webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

357

บทที่ 357 จุดประสงค์

ข้างชายหนุ่มคนนั้นมีเพื่อนอีกคนคอยผลักคอยดันเอาไว้ ที่จริงเขาต้องการสารภาพกับเจียงเซ่อ แต่ก็เหมือนแค่ต้องการตะโกนกันเล่นๆ กับเพื่อนเท่านั้น ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าเจียงเซ่อจะหันมาสนใจ

เพื่อนคนนั้นจ้องเขาด้วยความอิจฉา ก่อนจะรีบโบกมือให้เจียงเซ่อ พลางหันไปมองชายหนุ่มด้วยความอิจฉาสุดๆ

“เจียงเซ่อเห็นแกแล้วนะ”

ชายหนุ่มคนนั้นเดินมาพร้อมๆ กันกับเพื่อน ที่จริงพวกเขาตั้งใจมาดูดาราผู้หญิงคนอื่น แต่ตอนนี้สายตาของเจียงเซ่อกลับทำให้เขารู้สึกใจพองโตและมีความอยากโอ้อวดไปหมด จึงตะโกนขึ้นอีกรอบหนึ่ง

“เจียงเซ่อ ผมรักคุณ ผมติดตามคุณมาห้าปีแล้วครับ!”

พอเขาตะโกนจบ คนรอบๆ ก็พากันหัวเราะขึ้นมา และเริ่มมีคนตะโกนตามๆ กัน อีกทั้งยังเลียนแบบประโยคพูดของเขาอีกด้วย

“เจียงเซ่อ ผมชอบคุณ ผมติดตามคุณมาห้าปีแล้วครับ / เจียงเซ่อ ฉันชอบเธอ ฉันติดตามเธอมาห้าปีแล้วนะ!”

ท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่องไปทั่ว ผิวกายของเจียงเซ่อขาวราวกับเครื่องเคลือบชิ้นดี ดูเกลี้ยงเกลาเนียนละเอียดมากๆ เมื่อกระทบกับแสง

“ขอบคุณนะคะ แต่ว่าฉันเพิ่งจะเข้าวงการมาได้ไม่ถึงสี่ปีเองค่ะ”

พอเธอพูดจบ โม่อานฉีที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหลุดขำออกมา

เซี่ยเชาฉวินเห็นแบบนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะยื่นมือไปประคองเธอ แล้วพูดขึ้นด้วยความเหนื่อยหน่าย

“เธอก็พูดตรงไปหน่อยนะ”

เหล่าสื่อนักข่าวที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้เช่นกัน

เถาเถาที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มนักข่าว ก็หลุดหัวเราะออกมาเสียยกใหญ่

หล่อนนึกถึงตอนที่ตัวเองเคยได้ไปสัมภาษณ์เจียงเซ่อ เธอไม่ได้มีนิสัยที่ยกตัวเองขึ้นสูงจนคนอื่นตีสนิทด้วยไม่ได้ บางครั้งที่เธอพูดอะไรออกมา ก็ทำให้รู้สึกขบขันได้ไม่น้อย

ช่างภาพที่เพิ่งจะเก็บรูปได้มาสดๆ ร้อนๆ พอชายหนุ่มที่ทำใจกล้าตะโกนบอกรักได้ยินเจียงเซ่อพูดแบบนั้น หน้าก็แดงเถือกไปหมด

ที่จริงเขาไม่ใช่แฟนคลับของเจียงเซ่อ ตอนที่ตะโกนบอกรักออกไปก็พูดไม่มั่วๆ แต่การที่เธอตอบเขากลับมานั้นก็ทำให้รู้สึกแปลกใจไม่น้อย

เจียงเซ่อหันไปแล้ว แต่พอเขานึกถึงท่าทางการพูดตอบของเธอเมื่อครู่แล้ว ในใจมันก็เหมือนมีกระต่ายกระโดดไปมาดัง ‘ตึกๆๆ’ ราวกับว่าจะออกมาให้ได้

แฟนคลับหลายๆ คนที่มารอต่างก็พากันหัวเราะเพราะเจียงเซ่อ ถึงขั้นมีบางคนมองเจียงเซ่อในมุมมองใหม่อีกด้วย

“คิดไม่ถึงเลยว่าเจียงเซ่อจะเป็นแบบนี้......”

“เซ่อเซ่อ เธอพูดอะไรตรงจังเลย!”

“……”

ยังมีคนโบกมือให้เจียงเซ่อไม่หยุด แต่เจียงเซ่อก็เดินไปที่หลิวเย่และจางจิ้งอานเสียแล้ว

“ผู้กำกับจาง”

เธอกล่าวทักทายจางจิ้งอานโดนการกอดอย่างง่ายๆ ตอนที่เธอคุยกับคนพวกนั้นก่อนหน้านี้จางจิ้งอานเองก็เห็นหมดแล้ว ทำให้จางจิ้งอานที่ได้เห็นเจียงเซ่อในอีกมุมมองหนึ่งยิ้มหัวเราะขึ้นมา

“เพิ่งเข้าวงการมาได้สี่ปี แต่พัฒนาไปเยอะเลยนะเนี่ย”

“นั่นก็เพราะว่าผู้กำกับจางได้ให้โอกาสฉันในตอนนั้น ให้ฉันได้แสดงเป็นหนึ่งในตัวละครของคุณ ถึงได้มีฉันในวันนี้” เจียงเซ่อเอ่ยตอบอย่างจริงใจ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้เจอกับจางจิ้งอาน ตอนที่ถ่ายทำเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ก็ยังเคยถูกเขาเรียกชื่อมาแล้ว และได้มีโอกาสในการแสดงบทตัวประกอบมีบทพูด จากนั้นทั้งสองคนก็ได้เจอกันอีกครั้งในงานหนังภาพยนตร์หัวเซี่ย แต่ได้เจอหน้าพูดคุยกันตรงๆ ก็เพิ่งจะเป็นครั้งแรก

เธอไม่ได้หลีกเลี่ยงทำเป็นลืมว่าตัวเองเคยเล่นเป็นตัวประกอบ ทั้งๆ ที่ถึงแม้ตอนนี้เธอจะมีชื่อเสียงโด่งดังแล้วก็ตาม

จางจิ้งอานเผยรอยยิ้มออกมา “ใครๆ ก็มีโอกาสได้ แต่ใครจะคว้ามันได้ก็ต้องดูเป็นรายคนไป”

นักข่าวที่ยืนอยู่ไกลๆ นั่นต่างพากันถ่ายรูปไม่หยุด เถาเถาที่หัวเราะเสร็จแล้ว ทันทีที่เห็นว่าเจียงเซ่อเดินไปหาหลิวเย่และจางจิ้งอานแล้ว หล่อนก็เริ่มปรับอารมณ์ปรับสติให้กลับมาเหมือนเดิม

ในมือถือหัวหน้าก็ส่งข้อความมาเป็นสิบแล้ว ทั้งๆ ที่มีมือถือคั่นกลาง แต่หล่อนกลับรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงตะโกนของหัวหน้าดังออกมาจากในนั้น

เธอยกมือถือขึ้น แล้วถ่ายรูปเจียงเซ่อ จางจิ้งอานและหลิวเย่คู่กันเรียบร้อยแล้ว ก็คงไม่ต้องพิมพ์บอกอะไรอีกมากมาย เพราะแค่รูปๆ นี้ก็พอที่จะยืนยันอะไรได้หลายๆ อย่างแล้ว

ก่อนหน้านี้คิดว่าสำนักข่าวหลงสิงก็แค่สร้างเรื่องสร้างกระแสเท่านั้น สร้างข่าวขึ้นมามั่วๆ เพื่อที่จะดึงดูดให้พวกชาวเน็ตเข้ามาสนใจ แต่ตอนนี้หลังจากที่ได้รู้ได้เห็นแล้ว ก็ดูท่าว่าข่าวที่สำนักข่าวสิงหลงลงเอาไว้ น่าจะเป็นความจริงเสียแล้ว

หลายๆ คนพากันกระทืบเท้าเงียบๆ เสียดายที่ไม่ได้ส่งรูปถ่ายเหล่านั้นกลับไปทางสำนักข่าว แต่มาคิดได้ก็สายไปแล้ว

ข่าวใหญ่ในครั้งนี้ กลับโดนสำนักข่าวหลงสิงแย่งไปได้ แถมยังเรียกความสนใจและเรียกการพูดถึงได้อย่างมาก

ในตอนที่ภาพเจียงเซ่อและจางจิ้งอานถูกถ่ายเอาไว้แล้วปล่อยออกไป เหล่าชาวเน็ตต่างก็พากันแปลกใจไม่น้อย ครั้งนี้ที่สำนักข่าวหลงสิงและเถาเถาที่ชิงข่าวนี้มาได้ก่อน ก็ทำให้พวกชาวเน็ตเริ่มจะสนใจขึ้นมาไม่น้อย

ในสถานการณ์แบบนี้ แน่นอนว่าจะต้องมีการพูดถึงการร่วมงานกันขึ้นมาจริงๆ แล้ว ทั้งจางจิ้งอานและหลิวเย่ต่างก็เชื้อเชิญให้เจียงเซ่อมาร่วมเดินพรมแดงด้วยกัน มันก็ยังเป็นแค่สัญญาณแรกเท่านั้น

ในตอนที่เจียงเซ่อคล้องแขนของทั้งสองคนเข้ามา เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องเกิดเสียงฮือฮาขึ้น และนี่ก็ยิ่งเหมือนเป็นการยืนยันกับข่าวการเดาของสำนักข่าวหลงสิงในก่อนหน้านี้กันอย่างโต้งๆ กระทั่งเดินพรมแดงเสร็จแล้วก็มีการสัมภาษณ์สั้นๆ หลังจากนั้น เหล่านักข่าวพากันกรูขึ้นไป แล้วรีบพากันแทรกไมค์ไปตรงหน้าจางจิ้งอาน

ด้านหลังมีบอร์ดที่มีคำว่า ‘หัวเซี่ยเปล่งประกาย’ เด่นหรา นักข่าวหลายคนนั่งยองๆ ลงตรงหน้าจางจิ้งอาน ทางผู้จัดงานที่จะเดินมาเชิญดารานักแสดงให้เข้าไปในงานก็โดนนักข่าวล้อมตัวจนต้องยืนดูทั้งสามคนไปด้วย

“ผู้กำกับจางคะ ขอถามหน่อยนะคะ การที่ผู้กำกับจางเดินควงแขนเข้างานพร้อมๆ กับหลิวเย่และเจียงเซ่อเข้างานการกุศล ‘หัวเซี่ยเปล่งประกาย’ แบบนี้ หรือว่ากำลังวางแผนที่จะร่วมงานกับเจียงเซ่อหรือเปล่าคะ?”

“ผู้กำกับจางครับ ข่าวบนอินเทอร์เน็ตที่ว่าคุณกำลังสนใจที่จะร่วมงานกับหลิวเย่และเจียงเซ่อในหนังเรื่องใหม่ เป็นความจริงหรือเปล่าครับ?”

“ขอถามหลิวเย่หน่อยนะคะ ข่าวบนเน็ตที่ว่าคุณกับเจียงเซ่อจะมีการร่วมงานกันอีกครั้ง คุณรู้สึกอย่างไรกับข่าวที่ออกมาแบบนั้นคะ?”

“ขอถามคุณเจียงหน่อยครับ......”

รอบวงนักข่าว มีดาราหลายคนที่กำลังมองมาด้วยสายตาที่พยายามจะซ่อนความอิจฉาเอาไว้ให้ได้ อีกด้านหนึ่งก็มีดารานักแสดงเต็มไป เป็นเหมือนดาวที่ส่องประกายระยิบระยับ แต่สายตาของนักข่าวกลับมองแต่จางจิ้งอาน หลิวเย่และเจียงเซ่อสามคนนี้เท่านั้น และไม่มีท่าทีว่าจะหันมาสนใจดาราคนที่เหลือและผู้ดำเนินงานเลยสักนิด

ทุกคนเหมือนถูกดันออกไปจนกลายเป็นแค่ตัวประกอบ แต่ก็ยังต้องปั้นหน้ายิ้มเอาไว้ตลอด

หลายๆ คนอยากจะเป็นเหมือนเจียงเซ่อในตอนนี้ที่โดนนักข่าวล้อมตัวเอาไว้แบบนั้น เธอยืนอยู่ตรงกลางระหว่างจางจิ้งอานและหลิวเย่ วาดรอยยิ้มได้อย่างเต็มที่ ได้อยู่ตรงหน้ากล้องไมค์มากมาย ไม่ต้องพูดอะไรมากมาย ปล่อยให้หน้าที่ตอบคำถามเป็นของจางจิ้งอานและหลิวเย่ก็พอ

แต่ก็เพราะว่าเธอไม่ได้พูดอะไรเลยสักอย่าง ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่มีนักข่าวคนไหนที่จะละสายตาไปจากเธอได้เลย

ในงานการกุศลในคืนนี้ เธอเหมือนเป็นตัวเอกของงาน ถ้าหากว่าเธอได้ร่วมงานกับหลิวเย่เป็นรอบที่สองจริงๆ และหากการร่วมงานในครั้งนี้ได้ร่วมงานกับผู้กำกับที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างจางจิ้งอานแล้วด้วยนั้น นั่นก็พอที่จะเพิ่มคุณสมบัติในการอยู่ในวงการบันเทิงให้เธอได้มากแล้ว

ท่ามกลางฝูงชน เฝิงหนานเม้มปากแน่น นิ้วมือกำรอบกระเป๋าถือแน่น ราวกับว่าจะบีบของในมือให้แตกให้ได้

ในตอนที่สำนักข่าวหลงสิงอะไรนั่นลงข่าวว่าเจียงเซ่อและจางจิ้งอานจะมีการร่วมงานกันอีกครั้งนั้น หล่อนก็ยังได้แต่ทำเป็นปลอบใจตัวเองว่ามันก็เป็นแค่นักข่าวที่อยากจะเรียกร้องความสนใจจากคนดูเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องไปหาอะไรมายืนยันว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้เจียงเซ่อกลับกำลังยืนอยู่ข้างๆ จางจิ้งอาน นักข่าวจำนวนมหาศาลกำลังพากันสัมภาษณ์เธอ ในสถานการณ์แบบนี้ เฝิงหนานไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีกแล้วว่าข่าวบนอินเทอร์เน็ตนั้นเป็นแค่เรื่องกุขึ้นมา

จางจิ้งอานอาจกำลังวางแผนที่จะร่วมงานกับเธอจริงๆ ก็ได้ ไม่อย่างนั้นในสถานการณ์แบบนี้ จางจิ้งอานผู้ที่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปแบบนี้ จะยอมให้พวกนักข่าวมาถ่ายรูปทำไมกัน?