อหน้าแบบนี้
ตอนนั้นหลินซีเหวินได้ให้บทหนังเรื่องหนึ่งกับเธอ ซึ่งก็จะได้เป็นนางเอกในเรื่องนั้น แต่สุดท้ายแล้วเธอก็เลือกที่จะเล่นเรื่อง ‘The Occasion of beiping’ และพยายามอย่างมากที่จะได้มันมา และสุดท้ายก็ได้เล่นเป็น ‘โต้วโค่ว’ และก็ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากงานหนังภาพยนตร์มาก็เพราะบทบาทนี้
จนมาถึงตอนนี้ เจียงเซ่อผลักผลประโยชน์ออกไป ก็อย่างที่จางจิ้งอานพูด ถ้าหากว่าได้ดูบทหนังแล้ว และถ้าหากว่าตัวเองไม่ได้ชอบบทหนังเรื่องนี้ เธอจะยังรับเล่นเพียงเพราะแค่จางจิ้งอานมีชื่อเสียงหรือไม่?
เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงแม้ว่าอาจจะต้องผิดใจกับจางจิ้งอาน แต่ยังไงเจียงเซ่อก็ต้องตอบออกไป เธอส่ายหน้า
“ขอโทษด้วยนะคะผู้กำกับจาง ฉันได้คิดพิจารณาอย่างดีแล้ว ถึงแม้ว่าจะต้องรู้สึกเสียใจมาก แต่ถ้าหากว่าฉันไม่ชอบตัวบทหนังจริงๆ ฉันก็คงไม่คิดที่จะรับเล่นหนังเรื่องนั้นค่ะ ถึงแม้ว่าหนังเรื่องนั้นจะมีคุณเป็นผู้กำกับก็ตาม”
พอเธอพูดจบ จางจิ้งอานก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ โม่อานฉีร้อนใจเป็นอย่างมาก หล่อนกัดริมฝีปากแน่น เจียงเซ่อจึงพูดต่อ
“ดิฉันรู้ว่านี่เป็นโอกาสที่ดี แต่เป็นเพราะว่ามันเป็นโอกาสที่ดีเกินไป ดังนั้นฉินจึงจะต้องคิดให้มากๆ ค่ะ”
จางจิ้งอานวางขวดน้ำเอาไว้บนขาตัวเอง มือข้างหนึ่งจับมันเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็ทำสัญญาณ ว่าให้เจียงเซ่อพูดต่อไป
“บทหนังนั้นทำขึ้นมาเพื่อหนังภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะกับหนังฟอร์มใหญ่ ก็ยิ่งต้องมีบทหนังที่มีรายละเอียดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในด้านไหน ก็จะต้องมีความละเอียดรอบคอบ”
ก็เหมือนกับจางจิ้งอานที่เป็นผู้กำกับที่แตกต่างกับผู้กำกับอื่นๆ ทุกเรื่องที่เขากำกับนั้นจะทำเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ได้เด็ดขาด
ชื่อเสียงของเขาอยู่ในระดับไหน บางทีการมีชื่อเสียงของเขานั้นอาจจะไม่ได้ดูสวยหรูและน่าชื่นชมยกย่องเหมือนอย่างที่คนนอกได้เห็นกัน เพราะจริงๆ แล้วต้องแบกรับภาระอะไรไว้มากมาย