webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

359

บทที่ 359 น่าเสียดาย

ในขณะที่สิ่งของที่เหล่าดาราทั้งหลายเอามาบริจาคนั้นจะอยู่ที่ไม่เกินแสน แต่เฝิงหนานกลับกล้าใจป้ำเอาของสะสมมาบริจาคเสียได้ แน่นอนว่าต้องเป็นที่สนใจขึ้นมาอยู่แล้ว

แต่ถึงอย่างนั้นหลายๆ คนก็คิดว่าที่จริงหล่อนก็เป็นถึงเจ้าของเจียงหนานบันเทิง การที่จะเอาของสะสมมาบริจาคแบบนี้ก็ดูไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอยู่แล้ว

เหล่าสื่อนักข่าวทั้งหลายที่มางานในคืนนี้ก็คงจะให้ความสนใจกับรายการนี้ไม่น้อย ดูท่าว่าช่วงการประมูลราคาหลังจากนี้ เฝิงหนานคงจะได้กลายเป็นจุดที่โดดเด่นไม่น้อย

โม่อานฉีคิดได้แบบนั้น ก็เบะปาก ก่อนจะบ่นขึ้นมาเบาๆ

“เข้าวงการบันเทิงมา ผลงานก็มีแค่สองเรื่อง บทที่มีชื่อเสียงก็เป็นแค่ตัวละครสมทบหญิงในเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ในสองปีมานี้ก็รับงานโฆษณาไปตั้งเยอะ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นจะปังเท่าไหร่เลย”

มันไม่เหมือนกับเซี่ยเชาฉวินที่น้อยครั้งจะรับงานโฆษณาให้กับเจียงเซ่อ เฝิงหนานที่ถึงแม้ว่าในหลายปีที่ผ่านมานี้จะไม่ค่อยได้ถ่ายหนัง แต่ก็รับงานโฆษณามากมาย รับหมดไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทไหน หล่อนได้เป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาสินค้าอยู่หลายอย่าง ถึงแม้ว่าโฆษณาทุกชิ้นจะไม่ได้มีค่าใช้จ่ายที่สูงทั้งหมด แต่การค่อยๆ เก็บสะสมไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ทำให้เยอะขึ้นมาได้เช่นกัน “มิน่าล่ะถึงได้มีทรัพย์สมบัติเยอะขนาดนี้ แถมยังกล้าที่จะเอาภาพพวกนี้มาบริจาคอีก”

แต่สำหรับคนที่มีเงินจริงๆ นั้น ถึงจะมีทรัพย์สินที่มีค่ามากมาย โดยเฉพาะกับของสะสมที่มีค่าแบบนี้ไม่มีทางเอามาบริจาคง่ายๆ แน่ เพราะมันจะเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันเกรดฐานะของตนเอง

เฝิงหนานเอารูปวาดมาแบบนี้ ในสายตาของโม่อานฉีแล้ว ยังไงก็เป็นการเรียกร้องความสนใจเท่านั้น

ตอนที่หล่อนพูดแบบนั้นออกมา ก็หันหน้าไปมองยังที่ที่เฝิงหนานนั่งอยู่ด้วย มีสื่อนักข่าวหลายๆ คนก็กำลังทำเหมือนอย่างที่โม่อานฉีทำ หลังจากที่ได้ใบข้อมูลของที่ถูกนำมาบริจาคในงานการกุศลคืนนี้แล้ว และพอได้เห็นของที่เฝิงหนานเอามาบริจาคในครั้งนี้ ก็พากันมองไปที่หล่อนอย่างสนอกสนใจ

เจียงเซ่อเองก็มองไปตามที่โม่อานฉีกำลังมอง เฝิงหนานอยู่ในชุดกระโปรงขนนกสีดำขลับ ผมยาวลอนถูกรวบขึ้น เผยให้เห็นลำคอขาวระหง หล่อนนั่งอยู่ข้างๆ จ้าวจวินฮั่น ผู้ชายก็หล่อผู้หญิงก็สวย ทั้งสองมีท่าทางที่ดูสนิทสนมกันไม่น้อย ทำเหมือนกับว่ากำลังพูดคุยกันอยู่ ราวกับว่าไม่ได้สังเกตเห็นสายตาของใครหลายๆ คนที่กำลังมองอยู่เลยด้วยซ้ำ

“อย่าไปสนใจเธอเลยค่ะ”

เจียงเซ่อเบนสายตากลับมา แล้วมองไปที่รายการของที่นำมาบริจาคอีกครั้ง ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะมีท่าทีที่สงบนิ่ง แต่จริงๆ แล้วในใจไม่ได้สงบเลยสักนิด

เป็นอย่างนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปิดหน้าถัดไปดู ในรูปนั่นนอกจากจะมีของมูลค่าสูงที่โม่อานฉีพูดถึงเมื่อกี้นี้แล้ว ก็ยังมีของอย่างอื่นๆ ต่างๆ นาๆ เต็มไปหมด

นอกจากจะมีเครื่องประดับของพวกดาราสาวทั้งหลายแล้ว ก็ยังมีเครื่องประดับชิ้นอื่นๆ ที่นักแสดงใส่ในการถ่ายทำหนังและได้รับความสนใจจากผู้คนอีกด้วย ล้วนแล้วเป็นของที่พวกนักแสดงเคยใส่แล้วทั้งสิ้น และเป็นของที่มีคนจับตามองด้วย

หลิวเย่ได้นำเป็นกำไลลูกประคำที่ทำจากไม้จันทร์แดง จี้หยกชิ้นหนึ่ง และสิทธิ์การที่ได้เต้นรำกับหลิวเย่เองมาประมูล

เจียงเซ่อดูๆ แล้ว ถึงแม้ว่ากำไลนี่จะดูไม่เลว จี้หยกผิงอันนี่ก็ดูดี แต่ถ้าประมูลราคาออกมาจริงๆ กับคนที่มีฐานะอย่างเขา ในงานนี้ก็คงจะมีดาราสาวหลายๆ คนที่ประมูลเขามาเต้นรำด้วยโดยที่ไม่ต้องเสียดายเรื่องเงินทอง

อย่างไรก็ตามงานในคืนนี้ก็ไม่ได้มีแค่ดาราที่มา ยังมีพวกคุณหนูคุณหญิงคุณนายทั้งหลายอีก หนึ่งในนั้นก็คงมีแฟนคลับของหลิวเย่ด้วย ของแบบนี้ไม่น่าเข้าไปร่วมแย่งชิงสักเท่าไหร่ แถมไม่แน่ว่าของธรรมดาๆ แบบนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจที่สุดก็ได้

นอกจากนี้แล้ว เธอเองก็สังเกตเห็นสิ่งที่จางจิ้งอานเอามาบริจาคแล้วด้วย

จางจิ้งอานนำของมาบริจาคถึงสามชิ้น นอกจากจะมีกระถางไม้จันทร์ในปลายราชวงศ์ชิงแล้ว ก็ยังมีหวีหยกอีกชิ้นหนึ่ง และชิ้นที่สามมันถูกเขียนเอาไว้ว่ามีลายเซ็นของจางจิ้งอานเซ็นด้วยตัวเองเลยด้วย

ถึงแม้ว่าจะดูเป็นคำพูดที่มีน้ำหนักเบา แต่นี่ก็เหมือนเป็นโอกาสที่จะได้เข้าใกล้กับจางจิ้งอานมากขึ้น

แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ลายเซ็นของจางจิ้งอาน ไม่ได้แสดงถึงว่าเป็นลายเซ็นของเขาอย่างเดียว มันน่าจะเป็นคำสัญญาอะไรสักอย่าง อาจจะหมายถึงโอกาสที่จะได้ร่วมงานกับจางจิ้งอานก็เป็นได้

เจียงเซ่อมองดูมันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปปรึกษากับเซี่ยเชาฉวิน

“พี่เชาฉวินคะ พี่คิดว่าอันไหนน่าสนใจ?”

ในเรื่องของการประมูลสินค้า ก็เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญไม่น้อย

ในมือของเซี่ยเชาฉวินเองก็มีรายการข้อมูล พอได้ยินเจียงเซ่อถามขึ้นมาแบบนั้น หล่อนเองก็มองไปที่เขียนเอาไว้ว่าจางจิ้งอานเซ็นชื่อด้วยตัวเองเช่นกัน กับการเต้นรำกับหลิวเย่

เงินที่เจียงเซ่อสามารถจ่ายได้ไม่ได้มากมายอะไรนัก เพราะฉะนั้นของที่จะประมูลมาจะต้องเหมาะสมและมีค่ามากพอ

พวกเสื้อผ้าและเครื่องประดับต่างๆ ที่อยู่ในรูปนี่ มันล้วนแล้วเป็นของที่เหมาะกับการให้แฟนคลับซื้อไปเป็นที่ระลึก แต่สำหรับเจียงเซ่อแล้วไม่ได้มีประโยชน์อะไร

อีกอย่างเสื้อผ้าส่วนมากที่นำมาบริจาค ก็ล้วนแล้วเป็นของที่พวกดาราใส่แล้วทั้งนั้น ถ้าหากว่าไปจ่ายเงินก้อนเพื่อคว้ามันมาละก็ ก็คงจะไม่ได้ใส่ไปไหนแน่นอน

เจียงเซ่อไม่สนใจที่จะเอาเงินไปประมูลของพวกนั้นมาอยู่แล้ว เงินพวกนี้ควรที่ใช้ไปกับอะไรที่มีคุ้มค่ามากกว่านี้

สายตาของเจียงเซ่อเองก็มองไปที่จางจิ้งอานเซ็นชื่อด้วยตัวเองและการเต้นรำกับหลิวเย่เช่นกัน เซี่ยเชาฉวินมองไปที่มือของเธอ พอเห็นว่าเธอเองก็เปิดถึงหน้านั้นแล้ว มุมปากของหล่อนก็ค่อยๆ กระตุกขึ้นมา แล้วเอ่ยเสียงเบา

“จางจิ้งอานเซ็นชื่อด้วยตัวเอง ดูท่าว่าอันนี้คงจะมีหลายๆ คนอยากจะแย่งกันนะ”

พอหล่อนพูดแบบนั้น ก็ชี้นิ้วเลยไปที่ชื่อของหลิวเย่

“น่าจะลองประมูลตรงนี้หน่อยนะ”

ถ้าทำให้หลิวเย่ประทับใจได้ มันก็มีเป็นผลดีต่อเจียงเซ่อเหมือนกัน

ถึงแม้ว่าการประมูลอาจจะดุเดือดหน่อย แต่ถ้าเทียบกับโอกาสของจางจิ้งอานแล้ว ก็ใช่ว่าเจียงเซ่อจะไม่มีโอกาสอะไร

ความคิดของเซี่ยเชาฉวินตรงกับเจียงเซ่อ สายตาของเธอมองไปที่รูปวาดของเฝิงหนาน ที่จริงภาพวากจีนของโอวเมี่ยวเซิงก็สวยงามไม่น้อย ก่อนที่จะมาเกิดใหม่ เธอเองก็ชอบมันมากๆ

รูปวาดแบบนี้ ถ้าหากว่าเจ้าของไม่ได้ต้องการใช้เงินจริงๆ มันก็คงไม่มีทางมาอยู่ในที่แบบนี้แน่ๆ มีเงินก็ยากที่จะได้มาครอบครอง ทำไมเฝิงหนานถึงได้คิดที่จะเอามาบริจาคนะ?

ของที่เธอเคยสะสมเอาไว้แต่ก่อนก็มีมากมาย ทั้งเครื่องลายคราม เพชรพลอยและเครื่องประดับต่างๆ แต่ทำไมเฝิงหนานถึงเลือกของแบบนี้มา

“อย่าทำเป็นโง่ไปหน่อยเลย”

เธอเพิ่งจะคิดอะไรขึ้นมา เซี่ยเชาฉวินก็เตือนเธอขึ้นมาก่อนแล้ว “ในงานแบบนี้ เธอเห็นทายาทรุ่นที่สามของเจียงหัวกรุ๊ปที่นั่งอยู่ข้างๆ หล่อนนั่นไหม?”

“พรืด” พอเจียงเซ่อได้ยินเซี่ยเชาฉวินพูดออกมาแบบนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“งั้นพี่เชาฉวิน พี่เป็นรุ่นที่เท่าไหร่หรือคะ?”

“ดื้อ”

เซี่ยเชาฉวินตีเธอทีหนึ่ง “จ้าวจวินฮั่นจะต้องช่วยหล่อนประมูลภาพนั้นกลับมาอยู่แล้วแน่ๆ เธอไม่มีทางประมูลมาได้หรอก ดีไม่ดีจะเป็นข่าวไปเปล่าๆ”

หล่อนชักมือที่อยู่บนแขนของเจียงเซ่อกลับมา แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“ดาราสาวชื่อดังเปิดศึกแย่งชิงภาพวาดกับทายาทเจียงหัว” พวกสื่อจะต้องเขียนแบบนี้แน่ๆ คืนนี้เจียงเซ่อได้ออกหน้าออกตาโดดเด่นมากพอแล้ว เธอไม่ควรที่จะเป็นข่าวในเรื่องอื่นอีก โดยเฉพาะกับจ้าวจวินฮั่นที่ไม่ว่าจะเพราะหน้าตัวเองหรือเพื่อเกียรติของตระกูลจ้าวและตระกูลเฝิงก็ตาม ภาพวาดที่คู่หมั้นตัวเองเอามาบริจาคในครั้งนี้ เขาจะต้องประมูลเอาไว้ให้ได้แน่ๆ จากนั้นก็ค่อยส่งให้กับเจ้าของเหมือนเดิม เพื่อเป็นการสานสัมพันธ์ให้กับทั้งสองตระกูล

ไม่ว่าความสัมพันธ์จริงๆ ของทั้งสองคนจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะทำเป็นปรองดองทั้งที่แตกแยกกันไปแล้วหรือไม่ แต่อย่างไรพออยู่ข้างนอกแบบนี้ก็จะต้องทำเป็นรักกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

แค่เรื่องที่เจียงเซ่อ จางจิ้งอานและหลิวเย่ร่วมเดินพรมแดงด้วยกัน ขอแค่หัวข้อข่าวนี้ได้แพร่ออกไปมันก็เพียงพอที่จะได้ขึ้นอยู่ในหัวข้อข่าวบันเทิงในวันพรุ่งนี้แล้ว

“ฉันเข้าใจค่ะ”

ความสัมพันธ์ที่แสนซับซ้อนเหล่านั้น ไม่จำเป็นต้องให้เซี่ยเชาฉวินมาอธิบาย เจียงเซ่อก็เข้าใจมันดี เธอก้มหน้าลง แล้วกำใบรูปภาพในมือเอาไว้แน่น

“ก็แค่รู้สึกเสียดายก็เท่านั้นเอง”

เซี่ยเชาฉวินไม่ค่อยเข้าใจนักว่าเธอกำลัง ‘เสียดาย’ อะไร แต่หล่อนก็สัมผัสถึงความผิดหวังในน้ำเสียงของเธอได้ ราวกับว่าเธอกำลังเสียดาย แต่พอลองคิดๆ ดูแล้วเซี่ยเชาฉวินก็คิดว่าความรู้สึกเหล่านั้นหล่อนคงจะรู้สึกไปเองละมั้ง