webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

369

บทที่ 369 คำนวณ

มีเงินแต่ไร้สมอง’ ในหัวของเฝิงหนานมีคำเหล่านั้นผุดขึ้นมา ซึ่งนี่มันเป็นคำที่ไม่เหมาะกับตำแหน่งและภาพลักษณ์ที่หล่อนสร้างให้ตัวเองเลยสักนิดเดียว เกรงว่าหลังจากคืนนี้ไป คำเหล่านั้นก็คงจะติดตัวหล่อนไปตลอดแน่ๆ

ในขณะที่ในใจของหล่อนกำลังร้อนดั่งไฟ และสายตาของจ้าวจวินฮั่นที่หันไปมองหล่อนก็ยิ่งเหมือนเป็นน้ำมันที่ราดเข้าไปในกองเพลิง

“จ่ายไปหนึ่งล้านห้าแสน เพื่อกระดาษแค่แผ่นเดียว เงินพวกนี้ เอามาเพื่อแค่ซื้อชื่อของคนดังที่เจ้าตัวเขียนเองกับมือก็พอแล้วหรือ”

จ้าวจวินฮั่นยังแดกดันอยู่ไม่ขาด หล่อนพยายามเก็บกดความโมโหเอาไว้ในใจ ก่อนจะพูดเสียงลอดไรฟันออกมา

“หุบปากไปเถอะ......”

ลายเซ็นชื่อของจางจิ้งอานที่ดูเหมือนจะเป็นที่สนใจของทุกคนได้ผ่านไปแล้วเรียบร้อย ต่อไปคือมีคนเอาเหล้าสองขวดมาประมูลขาย ถึงแค่สามหมื่นก็มีคนได้มันไปครอบครองแล้ว

สิ่งต่อไปที่ทางทีมงานนำขึ้นมาบนเวที คือกล่องของขวัญสองกล่องที่ข้างในนั้นมีเสื้อผ้าอยู่

เซิ่งจิ้งจือหยิบกล่องกล่องหนึ่งเอาไว้ในมือ และค่อยยกเสื้อที่อยู่ในกล่องให้ทุกคนได้เห็น

“นี่คือชุดราตรีสองชุดที่เจียงเซ่อได้เลือกนำมาประมูลขายนะครับ เป็นแบบขาวดำ ตัดเย็บโดยช่างเสื้อผ้าฝีมือของฝรั่งเศส Julien”

พอได้ยินชื่อของเจียงเซ่อ เฝิงจงเหลียงก็หันหน้าไปมองเธอทันที

“เธอนำมาประมูลขายอย่างนั้นหรือ?”

ภายในงานแบบนี้ ยังไงเจียงเซ่อก็ต้องนำของมาขายประมูลอยู่แล้ว แต่ถ้าพูดถึงในสถานการณ์ทั่วไป ก็น่าจะมีคนคอยมายกยอปอปั้นเธออยู่ข้างๆ อยู่แล้ว เพื่อที่จะมาช่วยประมูลของๆ เธอให้มีราคาที่สูงขึ้นเพื่อซื้อกลับมา เพื่อเป็นการไว้หน้าและให้เกียรติต่อเธอ

และนี่ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่จะได้รู้ว่าดาราคนนั้นมีอิทธิพลมากแค่ไหน ถ้าหากว่าไม่มีคนซื้อจริงๆ ส่วนมากก็ต้องตัวเองที่แหละที่เสนอราคาขึ้นไป ต้องจ่ายสัก 10% ของราคาชุดราตรีของตัวเองถึงจะซื้อมันกลับมาได้ การประมูลสินค้าก่อนหน้านี้ที่ไหลลื่นมาโดยตลอด ในใจเจียงเซ่อเองก็คงรู้ดีอยู่แล้ว

เธอพยักหน้า เซิ่งจิ้งจือที่อยู่บนเวทีจึงพูดต่อ

“ทุกคนคงรู้ดีนะครับว่าชุดราตรีสองชุดนี้มีความเป็นมาอย่างไร ในงานโฆษณาเครื่องเพชรของกังหัว เจียงเซ่อได้สวมชุดราตรีสองชุดนี้ จนทำให้ทุกคนที่ได้เห็นต่างก็ตกตะลึงกันไม่น้อยเลย”

ในกล่องนั่นเป็นชุดราตรีสองชุดที่เจียงเซ่อเคยสวมใส่เพื่อถ่ายโฆษณาของ Gang Hua Jewelry จริงๆ และมันก็ถูกตัดเย็บออกมาอย่างมีฝีมือมากด้วย ตอนนั้นช่างภาพได้ใช้เทคนิคการถ่ายภาพแบบขาวดำคู่กับชุดราตรีสองตัวนี้ จนกลายเป็นที่ครึกโครมฮือฮาสุดๆ

ทำให้หลังจากนั้นทำให้หลายๆ คนต่างก็สงสัยในชุดราตรีสงชุดนั้นเป็นอย่างมาก แค่น่าเสียดายที่ Julien ไม่รับที่จะตัดชุดที่ซ้ำกัน ดังนั้น ทำให้ทุกครั้งที่โชว์ชุดรราตรีสองชุดนี้ออกมา ก็ยังคงเป็นที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย

ชุดราตรีสองชุดนี้ราคาประมูลเริ่มต้นอยู่ที่หนึ่งแสน ทุกครั้งที่เพิ่มจะต้องเพิ่มครั้งละหมื่น หลังจากที่เซิ่งจิ้งจือกล่าวกติกาเรียบร้อยแล้ว ในใจของเฝิงหนานก็ยิ้มเยาะและคิดว่า เสื้อเก่าๆ แบบนั้นคงไม่มีใครสนใจที่จะซื้อหรอก แต่ก็ดันมีพวกคุณหญิงคุณนายที่นั่งอยู่แถวหน้าคนหนึ่งยกมือขึ้นทันที

เรื่องมันไม่ได้เป็นไปตามที่เฝิงหนานคิดเอาไว้ ชุดราตรีสองตัวนั้นของเจียงเซ่อไม่ได้ถูกเมินเฉย

กลับกัน ถึงแม้ว่าชุดราตรีสองชุดนั้นจะดูไม่ได้เป็นที่น่าสนใจสำหรับกลุ่มดาราด้วยกัน แต่พวกคุณหญิงคุณนายที่ร่ำรวยต่างๆ นั้นกลับให้ความสนใจและไล่ประมูลกันอย่างดุเดือดเช่นกัน แค่ในระยะเวลาห้าหกนาที ราคาของมันก็ขึ้นสูงถึงสามแสนหกหมื่นแล้ว

เมื่อมาถึงสามแสนหกหมื่น ก็ยังมีคุณนายอีกหลายคนที่ยังไม่ยอมแพ้

เฝิงหนานเองก็พอจะเข้าใจ ว่าคุณหญิงคุณนายที่ยังคงยกมือกันอยู่นั้นเป็นพวกมีหน้ามีตาและไม่อยากจะเสียหน้า

หนึ่งในนั้นมีคุณนายจางแห่งฉางเหออิเล็กทรอนิกส์ ดูเหมือนว่าหล่อนจะหลงใหลกับของสิ่งนี้ไม่น้อยเลย

ก่อนที่จะมาเกิดใหม่ หล่อนเองก็เคยได้มางานแบบนี้กับจ้าวจวินฮั่นและได้เจอกับคุณนายจาง บริษัทของสามีหล่อนนั้นเคยร่วมงานกันกับเจียงหัวกรุ๊ป ตอนนั้นหล่อนร้องขอจ้าวจวินฮั่นว่าให้พาหล่อนไปออกงานด้วย แต่ทว่าคุณนายจางกลับพาลูกสาวมาด้วย ตั้งแต่นั้นมาหล่อนจึงไม่อยากจะมองคุณนายคนนี้อีกเลย

ผู้หญิงคนนั้นเป็นพวกหยิ่งยโสและหัวสูง นึกไม่ถึงว่าจะมาอยากได้ชุดเก่าๆ ที่พวกดาราใส่มาแล้วแบบนี้

พอคิดได้แบบนั้น เฝิงหนานก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด และเกิดโมโหรำคาญขึ้นมาอีก

จนกระทั่งราคาของชุดราตรีสองชุดนั้นเพิ่มขึ้นเป็นห้าแสน เฝิงหนานก็เริ่มนั่งไม่ติดแล้ว ในงานยังมีคนยกมือขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าคุณนายจางนั่นอยากจะได้ไอ้ชุดราตรีสองตัวนั้นจริงๆ ด้วย

ราคาขนาดนี้ มันก็ยิ่งทำให้ชุดราตรีของเจียงเซ่อนั้นมีราคาที่สูงมากพอแล้ว

ดาราหลายคนที่อยู่นั่งอยู่ในงานเริ่มพากันยิ้มเกร็ง โดยเฉพาะกับคนที่ได้ประมูลขายเสื้อผ้าไปก่อนหน้านี้ แต่ดาราบางคนที่ต้องออกเงินซื้อเสื้อตัวเองกลับมาต่างหากที่รู้สึกอึดอัดสุดๆ

คนที่พยายามแย่งชิงกันค่อยๆ ลดน้อยลง เฝิงจงเหลียงเอียงหน้าไปสั่งเสี่ยวหลิว เสี่ยวหลิวนำปากกาขึ้นมา แล้วเขียนตัวเลข ‘หนึ่งล้าน’ ลงไปในป้ายประมูล เสี่ยวหลิวยกป้ายขึ้น ในตอนที่เซิ่งจิ้งจือตะโกนว่า ‘หนึ่งล้าน’ ออกมา ภายในงานก็คึกคักฮือฮาขึ้นมาทันที!

หลายๆ คนพากันส่งเสียง ‘อื้ออึง’ เซิ่งจิ้งจือที่คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าชุดราตรีสองตัวนี้จะราคาสูงขนาดนี้ ก็ถามขึ้นเพื่อความมั่นใจ

“นายท่านเฝิง หนึ่งล้านใช่ไหมครับ?”

เสี่ยวหลิวพยักหน้ายืนยัน!

ทันใดนั้นเองรอบๆ ตัวก็มีสายตาอิจฉาริษยาจ้องมองมาทางเจียงเซ่อเต็มไปหมด เฝิงหนานโกรธจนอยากจะร้องไห้ เมื่อกี้นี้หล่อนดูน่าขายหน้าในสายตาคนอื่นสุดๆ แต่เฝิงจงเหลียงกลับไม่คิดที่ช่วยเหลือหล่อนเลยสักนิด แต่ตอนนี้กลับเลือกที่ช่วยเจียงเซ่อย่างนั้นหรือ เพราะอะไรกัน?

เจียงเซ่อเองก็แปลกใจไม่น้อย จึงหันหน้าไปมอง

“คุณปู่คะ คุณปู่ออกเงินมากมายขนาดนี้ เพื่ออะไรหรือคะ?”

“เสื้อผ้าของเด็กสาว ต้องเก็บเอาไว้ที่ตัวเองสิถึงจะดีที่สุด” เขายิ้มแย้มออกมา ก่อนจะถอนหายใจ

“เซ่อเซ่อ ฉันเคยบอกเธอหรือเปล่า ว่าเธอกับหลานสาวของฉันน่ะ เหมือนกันมากเลยนะ”

ตอนที่เขาเอ่ยแบบนั้นออกมา สีหน้าเขาก็ดูเศร้าสร้อยไม่น้อย

“หลานสาวของฉันเมื่อก่อนน่ะ เธอน่ารักและเชื่อฟังมาโดยตลอด บางครั้งฉันก็คิดว่า ระหว่างเธอกับหลานสาวของฉัน มีนิสัยที่เหมือนกันหลายอย่างเหลือเกิน”

เขานึกถึงครั้งแรกที่เจียงเซ่อมาที่บ้านตระกูลเฝิงกับเผยอี้ ตอนที่เธอปอกแอปเปิ้ลให้เขากิน สายตาของเธอดูอ่อนโยนมาก

“หลานสาวของฉันมีนิสัยอย่างหนึ่ง คือเสื้อผ้าหรือสิ่งต่างๆ ที่ตัวเองสวมใส่ไปแล้ว ก็มักจะชอบเก็บเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเสมอ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยคิดที่จะให้ใครเลย” เขาหัวเราะออกมา “จุดนี้เหมือนฉันมากเลยล่ะ”

เสียงของเฝิงจงเหลียงเบาลง แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่คิดถึงและเศร้าสร้อย เจียงเซ่อกำหมัดแน่นบนตัก เกือบจะกักกั้นความรู้สึกในใจไม่ไหวอยู่แล้ว

การประมูลหลังจากนั้นก็เรียบกลับมาเรียบง่ายดั่งเดิม นอกจากกระถางไม้จันทร์ ของเส้าฉุนจิ่นที่มีราคาสูงกว่าที่เจียงเซ่อคาดการณ์เอาไว้แล้ว เจียงเซ่อเองก็ได้พัดเล่มนั้นมาในราคาประมูลหกแสนเจ็ดหมื่นอีกด้วย

และสุดท้ายภาพวาดของโอวเมี่ยวเซิงที่เฝิงหนานเอามาประมูลขายก็ไม่ได้ราคาสูงอย่างที่คิดเอาไว้ด้วย แม้แต่ตอนที่เซิ่งจิ้งจือประกาศออกมาว่าราคาประมูลอยู่ที่แปดแสนเรียบร้อยแล้ว เฝิงจงเหลียงก็ยกป้ายขึ้นใส่ และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าแย่งอีก

หรือแม้แต่จ้าวจวินฮั่นที่ตอนแรกก็เห็นตกลงกับเฝิงหนานเสียดิบดี พอเห็นว่าเฝิงจงเหลียงลงมือเองแล้ว เขาก็ไม่กล้าที่จะประมูลทับอีก

แผนที่เฝิงหนานคิดมาสูญเปล่า และรูปนั้นก็กลายเป็นของเฝิงจงเหลียงไปแล้ว และแม้แต่ราคาท้องตลาดของลายเซ็นที่หล่อนประมูลมาก็ไม่มีบอกราคาด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่เอาของแบบนี้ออกมาแท้ๆ แต่สุดท้ายกลับไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยสักอย่าง

หล่อนถูกกล่าวถึงในงานคืนนี้จริงๆ แต่การพูดถึงนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะดีนัก

หล่อนจ่ายเงินไปมหาศาลเพียงแค่กระดาษที่มีลายเซ็นของจางจิ้งอาน กลายเป็นตัวตลกในสายตาของใครหลายคน รูปวาดที่เอามาประมูลขายก็ไม่ค่อยได้รับความสนใจอีก

คุณปู่ที่เหมือนจะเป็นญาติสนิทก็มาปรากฏตัวในงาน แต่กลับไม่มีการช่วยหล่อนเลยสักนิดเดียว

ตอนที่พวกผู้บริหารระดับสูงของ ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ เชิญดาราและผู้มีชื่อเสียงขึ้นไปถ่ายรูปร่วมกันบนเวที เฝิงหนานก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองลุกขึ้นไปได้อย่างไร แต่หล่อนรู้แค่ว่าในรูปถ่ายนั้นหล่อนต้องน่าเกลียดมากๆ แน่ แต่ตอนนี้หล่อนก็ไม่อยากจะสนใจอะไรอีกแล้ว

หลังจากงานเลี้ยงจบลง เหล่าสื่อภายในประเทศที่ถูกเชิญมาในงานนี้ก็ได้โดนกันตัวเอาไว้ตามคำสั่งของประธานงานเพื่อลบภาพของเฝิงจงเหลียงทิ้ง แต่เพราะลบไปโดยไม่ได้สมัครใจ จึงพากันไปรอที่ประตูใหญ่ พอรถของเฝิงจงเหลียงออกมาเท่านั้นแหละ ก็พากันกรูเข้าไปล้อมเอาไว้ทันที