webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

368

บทที่ 368 ไม่ได้ตั้งใจพูด

“นี่คุณรู้กฎการประมูลไหมเนี่ย?”

จ้าวจวินฮั่นอดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีรำคาญออกมา เขาหันไปหรี่ตามองหล่อน เฝิงหนานตอบกลับ

“เซิ่งจิ้งจือพูดเอาไว้ชัดเจนขนาดนั้น หูฉันก็ไม่ได้พิการเสียหน่อย”

การ์ดลายเซ็นนั่นไม่มีขั้นต่ำ เริ่มจากสอง ห้า และแปดไปตามลำดับ จนมาถึงตอนนี้ ก็ประมูลมาจนถึงหนึ่งแสนสองหมื่นแล้ว การประมูลเพิ่มแต่ละครั้งก็ไม่ได้มากมายอะไร และตัวเลขนี้ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่เฝิงหนานสามารถจ่ายได้ จ้าวจวินฮั่นนั่นแหละที่ควรจะหยุดพูดเสียที

เฝิงหนานยิ้มเยาะออกไปอย่างไม่ใส่ใจ

“แค่นี้ก็พอแล้วงั้นเหรอ แล้วถ้ามันเพิ่มขึ้น อีกสักเป็นพันหรืออีกสักหมื่น คุณชายจ้าวคงจะปวดใจมากเลยสิ?”

แววตาของหล่อนเผยความดูถูกออกมา หล่อนแสดงสีหน้าออกมาอย่างชัดเจนว่ากำลังดูถูกจ้าวจวินฮั่นอยู่ ตอนแรกหล่อนคิดว่าถ้าจ้าวจวินฮั่นได้ยินหล่อนพูดถากถางแบบนั้นจะต้องโมโหแน่ๆ คงจะต้องตวาดอาละวาดออกมา แต่จ้าวจวินฮั่นกลับไม่ได้มีท่าทางโมโหเลยแม้แต่น้อย กลับยกมือขึ้นวางไว้บนที่พักแขนของเก้าอี้ แล้วเท้าคางเอาไว้ เขาหันหน้ามาทางหล่อน แล้วหัวเราะออกมา ‘หึ หึ’

“เฝิงหนาน ผมล่ะสงสัยจริงๆ เลยนะ ว่าที่แท้จริงแล้วคุณคือเฝิงหนานหรือเปล่า หรือว่าโดนวิญญาณสัมภเวสีที่ไหนเข้ามายึดร่างกันแน่”

เขาพูดไปอย่างไม่ใส่ใจ กระทั่งเหมือนเป็นการหลุดปากออกไปด้วยซ้ำ แต่จ้าวจวินฮั่นก็ไม่เคยคิดอะไรไปในแนวนั้นจริงๆ หรอก แต่คนพูดไม่เจตนา คนฟังกลับคิดลึก สิ้นเสียงของเขา สีหน้าของเฝิงหนานก็เริ่มซีดเผือดไปในทันที

แค่คำพูดที่ไม่ได้ใส่ใจของจ้าวจวินฮั่น ก็สามารถสะกิดความลับในใจของเฝิงหนานที่ไม่สามารถบอกใครได้แล้ว

ในวินาทีนั้นหล่อนเหมือนเป็นโจรขโมยที่วิ่งพล่านหาทางออก แต่สุดท้ายก็ดันวิ่งไปชนเจ้าของ แล้วต้องรีบหดตัวหนี หัวใจของหล่อนมันเหมือนจะหยุดเต้นไปซะเฉยๆ ได้ยินเพียงแต่เสียงสูบฉีดเลือดในสมอง เส้นเลือดมันเต้น ‘ตุบ ตุบ’ ไม่หยุด

วินาทีนี้สำหรับเฝิงหนานนั้น หล่อนรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปช้าเหลือเกิน ยิ่งได้เห็นหน้าของจ้าวจวินฮั่น ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนว่าเขาได้ไปรู้อะไรมากแล้วอย่างไรอย่างนั้น

แล้วเขาไปรู้อะไรมากันล่ะ? เขารู้แล้วหรือว่าหล่อนไม่ใช่เฝิงหนาน? เขาดูตรงไหนออกกันแน่?

เฝิงหนานเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของหล่อนมันเริ่มควบคุมไม่ได้แล้ว และหล่อนก็คิดว่าหล่อนควรจะยิ้มออกไป และว่าเขาว่าพูดจาเพ้อเจ้อ ให้เขาหุบปากซะ

แต่พอหล่อนลองพยายามยกมุมปากขึ้นแล้ว กลับพบว่าริมฝีปากมันแข็งไปหมด และดูเหมือนจะไม่มีแรงขยับเลยด้วยซ้ำ

เฝิงหนานเริ่มรู้สึกว่าแค่จะหายใจให้ปกติก็ยังยาก เสียงวุ่นวายรอบข้างก็เหมือนหายเงียบไปราวกับไม่เคยมีอยู่ ตอนนี้หล่อนมองคนในงานไม่ชัดเลยสักคน เหมือนหล่อนเห็นแค่ใบหน้าของจ้าวจวินฮั่นที่มองมาอย่างสงสัย

แต่ว่าไม่นานนัก หล่อนก็รู้สึกเหมือนว่าเลือดที่มันกำลังวิ่งพล่านขึ้นไปบนหัวมันก็ไหลวนย้อนกลับลงมาข้างล่างอีกครั้ง ร่างทั้งร่างของหล่อนเริ่มหนาวสั่น หัวใจที่เหมือนจะหยุดเต้นไปแล้ว มันก็กลับมาเต้นเร็วจนดัง ‘ตึกๆๆ’ อย่างบ้าคลั่ง

หล่อนเหมือนเพิ่งได้สติกลับมา เสียงวุ่นวายรอบๆ ข้างเริ่มกลับมาเหมือนเดิม หล่อนยกมือที่ถือป้ายขึ้นทื่อๆ ราวกับหุ่นยนต์ เซิ่งจิ้งจือก็ประกาศออกมาว่า

“หนึ่งแสนแปดหมื่นแล้วนะครับ......”

นาทีก่อนหน้านี้ เฝิงหนานรู้สึกว่ามันช้าราวกับว่ามันได้ผ่านไปแล้วหลายสิบนาที แต่ที่จริงมันเพิ่งจะผ่านไปได้แค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น

สีหน้าที่ซีดเซียวของหล่อนถูกซ่อนเอาไว้ใต้แป้งรองพื้นหนาๆ ที่อยู่บนหน้า จ้าวจวินฮั่นยิ้มเยาะ

“......เธอคิดว่ากฎมันเพิ่มแค่ห้าพัน แปดพันหรือยังไง? ......ตระกูลเฝิงไม่เคยพาเธอมาออกงานประมูลของเลยหรืออย่างไรกัน?”

“พอถึงหนึ่งแสนสองหมื่น ทุกครั้งที่ยกป้ายขึ้น ก็จะใช้กฏเพิ่มทีละหนึ่งแสนห้าหมื่น หนึ่งแสนแปดหมื่นเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ......”

เขายังคงกล่าวเตือนไปเรื่อยๆ ไม่ทันได้สังเกตเลยว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของตัวเอง มันทำให้เฝิงหนานหวาดกลัวแค่ไหน เฝิงหนานเองก็ไม่หันไปมองเขาอีก เพราะกลัวว่าการที่เขานั่งอยู่ข้างๆ หล่อนแบบนี้แล้ว ถ้าใกล้เข้าไปอีกนิด ก็กลัวว่าเขาจะเห็นถึงความหวาดกลัวที่หลงเหลืออยู่ในแววตาของตัวเอง

แต่ทว่าสิ่งที่จ้าวจวินฮั่นพูดนั้นหล่อนเองก็ยังได้ยินอยู่ หล่อนรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย

โลกก่อนหน้านี้ของหล่อนไม่ค่อยได้เข้าร่วมงานแบบนี้เท่าไหร่นัก ก่อนที่จะมาเกิดใหม่ก็ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมากมายในวงการบันเทิง ผลงานก็มีแค่ไม่กี่เรื่อง ตอนที่ ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ จัดงานเลี้ยงการกุศลขึ้นมา แน่นอนว่าการ์ดรับเชิญเข้าร่วมงานไม่มีทางส่งมาถึงมือหล่อน

หล่อนก็แค่เคยตามมากับจ้าวจวินฮั่น ได้เป็นคู่ควงเขาไปในงานเลี้ยงครั้งหนึ่ง และเคยได้เห็นพวกเศรษฐีในวงการบันเทิงประมูลของกัน ก็แค่ยกๆ ป้ายกันเท่านั้นเอง

ทุกครั้งที่ยกขึ้นจะต้องเพิ่มขึ้นเท่าไหร่มีกำหนดเอาไว้อยู่แล้ว แต่หล่อนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าไอ้ที่เพิ่มขึ้นจากสอง ห้า แปดนั่น เมื่อเข้าสู่หนึ่งแสนสองหมื่นแล้วจะใช้พื้นฐานของการเพิ่มราคาทำให้ราคาสูงขึ้น

พอได้สติกลับมา เฝิงหนานก็เพิ่งรู้ตัวว่าประโยคที่จ้าวจวินฮั่นพูดก่อนหน้านี้นั้นคือกำลังเย้ยหยันหล่อนอยู่ เพียงแต่เรื่องที่เขาพูดมันมีความจริงอยู่ด้วย เลยทำให้หล่อนเกิดสติแตกเสียท่าทีไป

แต่จริงๆ แล้วหล่อนเองก็ไม่จำเป็นที่จะต้องสติแตกแบบนี้ เพราะถึงแม้เขาจะเกิดสงสัยแปลกใจขึ้นมาจริงๆ เขาก็ไม่ได้มีหลักฐานอะไรมายืนยันได้อยู่ดี

หล่อนปลอบใจตัวเอง มือยังคงยกป้ายขึ้นอีกครั้ง ราคาของลายเซ็นพุ่งขึ้นสูงถึงห้าแสนสองหมื่นอย่างรวดเร็ว

ถึงขั้นนี้แล้วก็ยังมีดาราบางคนที่ยังไม่ยอมแพ้ เห็นได้ชัดว่าเหมือนกับเฝิงหนานที่ยืนกรานว่าจะเอาลายเซ็นของจางจิ้งอานมาให้ได้

ราคาแบบนี้ ที่จริงมันก็ดูจะเกินราคากับแค่กระดาษที่มีลายเซ็นไปหน่อยแล้ว เจียงเซ่อเองก็สังเกตเห็น ตอนที่ราคาประมูลล่าสุดถูกประกาศออกมาว่าอยู่ที่เจ็ดแสนสองหมื่นนั้น สื่อนักข่าวที่อยู่รอบๆ ก็เริ่มที่จะซุบซิบกันแล้ว

ยังเหลืออีกสองคนที่ยังไม่ยอมวางมือ คนหนึ่งคือเฝิงหนาน อีกคนก็คือคนที่เคยร่วมงานกับเฝิงหนาน คนที่แสดงเป็นนางเอกในหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ อย่างจ้าวรั่วจวินนั่นเอง

มาถึงจุดนี้แล้ว ราคาที่ทั้งสองคนเสนอออกไปนั้นเริ่มดูเกินราคากับแค่กระดาษที่มีลายเซ็นแผ่นหนึ่ง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแย่งชิงกันอีกแล้ว แต่ดาราสาวทั้งสองก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยกมือกันเสียที ทำให้กลายเป็นที่สนใจอยู่ไม่น้อย

ของชิ้นนี้ ตอนแรกก็มีหลายคนที่พยายามไล่ตามกันอย่างไม่ยอมแพ้ แต่ตอนนี้เหลือแค่สองคนที่ยังประมูลต่อเรื่อยๆ สถานการณ์ดูน่าอึดอัดไม่น้อย เฝิงหนานกลับไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตอนนี้ตัวเองกลายเป็นเรื่องน่าหัวเราะไปแล้ว หล่อนยังคงไม่ยอมแพ้ และราคาประมูลของมันก็มีถึง ‘แปดแสนแปดหมื่น’ เรียบร้อยแล้ว

ตอนนี้สีหน้าของเฝิงจงเหลียงไม่น่าดูเท่าไหร่แล้ว เฝิงหนานทำแบบนี้ มันช่างน่าขายหน้าเสียจริงๆ

ลูกคุณหนูตระกูลเศรษฐีแห่งวิสาหกิจจงหนาน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นหนึ่งในดาราที่กำลังแย่งชิงใบลายเซ็นของผู้กำกับคนหนึ่ง แถมยังประมูลสูงจนเกือบถึงเก้าแสนแล้วด้วย!

ในขณะที่นักข่าวกำลังกังวลว่าจะไม่มีข้อมูลอะไรไปลงข่าว แต่ในคืนนี้เฝิงหนานกลับกลายเป็นสร้างข่าวให้ได้ถึงสองข่าวแล้ว

มาถึงตอนนี้ การช่วงชิงในครั้งนี้เริ่มกลายเป็นแค่การวางมาด เริ่มกลายเป็นแค่เพื่อศักดิ์ศรีของตนเองไปแล้ว ไม่ว่าจะใครก็จะไม่ยอมวางมือให้ทั้งนั้น

ราคาของใบลายเซ็นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จ้าวจวินฮั่นยกมือกอดอก ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ฝืดเฝื่อน และรู้สึกว่าการที่ต้องมานั่งข้างๆ เฝิงหนานที่มันช่างน่าอายสิ้นดี

หลายครั้งที่เขาพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองลุกเดินออกจากงานนี้ไป เพราะยังเห็นแก่เฝิงจงเหลียงที่นั่งอยู่ตรงที่นั่ง VIP และพยายามที่จะไม่ถอนหายใจออกมา

จนกระทั่งราคาประมูลเพิ่มขึ้นสูงมาอยู่ที่หนึ่งล้านห้าแสนแปดหมื่น จ้าวรั่วจวินถึงโดนผู้จัดการส่วนตัวห้ามเอาไว้ ไม้ให้หล่อนยกป้ายขึ้นมาอีก

ในตอนนี้เซิ่งจิ้งจือประกาศราคาที่คงที่แล้ว และยืนยันว่าใบลายเซ็นแผ่นนั้นเป็นของเฝิงหนาน ทั้งๆ ที่ตรงหน้ามีสายตาจ้องมาที่เธออย่างสนอกสนใจมากมาย แต่เฝิงหนานกลับรู้สึกว่าการจะยิ้มออกมามันช่างยากเหลือเกิน

เพราะตอนนี้ในใจของหล่อนมันกำลังร้อนรุ่มมากๆ เพราะตอนแรกหล่อนคิดว่าใบลายเซ็นใบนี้แค่สักสามแสนก็คงจะได้มาอยู่ในมือแล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องจ่ายเงินไปเสียตั้งห้าเท่าตัวถึงจะได้มาครอบครอง

คนรอบๆ ดูไม่ได้มีท่าทางอิจฉาเหมือนอย่างที่หล่อนคิดเอาไว้ในตอนแรกเลยสักนิด กลับกันหล่อนกลับเห็นสายตาของคนพวกนั้น ว่ากำลังมองเหมือนว่าหล่อนเป็นพวกมีเงินแต่ไม่มีสมองอย่างไรอย่างนั้น

หล่อนสูญเสียเงินไปมากมายขนาดนี้ ฮือฮาไหมก็ต้องฮือฮาแน่นอน เฝิงหนานหลับตาลง แล้วสูดหายใจเข้าลึก แต่ก็แทบจะไม่มีแรงจะหันหน้าไปทางที่พวกสื่อยืนอยู่แล้ว เหมือนหล่อนจะพอเดาได้ลางๆ ว่าพวกสื่อจะเขียนข่าวถึงหล่อนอย่างไรในวันพรุ่งนี้