บทที่ 362 ริษยา
เจียงเซ่อที่นั่งอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาเช่นกัน ตอนที่เสี่ยวหลิวชี้มือมาทางเธอ พวกสื่อนักข่าวเองก็จ้องมองอยู่ด้วย แต่แค่มองไม่ชัดเจนว่าเขากำลังทักทายใคร
เซี่ยเชาฉวินวางข้อมูลในมือลง แล้วสะกิดเจียงเซ่อให้ลุกขึ้น
“พวกเราเองก็ไปทักทายท่านเถอะ”
เซี่ยตงเหอพ่อของหล่อนเองก็เคยได้พบเจอพูดคุยกับเฝิงจงเหลียงอยู่หลายครั้งหลายครา ตอนที่เซี่ยเชาฉวินอยู่ฮ่องกง มีก็มีบ้างที่แวะไปเยี่ยมเยียนเฝิงจงเหลียงกับพ่อแม่ พอได้มาบังเอิญเจอกันแบบนี้ ก็คงต้องเข้าไปทักทายทำความเคารพเสียหน่อย
หล่อนพาเจียงเซ่อไปด้วย ก็หวังว่าจะช่วยเพิ่มความสนใจให้กับตัวเจียงเซ่อไปด้วย การที่จู่ๆ เฝิงจงเหลียงก็มาปรากฏตัวในงานคืนนี้ ก็ทำให้กลายเป็นจุดดึงดูดของเหล่านักข่าวไม่น้อย พรุ่งนี้จะต้องมีข่าวลงหนังสือพิมพ์แน่ๆ บางทีอาจจะไม่ใช่แค่ข่าวบันเทิงเท่านั้น เพราะเฝิงจงเหลียงเองก็เป็นถึงผู้กุมอำนาจของวิสาหกิจจงหนาน ไม่แน่ว่าข่าวในด้านอื่นๆ ก็คงมีออกด้วยเหมือนกัน ถ้าให้เจียงเซ่อเดินไปด้วยกันแบบนี้ มันก็จะเป็นผลดีกับเธอมาก
เจียงเซ่อพยายามเก็บความสงสัยแปลกใจลง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
ในตอนที่เฝิงหนานกำลังยื่นมือไปเพื่อที่จะประคองเฝิงจงเหลียงนั้น เฝิงจงเหลียงกลับใช้แขนที่ถือไม้เท้าอยู่ขึ้นมาดันแขนของหล่อนออก เส้าฉุนจิ่นและผู้มีตำแหน่งสูงๆ คนอื่นของ ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เห็นภาพนั้นด้วยเช่นกัน คนขับรถเสี่ยวหลิวเองก็อยู่ด้วย เฝิงจงเหลียงมองไปที่เฝิงหนาน ใบหน้าไม่มีรอยยิ้มเลยสักนิดเดียว ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นชาขึ้นมา
“ถึงฉันจะอายุมากแล้ว แต่ยังเดินเองได้อยู่ ไม่ต้องการให้ใครมาประคองทั้งนั้น”
ประโยคนั้นถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสนเย็นชา ในใจของเฝิงหนานยิ่งรู้สึกเกลียดมากยิ่งขึ้น เลือดร้อนมันไหลวนไปทั้งตัว
จ้าวจวินฮั่นที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็มีสีหน้าที่อึ้งไปไม่น้อย ราวกับนึกไม่ถึงว่าความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนและเฝิงจงเหลียงมันจะมาถึงจุดที่แย่ขนาดนี้แล้ว
ตั้งแต่ที่เกิดใหม่มา คนที่เฝิงหนานเกลียดที่สุดก็คือเจียงเซ่อ ไม่มีวันไหนเลยที่หล่อนจะไม่นึกถึงฆาตกรที่ฆ่าหล่อนอย่างเจียงเซ่อ
แต่ในตอนนี้เฝิงหนานกลับคิดว่าคนที่ตัวเองเกลียดมากที่สุดคงไม่ได้มีแค่เจียงเซ่ออีกต่อไปแล้ว ยังมีเฝิงจงเหลียงที่ไม่คิดจะไว้หน้าหล่อนอีกคนด้วย
สายตาของคนนอกมากมายกำลังจ้องมองมาที่หล่อน มันเหมือนมีเข็มหลายร้อยเล่มทิ่มลงมาที่ตัว และสัมผัสได้เลยด้วยซ้ำ ว่าตอนนี้พวกนักข่าวกำลังคิดยังไงกันอยู่ แล้วไหนจะพวกดาราคนอื่นที่สมควรจะนั่งอิจฉาริษยาหล่อนก็คงจะนั่งหัวเราะอยู่ด้วยเหมือนกัน
“คุณปู่......”
หล่อนดูอึ้งไปไม่น้อย เสี่ยวหลิวเอ่ยแทรกขึ้นเบาๆ
“นายท่านครับ คุณเซี่ยเองก็มาด้วย”
ทันทีที่เฝิงจงหนานได้ยินแบบนั้น หล่อนก็รีบหันตัวไป และพบว่าเซี่ยเชาฉวินและเจียงเซ่อกำลังเดินมาทางนี้
เฝิงจงเหลียงที่ตั้งแต่เข้ามาในงานก็ทำตัวเย็นชาและเคร่งขรึมใส่ทุกคน แต่พอเมื่อได้เห็นเจียงเซ่อ เขากลับค่อยๆ เผยรอยยิ้มให้ทุกคนในงานได้เห็นเป็นครั้งแรก
“คุณปู่”
“คุณอาเหลียง......”
เจียงเซ่อเอ่ยทักทายอย่างว่าง่าย เฝิงจงเหลียงขมวดคิ้ว แล้วมองดูชุดที่เธอกำลังสวมใส่ จากนั้นก็มองไปที่เซี่ยเชาฉวิน จากนั้นก็ดูอ่อนโยนขึ้นไม่น้อย และถึงขั้นแย้มยิ้มออกมาด้วย
“เชาฉวิน ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“ไม่เจอกันนานแล้วจริงๆ ด้วยค่ะ ตั้งแต่ที่คุณอามาอยู่ที่ตี้ตูก็เก็บตัวเงียบ ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้เจอคุณอาเลย ครั้งก่อนที่กลับฮ่องกง คุณพ่อยังถามหนูด้วยว่าได้นัดคุณอาออกมาดื่มชาด้วยกันบ้างหรือเปล่า”
เซี่ยเชาฉวินยิ้มพูดคุยกับเฝิงจงเหลียง ราวกับว่าไม่ได้สังเกตเห็นเฝิงหนานที่ยืนทำหน้าอึดอัดอยู่ข้างๆเลยสักนิด
‘ฮ่าฮ่า’ เฝิงจงเหลียงหัวเราะออกมา “ตอนนี้ฉันไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไหร่แล้ว เวลาว่างๆ ส่วนมากก็อยู่บ้านปลูกต้นไม้ดอกไม้ไปเรื่อย คงเทียบไปไม่ได้กับลูกๆ หลานๆ ที่งานยุ่งทั้งวันทั้งคืนอย่างพวกเธอหรอก”
“ที่ไหนกันล่ะคะ” เซี่ยเชาฉวินเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “เป็นเพราะรุ่นลูกรุ่นหลานยังมีหลายจุดที่ยังบกพร่อง เลยอยากจะฝึกฝนให้ชำนาญต่างหากล่ะคะ”
ทั้งสองคุยกันอยู่หลายประโยค ทำเอาเฝิงหนานและจ้าวจวินฮั่นที่ยืนอยู่ข้างๆ เกิดความอึดอัดขึ้นไม่น้อย
ท่าทางของเฝิงจงเหลียงที่มีต่อเซี่ยเชาฉวินนั้น เมื่อเทียบกับเฝิงหนานแล้ว มันก็เหมือนกับฟ้ากับเหว
ในตอนนี้เส้าฉุนจิ่นก็ค่อยๆ รับรู้ได้อย่างเชื่องช้าว่านายท่านเฝิงจงเหลียงคนนี้จริงๆ แล้วคงไม่ได้เป็นคนที่เย็นชาอะไรนัก ก็แค่ไม่อยากจะเจอหลานสาวตัวเองในตอนนี้ก็เท่านั้นเอง เพราะงั้นถึงได้ทำเป็นเมินเฉยต่อหล่อนขนาดนั้น
หลังจากเฝิงจงเหลียงพูดคุยทักทายกับเซี่ยเชาฉวินเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ เขาก็หันไปมองเจียงเซ่อ เจียงเซ่อเองก็เดินขึ้นไปเล็กน้อย เสี่ยวหลิวที่ยืนประคองเฝิงจงเหลียงอยู่ก็ค่อยผละตัวออกทันที
เจียงเซ่อยื่นมือออกมาเพื่อที่จะประคองเฝิงจงเหลียง เฝิงหนานที่เห็นแบบนั้นแล้ว ในใจของหล่อนก็เย้ยหยันขึ้นมา นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เจียงเซ่อได้เป็นจุดเด่นไปแล้วมากมาย แต่ในที่สุดก็กำลังจะปล่อยไก่แล้วในตอนนี้
นิสัยของเฝิงจงเหลียง เฝิงหนานคิดว่าตัวเองก็พอที่จะรู้และเข้าใจบ้าง นิสัยใจคอแปลกประหลาก บางทีแค่ทำอะไรไม่ถูกใจนิดๆ หน่อยๆ ก็บันดาลโทสะออกมาแล้ว
ก่อนหน้านี้ที่หล่อนจะเข้าไปประคอง ก็โดนเขากีดกันออกมา แล้วเจียงเซ่อจะเหลือหรือไงกัน?
ดาราสาวที่คลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิงแบบนี้ แม้แต่หลานสาวคนสนิทของเฝิงจงเหลียงเองก็ยังโดนเมินมาแล้ว เจียงเซ่อที่เป็นแค่คนนอกจะเอาอะไรมาเทียบได้
หล่อนคิดว่าเฝิงจงเหลียงจะทำเหมือนที่ทำกับหล่อนเมื่อครู่เสียอีก ดันตัวหล่อนออกอย่างไม่ใส่ใจ
ไอ้แก่คนนี้มีนิสัยที่แปลกประหลาด ไม่เคยจะไว้หน้าคนอื่น เป็นเพราะมีฐานะ ทำเหมือนว่าอยู่สูงกว่าคนอื่น กลับไม่ได้คำนึงถึงจิตใจและความรู้สึกของคนที่โดนตัวเองปฏิเสธเลยสักนิดเดียว
แต่พอเจียงเซ่อแตะแขนของเฝิงจงเหลียงเท่านั้น แต่เฝิงจงเหลียงกลับไม่ได้สะบัดมือของเธอออกเหมือนอย่างที่เฝิงหนานคิดเอาไว้แม้แต่น้อย และเหมือนว่าเฝิงจงเหลียงก็จะยอมให้เธอประคองด้วย
ภาพแบบนั้นทำเอาเฝิงหนานตะลึงไปไม่น้อย หรือแม้แต่เส้าฉุนจิ่นและจ้าวจวินฮั่นเองก็ตาม
“ยัยเด็กคนนี้ ตั้งนานแล้วไม่เห็นไปเยี่ยมฉันเลยนะ?”
เฝิงจงเหลียงหน้านิ่งลงเล็กน้อย ก่อนจะกระแทกไม้เท้าในมือลงกับพื้น แต่เพราะพื้นถูกปูด้วยพรมหนา ไม้เท้าที่กระทบลงไปจึงไม่ได้เสียงดังอะไรนัก แต่ท่าทีที่ดูสนิทสนมกันแบบนี้ ดูเหมือนเป็นคนใกล้ชิดเครือญาติ อีกทั้งยังไม่มีการปฏิเสธท่าทางที่สนิทสนมของเจียงเซ่ออีกด้วย มันทำให้เฝิงหนานนิ่งอึ้งไป
“คุณปู่......”
หล่อนพึมพำกับตัวเอง ไม่อยากที่จะเชื่อสายตาตัวเองเลยสักนิด จากนั้นมันเหมือนมีไฟวิ่งวนแผดเผาไปทั่วร่างกาย
เฝิงหนานรู้สึกโมโหจนเนื้อตัวสั่นไปหมด เฝิงจงเหลียงไม่คิดที่จะไว้หน้าหล่อนเลยสักนิด แต่กลับมีท่าทีสนิทสนมกับคนนอกเสียอย่างนั้น
ถึงแม้ว่าคำที่เขาพูดออกมาจะฟังดูเหมือนกำลังดุ แต่น้ำเสียงและสีหน้าในตอนที่เขาพูดกับเจียงเซ่อนั้น มันกลับดูใกล้ชิดสนิทสนมเสียยิ่งกว่าตอนคุยกับเซี่ยเชาฉวินอีก
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงที่ทำงานในวงการบันเทิงอย่างนั้นหรือ เขาชอบยกตัวสูงส่ง และชอบดูถูกพวกหนังอะไรแบบนี้ไม่ใช่หรือ?
ตอนนั้นที่ตัวหล่อนแสดงหนัง ก็ยังโดนเขาดูถูกตั้งมากมาย ถึงขั้นชี้นิ้วด่าเลยด้วยซ้ำ แล้วทำไมตอนนี้กลับปฏิบัติต่อเจียงเซ่อได้ตรงกันข้ามขนาดนี้ล่ะ?
“คุณปู่!”
เฝิงหนานสั่นไปทั้งตัว ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น ฟันคมกัดจนลิปสติกที่ทามานั้นเริ่มจางออก แต่ตอนนี้หล่อนไม่มีกะจิตกะใจที่จะไปสนใจมันแล้ว หล่อนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเฝิงจงเหลียงถึงเป็นแบบนี้ไปได้ ถ้าเขาจะเกิดสนใจคนที่ไม่ควรจะได้รับความสนใจขึ้นมา แล้วทำไมต้องเป็นเจียงเซ่อ? ทำไมถึงต้องเป็นเจียงเซ่อ?
หล่อนกำมือแน่น พยายามอย่างมากที่จะระงับไฟที่สุมอยู่ในอก กัดฟันแน่นกรอด ถ้าไม่ใช่เพราะว่าจ้าวจวินฮั่นคอยดึงมือเตือนสติหล่อนเอาไว้ ก่อนหน้านี้หล่อนคงได้ทนไม่ไหวเดินเข้าไปผลักเจียงเซ่อออกไปแล้ว
“คุณปู่รู้จักสนิทสนมกับคุณเจียงตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย?”
เหล่าคนของ ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ ที่ได้ยินหล่อนถามขึ้นมาแบบนั้น ก็พากันหันหน้าหนี ทำเหมือนว่ากำลังสนใจอย่างอื่นอยู่
นี่เป็นเรื่องของตระกูลเฝิง จะให้คนนอกมายืนฟังก็คงไม่ใช่เรื่อง
แต่ทว่ามันก็ยังอยู่ท่ามกลางหมู่คนมากมาย แถมรอบๆ งานก็มีแต่สื่อนักข่าวเต็มไปหมดแบบนี้ แต่เหมือนกับว่ากำลังพูดคุยเรื่องความลับของครอบครัวกันอยู่ ถ้าหากเกิดมาทะเลาะถกเถียงกันตรงนี้ก็คงจะขายหน้าไม่น้อย
เฝิงหนานถามจบ เฝิงจงเหลียงก็ยิ้มเย้ยหยันขึ้นมา
“ฉันจะทำอะไรยังไง ต้องบอกเธอก่อนด้วยหรือไง?”
ประโยคนั้นทำเอาเฝิงหนานหน้าแดงไปหมด
หล่อนแทบจะเก็บความโกรธในใจเอาไว้ไม่อยู่แล้ว เฝิงจงเหลียงเบือนหน้า ราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจหล่อนเลยแม้แต่น้อย