webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

365

บทที่ 365 เพราะเหตุใด

จางจิ้งอานเกิดอาการสงสัย แต่หลิวเย่ก็นึกถึงบางเรื่องได้ขึ้นมา แล้วหันหน้าไปคุยกับจางจิ้งอาน

“คุณยังจำเรื่อง ที่วงในเขาพูดถึงกันได้ไหม เรื่องแฟนหนุ่มของเจียงเซ่อน่ะ?”

ข่าวในวงในก็มีมาตลอด ว่ากันว่าแฟนหนุ่มของเจียงเซ่อเป็นคนใหญ่คนโต ครั้งก่อนที่หนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ ของกู้เจียเอ่อเข้าฉาย เพราะว่าตอนตัดต่อดันไปตัดฉากของเจียงเซ่อออก จนเกือบจะทำให้หนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ ไม่ได้เข้าฉายด้วย

หลังจากนั้นก็ได้ยินว่ากู้เจียเอ่อถึงกับโทรไปขอร้องเจียงเซ่อด้วยตัวเอง แถมยังสัญญาว่าจะใส่ฉากของเจียงเซ่อกลับไปในหนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ เหมือนเดิม แถมยังตกปากรับคำอีกว่าจะยอมให้เจียงเซ่อนั้น ได้แสดงเป็นตัวละครตัวหลักของตนในเรื่องต่อไป จนสุดท้ายหนังของเขาก็ได้ผ่านการตรวจสอบเรียบร้อย

“ตอนที่หนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ เปิดกล้องอย่างเป็นทางการ เจียงเซ่อเองก็ยอมรับแล้วว่ามีแฟน”

ตอนนั้นเรื่องนี้ก็ยังเป็นข่าวพาดหัวด้วย แต่เพราะว่าหลังจากนั้นเธอเองก็ไม่ได้เปิดเผยอะไรมากมาย เลยมีน้อยคนนักที่จะถ่ายรูปตอนที่เธออยู่กับแฟนหนุ่มได้ และแน่นอนว่ายังมีอีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือแฟนหนุ่มของเจียงเซ่อนั้นเป็นคนใหญ่คนโตมากจริงๆ เพราะงั้นจึงไม่มีสื่อข่าวไหนกล้าที่จะลงข่าว จึงทำให้เรื่องพวกนี้ยังคงเป็นแค่ข่าวเล่าลือเท่านั้น

สองสามปีที่ผ่านมานี้หน้าที่การงานของเจียงเซ่อถือว่าก้าวหน้าและพัฒนาไปมาก ชื่อเสียงก็ค่อยๆกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่เคยมีข่าวฉาวกับใครมาก่อนเลย

จากจุดๆ นี้ หลิวเย่เดาว่า เจียงเซ่อและแฟนหนุ่มคงยังไม่ได้เลิกกันแน่ๆ แต่แค่ทั้งสองคนเก็บเงียบเท่านั้นเอง

“ผมสงสัยว่า ถ้าหากว่าข่าวลือพวกนั้นเป็นจริง ว่าแฟนหนุ่มของเจียงเซ่อเป็นพวกคนใหญ่คนโต การที่ท่านอาวุโสท่านนี้ให้ความสนใจกับเธอ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นเพราะเหตุผลเหล่านั้น”

จางจิ้งอานไม่พูดอะไร หลิวเย่คิดอะไรแวบหนึ่ง แล้วยิ้มขึ้นมา

“หนังเรื่องต่อไปของคุณ คุณวางแผนที่จะเชิญผมกับเจียงเซ่อไปร่วมงานด้วยกันจริงๆ น่ะหรือ?”

ตอนนี้ทุกคนกำลังสนใจอยู่แต่เฝิงจงเหลียงและเจียงเซ่อ ดาราคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ข้างหลังพวกเขาเองก็กำลังมองไปที่เฝิงจงเหลียง และบางทีก็มองไปที่เฝิงหนานบ้าง หลายๆ คนต่างก็เกิดความสงสัยระคนแปลกใจ และพากันรู้สึกสนุกที่ได้เห็นแบบนั้น

จนแม้กระทั่งไม่มีใครทันได้สังเกต ว่าที่นั่งแถวที่สองในงานเลี้ยงนั้น หลิวเย่และจางจิ้งอานกำลังพูดคุยเรื่องการร่วมงานกันอยู่

หรือแม้แต่เหล่าสื่อทั้งหลายที่ยืนอยู่ไกลๆ นั่น ถึงแม้ว่าจะสังเกตเห็นแล้ว แต่ก็คงไม่มีใครนึกถึงว่าหลิวเย่และจางจิ้งอานกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน คงคิดว่าพวกเขาสองคนก็คงเหมือนกับคนอื่นๆ พูดถึงเรื่องที่เฝิงจงเหลียงมาปรากฏตัวในงานคืนนี้ และพูดถึงเรื่องที่เจียงเซ่อดูสนิทสนมกับเขา

“เหมือนผมจะจำได้ว่า ในหนังเรื่องนี้ของคุณ ตั้งใจที่จะเชิญเถาเฉินมาร่วมงานด้วยซ้ำในตอนแรก?”

แสงไฟในงานส่องสว่างไปทั่ว ไกลๆ นั่นมีสื่อนักข่าวนั่งเรียงรายกันเป็นแถวๆ สายตาของพวกเขา คงจ้องมองแค่ภาพลักษณ์ที่ไม่ดีหรือเรื่องแย่ๆ ของพวกเหล่าดาราสาวที่ใสเสื้อผ้าล่อแหลมกับเรื่องซุบซิบของพวกคนที่มีชื่อเสียงเท่านั้นแหละ

หลิวเย่ยิ้มตาหยี เรือนผมสีดำเข้มถูกเซตไปด้านหลังอย่างเรียบร้อย เผยหน้าผากที่สวยงาม เขาสวมชุดสูททั้งตัว ด้านในเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว และผูกโบว์สีดำอย่างเรียบร้อย ดูแล้วสง่าผ่าเผย ดูมีบุคลิกที่ดี

หลังจากที่เข้าแสดงเรื่อง ‘Evil’ ไปแล้ว เขาก็กลับมาผอมเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว

พอถามออกไปแล้ว หลิวเย่ก็ยิ้มรอคำตอบจากจางจิ้งอาน

หนังเรื่องใหม่ของจางจิ้งอานนั้นถูกเตรียมตัวเอาไว้มานานแล้ว เรื่องเงินลงทุนก็มีการเจรจาเรียบร้อย ตอนนั้นทางซื่อจี้หยินเหอต้องให้ค่าใช้จ่ายและความสามารถเป็นอย่างมาก ถึงจะสามารถยื่นตัวเถาเฉินให้เข้ามาอยู่ในบทได้ แต่สุดท้ายเถาเฉินก็ดันขอถอนตัวออกจากการแสดง และสุดท้ายจางจิ้งอานก็เกิดความคิดที่สนใจอยากจะเอาเจียงเซ่อมาแทนที่ของหล่อน

เมื่อเทียบกับเรื่องที่เจียงเซ่อและเฝิงจงเหลียงดูสนิทสนมกันแล้ว หลิวเย่กับรู้สึกสงสัยในความคิดของจางจิ้งอานมากกว่าอีก และอยากจะรู้ถึงเหตุผลที่เขาเลือกเจียงเซ่อ

เรื่องกระทบกระทั่งกันระหว่างเถาเฉินและเจียงเซ่อนั้น คนอื่นๆ ก็ไม่ค่อยมีใครเข้าใจแน่ชัดนัก แต่หลิวเย่ก็พอจะรู้เรื่องข้างในอยู่บ้าง

ตอนนั้นที่ผู้กำกับชาวอิตาลีชื่อดังอย่างเชี่ยซ่าเหลยมาที่หัวเซี่ย เขาได้มานัดพบเจอกับเจียงเซ่อ เมื่อหลิวเย่ลองคำนวณเวลาดูแล้ว ตอนนั้นน่าจะกำลังเป็นช่วงที่เชี่ยซ่าเหลยกำลังเตรียมเรื่องการกำหนดตัวนักแสดงที่จะมาเล่นเรื่อง ‘The Lost City’ เขามาหาเจียงเซ่อ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่ามีตัวละครที่เหมาะสมกับเธออยู่

แต่หลังจากนั้นเรื่องนี้ก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องเลยทีเดียว แต่เซี่ยเชาฉวินก็ได้ออกโรงมาจัดการเรื่องนี้ แถมยังใช้เป็นเรื่องข่าวฉาวของผู้สร้างหนังคนหนึ่งในวงการอีกด้วย และเซี่ยเชาฉวินก็สามารถจัดการข่าวนั้นได้อย่างดี

แต่หลังจากที่เรื่องของเชี่ยซ่าเหลยเกิดไปได้ไม่นาน ก็มีข่าวว่าเขาได้ออกจากหัวเซี่ยไปแล้วอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นในการประกาศเรื่องหนัง ‘The Lost City’ ก็ออกมา และนักแสดงที่จะร่วมแสดงในหนังก็กำหนดเอาไว้เรียบร้อยแล้วด้วย นอกจากจะมีรายชื่อนักแสดงฮอลลีวูดหลายๆ คนที่กำหนดเอาไว้อยู่แล้ว แต่ชื่อของเจียงเซ่อกลับไม่มีโอกาสที่จะเป็นหนึ่งในนั้น แต่กลับเป็นดาราสาวอีกคนของซื่อจี้หยินเหออย่างเถาเฉินแทน

หลิวเย่เองก็คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มานาน ต้นสายปลายเหตุของเรื่องน่าจะเป็นอย่างไรเขาก็พอจะดูออกอยู่บ้าง

ตอนนั้นเจียงเซ่อจะต้องโดนกลั่นแกล้งแน่ๆ ด้านหลังของเธอมีเซี่ยเชาฉวินเป็นผู้จัดการส่วนตัวทั้งคน แต่ก็ยังโดนคนเล่นงานได้ขนาดนี้ คนในวงการใครกันที่จะทำได้ นับๆ ดูก็รู้แล้ว

และสุดท้ายผลประโยชน์จะตกเป็นของใครก็พอจะรู้แล้วว่าใครเป็นคนทำ

เถาเฉินแย่งตัวละครที่เจียงเซ่อกำลังจะได้เล่น และเพราะเกินเรื่องเหล่านั้นขึ้น หล่อนจึงถอนตัวออกจากหนังของจางจิ้งอาน

ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกคนนี้กำลังโดน ‘พิจารณาเลือกสรร’ จนทำให้เถาเฉินยอมแพ้ และเลือกที่จะไปหาอีกคนที่มีชื่อเสียงมากกว่าอย่างเชี่ยซ่าเหลยแทน แต่สุดท้ายจางจิ้งอานก็ตั้งใจที่จะยอมแพ้จากเถาเฉินและมอบโอกาสนี้ให้เจียงเซ่อเช่นกัน

ดาราสาวทั้งคนของเซื่อจี้หยินเหอต่างก็เคยมีผู้จัดการคนเดียวกันมาก่อน และทั้งสองก็กำลังอยู่ในสถานะที่น่าอึดอัดไม่น้อย การที่จางจิ้งอานทำแบบนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตั้งใจหรือว่าไม่ทันได้คิดกันแน่ ไม่รู้ว่าทางซื่อจี้หยินเหอเองจะทำอย่างไรกับความวุ่นวายครั้งใหญ่นี้กัน หลิวเย่คิดได้แบบนั้นก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจแล้ว

“คุณรู้สึกอย่างไรกับเจียงเซ่อล่ะครับ?”

จางจิ้งอานไม่ได้ตอบคำถามเขา แต่ถามกลับแทน

พอเขาถามจบ ก็เสริมเข้าไปอีกเล็กน้อย

“นายเคยร่วมงานกับเธอในหนังเรื่อง ‘Evil’ นี่ ฉันรู้ว่าถ้านายไม่ได้สนใจเนื้อเรื่องละก็ แน่นอนว่าคงไม่มีทางยอมรับเจียงเซ่อคนนี้ได้ง่ายๆ แน่ และนายก็ยังไม่ยอมรับเล่นบทหนังแบบนั้นด้วย”

โดยเฉพาะกับในเรื่อง ‘Evil’ หลิวเย่ได้แสดงเป็นคนร้าย เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายไม่น้อย

ถึงแม้ว่าเขาอาจจะตั้งใจที่จะทดสอบตัวเอง แต่ถ้าหากว่าเจียงเซ่อไม่โดดเด่นมากพอ หลิวเย่คงไม่มีทางที่จะยอมเสี่ยงแน่ๆ

กลับกัน คำพูดนั้นของจางจิ้งอานก็เหมือนเป็นการตอบคำถามของหลิวเย่ด้วย เขาเลือกที่จะให้เจียงเซ่อมาเป็นตัวพิจารณา แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ เขาโมโหที่เถาเฉินมาถอนตัวออกไปแบบนี้ และตั้งใจที่จะมอบสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจที่สุดให้กับเถาเฉิน

ถึงแม้ว่าผู้กำกับใหญ่คนนี้กำลังจะเอาคืนคนและเมินเฉยในภายหลัง แต่เขาก็ยังสามารถแยกแยะอย่างใจเย็นว่าใครที่เหมาะสมกับหนังใหม่ของตัวเอง ไม่ได้มัวแต่เอาเวลาไปโมโหกับเรื่องเล่านั้น

หลิวเย่เองก็พอจะเข้าใจความหมายที่เขาจะสื่อ แต่ท่าทีของเขามันก็แสดงออกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว หลิวเย่ก็ทำได้แค่ไหลไปตามเขา

“ผมชอบทำงานกับเจียงเซ่อนะ!”

พอเขาพูดแบบนั้นออกมา ท่าทางของเขาก็ดูจริงจังไม่น้อย น้ำเสียงก็ดูไม่ลังเลอะไรด้วย ไม่เหมือนกับว่ากำลังล้อเล่นอยู่เลยสักนิด และนั่นก็ทำให้จางจิ้งอานแปลกใจไม่น้อย

“หือ? ไหนลองพูดมาสิ”

หลิวเย่ก้มมองนาฬิกาข้อมือ เหลืออีกประมาณสิบนาทีก็จะเข้าสู่ช่วงประมูลสินค้าแล้ว แต่ก็ยังพอมีเวลาให้คุยถึงเรื่องนี้อยู่บ้าง เพราะงั้นพอหลิวเย่พูดจบ เขาก็ต่อทันที

“ตอนที่ถ่ายหนังเรื่อง ‘Evil’ ตอนนั้นเธอยังเป็นแค่ดาราตัวเล็กๆ อยู่เลยครับ” ผู้จัดการส่วนตัวคือเซี่ยเชาฉวิน และค่ายบริษัทคือซื่อจี้หยินเหอ และมีนักแสดงมากความสามารถอย่างฉางยวี่หูที่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลมายืนยันในตัวเธออีกด้วย เรียกเธอว่าเป็นลูกศิษย์ มีแฟนหนุ่มที่มีอิทธิพลสูง เส้นทางการเป็นดาราของเธอก็ถือว่าราบรื่นมากแล้ว “แต่ผมกลับรู้สึกว่า เธอยังคงเป็นเหมือนเดิม เหมือนตอนที่อยู่ในกองถ่ายเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ น่ะครับ”