webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

358

บทที่ 358 เป็นที่สนใจ

เฝิงหนานไม่ได้อยู่ไกลจากเจียงเซ่อเท่าไหร่นัก แต่เฝิงหนานคิดว่าการที่ตัวเองโดนนักข่าวคั่นกลางเอาไว้หลายชั้นแบบนี้ มันยิ่งเหมือนทำให้ระหว่างหล่อนกับเจียงเซ่อไกลห่างกันเรื่อยๆ หล่อนพยายามเก็บสีหน้าเอาไว้ แต่ในใจมันกำลังมีความสิ้นหวังที่เข้าครอบงำให้จมดิ่งลงเรื่อยๆ

“ผู้กำกับจาง หนังเรื่องต่อไปของคุณจะมีการร่วมงานกันกับหลิวเย่และเจียงเซ่ออย่างนั้นหรือครับ......”

“ผู้กำกับจางคะ ช่วยเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนหนังเรื่องต่อไปได้ไหมคะ?”

“ผู้กำกับจาง......”

เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคำถามของพวกนักข่าวก็ยังถูกถามไปเรื่อยๆ รอยยิ้มของเจียงเซ่อและองศาการเอียงตัวนั้นพอดีกับเหล่านักข่าวและช่างภาพมากๆ

จางจิ้งอานแตะลงบนไมค์หลายอันที่ยื่นมา และเตรียมตัวที่จะตอบ

“หลิวเย่เป็นนักแสดงที่ดี ผมกับเขาก็เคยร่วมงานกันมาครั้งหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าคงไม่มีทางเอาออกจากการตัดสินใจในครั้งนี้ครับ”

พอจางจิ้งอานตอบออกมาแบบนั้น คนรอบๆ ก็พากันเงียบลง นักข่าวหยิบสมุดและปากกาขึ้นมาจด หลายๆ คนพากันจดคำพูดของเขาเอาไว้ จากนั้นเขาก็หันไปมองเจียงเซ่อ

“เจียงเซ่อเองก็ตั้งใจทำงาน ตอนที่ผมถ่ายเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ผมเองก็สังเกตดูเธอมาสักพักแล้ว ถือว่าเป็นนักแสดงที่มีความสามารถโดดเด่น”

การตอบคำถามพอเป็นพิธีแบบนี้ถือว่าจางจิ้งอานเป็นมืออาชีพมากๆ เขาตอบแค่ไม่กี่คำก็สามารถหยุดพวกคำถามของนักข่าวไปได้แล้ว

แต่พวกนักข่าวเองก็ไม่ยอมแพ้หลังจากที่โดนตอบปัดมาแบบนั้น จึงเลือกที่จะหันไปถามเจียงเซ่อแทน

“หลังจากถ่ายเรื่อง ‘Evil’ เสร็จแล้ว ก็ดูเหมือนว่าเจียงเซ่อจะไม่ได้รับงานใหม่ๆ เลย หรือว่ากำลังใช้เวลาในการเตรียมตัวที่จะถ่ายหนังเรื่องใหม่ของผู้กำกับจางหรือเปล่าคะ?”

พอดาราสาวคนอื่นที่ยืนรออยู่ไกลๆ นั้นได้ยินแบบนั้น ก็พากันกัดฟันแน่น

เจียงเซ่อตอบกลับ

“หลังจากที่ถ่ายเรื่อง ‘Evil’ เสร็จ ฉันก็ได้ไปฝึกงานกับเพื่อนๆ และศาสตราจารย์ของทางมหาวิทยาลัยค่ะ ส่วนเรื่องงาน ก็เป็นหน้าที่ของพี่เชาชวินในการจัดวางแผน......”

เธอโยนคำถามเหล่านั้นไปที่เซี่ยเชาฉวินแทน ทำเอานักข่าวหลายๆ คนพากันปวดหัว

ถึงแม้ว่าเจียงเซ่อจะยังดูอายุน้อย แต่การตอบคำถามกลับมีความมั่นคงและหนักแน่นไม่น้อย อีกทั้งเธอยังไม่โดนพวกนักข่าวทำให้ตื่นตระหนกอีกด้วย แถมยังพูดตอบได้อย่างฉะฉาน

ทุกคนที่ได้ยินเธอตอบแบบนั้นแล้ว ก็หันหน้าไปมองเซี่ยเชาฉวินทันที

ท่ามกลางแสงไฟที่ส่องสว่าง เซี่ยเชาฉวินยืนกอดอก ด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง

หล่อนอยู่ในชุดสูทสีขาวทั้งชุด ตัวสูงโดดเด่น บุคลิกและออร่าเปล่งประกายไม่แพ้ดาราข้างกายเลย เหมือนจะยิ่งกว่าแต่ก็ยังไม่ใช่

การที่เป็นถึงผู้จัดการมือทองของซื่อจี้หยินเหอ เซี่ยเชาฉวินเองก็มีคอนเนคชั่นที่กว้างขวาง อีกทั้งยั้งมีฐานะครอบครัวเป็นถึงตระกูลที่มีสกุลสูงของฮ่องกง แน่นอนว่าต้องมีพวกดาราระดับสองมาคอยประจบประแจงคอยเอาใจ แต่เพราะบุคลิกของหล่อน ทำให้ไม่ใครสามารถชวนหล่อนสนทนาได้เลยสักคน

เหล่าสื่อต่างๆ ในวงการบันเทิงเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วที่จะต้องติดต่อกับหล่อน และต่างก็รู้ว่าอย่าได้คิดไปไล่ถามในสิ่งที่หล่อนไม่อยากจะตอบเป็นอันขาด

ตอนที่นักข่าวหันไปหาหล่อน สีหน้าของหล่อนก็นิ่งๆ ไม่พูดอะไรออกมา

พอเจียงเซ่อพูดแบบนั้น คำถามของนักข่าวเหล่านั้นก็เป็นอันตกไปในทันที แต่ก็ยังไม่คิดที่จะยอมแพ้กันอยู่ดี จึงหันไปถามจางจิ้งอานต่อ

“ดูผู้กำกับจางประทับใจเจียงเซ่อขนาดนี้ หนังเรื่องใหม่ในอนาคต ได้มีการพิจารณาถึงบทที่เหมาะกับเจียงเซ่อบ้างหรือเปล่าคะ?”

อย่างไรเสียในคืนนี้จางจิ้งอานก็ได้ทำในสิ่งที่กล้ามากไปแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร แต่พูดไปคนพวกนี้ก็คงไม่มีทางเชื่อกัน

“ถ้าหากมีโอกาส ผมก็คงไม่มีทางปฏิเสธนักแสดงที่โดดเด่นขนาดนี้หรอกครับ”

คำตอบของจางจิ้งอานแทบจะไม่มีช่องโหว่ แต่นักข่าวก็ยังไม่ยอมแพ้ อยากจะไล่ต้อนถามให้ได้ แต่เขาก็ยื่นไมค์ไปทางหลิวเย่ที่อยู่ข้างๆ แทนแล้ว เป็นการแสดงออกมาว่าเขาจะไม่ตอบคำถามเรื่องนั้นอีก

นักข่าวต่างพากันเสียดาย แต่ก็หันไปให้ความสนใจต่อหลิวเย่และเจียงเซ่อแทน

“ทั้งหลิวเย่และเจียงเซ่อต่างก็เคยร่วมงานกันในหนังเรื่อง ‘Evil’ ไปครั้งหนึ่งแล้ว แล้วมีโอกาสที่ทั้งสองคนจะกลับมาร่วมงานด้วยกันอีกไหมคะ?”

“การที่ได้ร่วมงานกับเจียงเซ่อเป็นอะไรที่สบายใจมากเลยครับ ก็อย่างที่ผู้กำกับจางพูด เจียงเซ่อเป็นคนตั้งใจทำงาน ถ้าหากว่ามีโอกาส และมีบทหนังที่เหมาะสม ผมเองก็คงไม่ปฏิเสธที่จะร่วมงานกับเจียงเซ่อ”

ท่ามกลางกลุ่มคน เฝิงหนานเริ่มที่จะปั้นรอยยิ้มเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ในใจของหล่อนมันหนักอึ้งไปหมด เหมือนมีหินก้อนใหญ่ๆ มากดทับมันเอาไว้

ยิ่งเห็นว่าเจียงเซ่อเป็นจุดสนใจและโดดเด่นมากเท่าไหร่ หล่อนก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากเท่านั้น

ทั้งๆ ที่เห็นอยู่แล้วว่าตั้งแต่เกิดมาใหม่หล่อนมีจุดเริ่มต้นที่สูงกว่าเธอดีกว่าเธอ มีทั้งชาติตระกูล และฐานะที่สูงส่ง แต่ในตอนนี้กลับเป็นเจียงเซ่อที่ได้รับความนิยมมากกว่าหล่อนมากมาย

ฆาตกรฆ่าคนแบบนี้น่ะ ไม่ควรที่จะได้รับความโชคดีอะไรแบบนี้เลยด้วยซ้ำ!

หลิวเย่ยังคงตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม จนกระทั่งหยางป๋อซีผู้จัดการของเขายกสัญญาณมือขึ้นมา เขาถึงได้เปลี่ยนหัวข้อเรื่องไปคุยเกี่ยวกับงานการกุศลในค่ำคืนนี้ทันที เพื่อไม่ให้ได้มีโอกาส ได้ถามเรื่องที่จะร่วมงานหนังใหม่กับจางจิ้งอานและเจียงเซ่ออีก

หลังจากผ่านการสัมภาษณ์สั้นๆ ไปแล้ว ทุกคนก็ค่อยๆ ทยอยเข้าไปในงานกัน

ตอนนี้พิธีกรดำเนินงานได้ขึ้นไปบนเวทีแล้ว จากนั้นก็เชิญประธานผู้จัดงานเลี้ยงการกุศล ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ ขึ้นมากล่าวเปิดเล็กน้อย โม่อานฉีที่นั่งกับเจียงเซ่ออยู่ข้างล่างก็คอยกระซิบบอกเธอไปด้วยว่าดาราที่มาวันนี้เอาอะไรมาบริจาคกันบ้าง

ดาราส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วเอาพวกของใช้ เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่พอเทียบราคากันแล้วก็สูสีกันไม่น้อย “ส่วนประธานงานเส้าฉุนจิ่นของ ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ บริจาคเป็นของโบราณชิ้นหนึ่ง กระถางกำยานไม้จันทร์ในสมัยปลายราชวงศ์ชิง ได้ยินมาว่าราคาเหยียบสองล้านเลยนะ”

ของแบบนั้น ถ้าเป็นในงานเลี้ยงการกุศลแบบนี้แล้ว ก็คงจะเป็นของที่แพงที่สุดแล้วละมั้ง “ว่ากันว่าพวกเหล่าผู้จัดการคนเก่าคนแก่ที่ถูกเชิญมา ต่อก็สนใจเข้ากระถางกำยานไม้จันทร์นี่มาก”

โม่อานฉีสะบัดข้อมูลที่อยู่ในมือเล็กน้อย หลังจากที่ทุกคนเข้ามาในงานแล้ว เหล่าผู้ที่มีชื่อเสียง และดาราทั้งหลายต่างก็ได้รับจดหมายข้อความเกี่ยวกับของที่ทุกคนนำมาบริจาคกันแล้ว

เจียงเซ่อเปิดดูจนถึงหน้าที่มี ‘กระถางกำยานไม้จันทร์’ ที่โม่อานฉีพูดถึงแล้ว พอมองดูก็ได้แต่ต้องยอมแพ้

ยวี๋เว่ยนักจัดการบัญชีของเธอให้งบมาประมูลของมากที่สุดแค่แปดแสนเท่านั้น แต่แค่ราคาของกระถางไม้จันทร์อันเดียวก็ปาเข้าไปสองล้านแล้ว ในโอกาสแบบนี้ อย่างต่ำที่สุดของมาตรฐานที่ต้องประมูลได้ก็ต้องเป็น 30% ของราคาจริงๆ ของมัน และนั่นมันก็เกินงบของเธอไปมากโขแล้ว

ยิ่งบวกกับตอนนี้ฐานะของเจียงเซ่อก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรแล้วด้วย ก็ต้องเป็นไปแค่ตามกำลังของตัวเอง เพราะอย่างนั้นของชิ้นนี้เธอจึงไม่คิดที่จะไปร่วมประมูลด้วยแน่นอน คงต้องหาอันอื่นที่น่าสนใจแทน

“นอกจากนี้ ของที่ดึงดูดสายตาของผู้คนมากที่สุด ก็คงจะเป็นของเฝิงหนาน”

ตอนที่โม่อานฉีพูดถึงเฝิงหนาน หล่อนก็ขมวดคิ้วทันที

ก่อนหน้านี้เฝิงหนานเคยมีท่าทีที่แปลกประหลาดต่อเจียงเซ่อมาโดยตลอด ทำให้โม่อานฉีรู้สึกไม่ค่อยชอบหล่อนเท่าไหร่ “ของที่หล่อนเอามาบริจาคคือ ผลงานชิ้นหนึ่งของศิลปินปรมาจารย์โอวเมี่ยวเซิง เป็นของที่แพงเป็นอันดับสองในงานคืนนี้”

โอวเมี่ยวเซิงเซียนวาดภาพจีน หลังจากที่ลาโลกไปก็ทิ้งผลงานที่มีค่าอย่างมากมายเอาไว้

ราคาตามท้องตลาดก็อยู่ที่หลักแสน แต่ทว่าถ้าหากรูปแบบนั้นได้ตกไปอยู่ในมือของคนที่ชอบฝีมือการวาดภาพแล้วจริงๆ ก็คงไม่มีทางเอามาบริจาคแบบนี้แน่ๆ

ก่อนที่เจียงเซ่อจะมาเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เธอเก็บสะสมรูปของโอวเมี่ยวเซิงเอาไว้อยู่สามรูปด้วยกัน แต่ตอนนี้กลับโดนเฝิงหนานเอามาขายประมูล มันก็คงไม่พ้นหนึ่งในสามรูปที่เธอสะสมเอาไว้

พอคิดได้แบบนั้น เจียงเซ่อก็สูดหายใจเข้าลึก ถึงแม้จะรู้ว่าตั้งแต่ที่มาเกิดใหม่ ไม่ว่า ‘เฝิงหนาน’ จะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับเธออีกต่อไปแล้ว หล่อนได้ร่างกายและฐานะของ ‘เฝิงหนาน’ ไปแล้ว แน่นอนว่าของของเฝิงหนานก็ต้องเป็นของหล่อนไปด้วย แต่พอเฝิงหนานมาแตะต้องกับของของที่ตัวเองเคยสะสมเอาไว้แล้วจริงๆแบบนี้ เจียงเซ่อก็ยังอดไม่ได้ที่จะเกิดความไม่พอใจขึ้นมา มือที่กำลังเปิดข้อมูลดูชะงักไปในทันที

โม่อานฉีเองก็สัมผัสได้ว่าเจียงเซ่อถอนหายใจ จึงคิดว่าเธอเองก็คงกำลังตกใจกับของที่เฝิงหนานเอามาบริจาคเช่นกัน

“อย่างนี้หล่อนก็คงเป็นจุดเด่นในงานไม่น้อยเลยละมั้งเนี่ย”