บทที่355 แตกต่าง
รถข้างหน้าต่อแถวยาวเหยียดเป็นมังกรตัวหนึ่ง หล่อนติดอยู่ตรงกึ่งกลางของแถว หูก็ได้ยินแต่เสียงแฟนคลับตะโกนร้องเรียกและเสียงช่างภาพที่พากันรัวชัตเตอร์ ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นคนในรถ และถึงแม้ว่ากลุ่มแฟนคลับกับนักข่าวข้างนอกนั่นจะไม่ได้กำลังให้ความสนใจหล่อนก็ตาม
เฝิงหนานรู้สึกหงุดหงิด ระยะเวลาที่หล่อนเข้าวงการมาก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว เกิดใหม่ในร่างนี้ก็สองสามปีมาแล้ว อายุอานามหล่อนก็ไม่ใช่น้อยๆ เช่นกัน แต่หน้าที่การงานกลับไม่มีอะไรดีขึ้นเลยสักอย่าง
ต้นทุนเธอก็ไม่เลว พอได้มาเกิดใหม่ก็ได้ต้นตระกูลและฐานะตามที่เคยคาดหวังเอาไว้ หนังเรื่องแรกที่ได้เล่นก็เป็นถึงหนังของจางจิ้งอานอย่างเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ อีกทั้งหล่อนเองก็ยังเป็นถึงคุณหนูเศรษฐีตระกูลเฝิงที่มีชื่อเสียงอีกด้วย
แต่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หล่อนก็ไม่มีผลงานใหม่ๆ ออกมาอีกเลย
ใช่ว่าไม่เคยมีคนมาหาหล่อน ก่อนหน้านี้หลังจากที่หนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ เข้าฉายไป ก็มีผู้สร้างหลายๆ คนสนใจที่จะส่งเสริมและสนับสนุนหล่อน แต่เฝิงหนานนั้นคิดแต่จะใช้ความสะดวกสบายของชีวิตที่ได้มาเกิดใหม่ จึงสละงานทั้งหมดที่เข้ามาไปเกือบครึ่ง
ดังนั้นบทหนังทั้งหลายที่ถูกส่งมาให้หล่อน หนังหลายๆ เรื่องนั้นก็ได้ถูกหล่อนปฏิเสธไปหมดแล้ว
เป้าหมายที่หล่อนเปิดบริษัทลงทุนด้วยตัวนั้น ก็เพื่อที่จะเอามันไปลงทุนกับหนังต่างๆ ที่ได้รับคำสรรเสริญชื่นชมมากมายในอดีตที่หล่อนจำได้ แต่ทว่าเรื่องทั้งหมดจนมาถึงตอนนี้ กลับไม่มีอะไรราบรื่นอย่างที่หล่อนคิดและคาดหวังเอาไว้เลยสักนิด
โลกก่อนหน้านี้เห็นคนอื่นเปิดบริษัทกันอย่างง่ายดาย แต่พอเฝิงหนานคิดจะทำเองดูบ้าง กลับได้รู้ว่าแต่ละก้าวมันยากมากแค่ไหน
การลงทุนก่อนหน้านี้ก็มีปัญหาเกิดข้อผิดพลาด ต่งหมิงเซิงที่เคยสัญญาว่าจะช่วยลงทุนกับหนังเรื่องใหม่ของหล่อนก็เกิดถอนตัวกะทันหัน ทำเอาหล่อนต้องร้อนรนจนทำอะไรแทบไม่ถูก
แต่อย่างไรในโลกก่อนหน้านี้หล่อนก็เป็นนักแสดงคนหนึ่ง เรื่องการแสดงเฝิงหนานเองก็มีประสบการณ์อยู่บ้าง
แต่พอพูดถึงเรื่องถ่ายหนัง หล่อนก็เป็นเหมือนคนนอกดีๆ นี่เอง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกทีมงานในกองถ่าย และคนงานว่าจ้างต่างๆ ทุกๆ อย่างล้วนแล้วต้องให้หล่อนเป็นคนจัดการเองทั้งหมด แล้วยังมีขึ้นตอนการผลิต การตัดต่ออีกมากมายที่ต้องไปจ้างบริษัทผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้มาทำ
ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาหล่อนไม่เคยมีประสบการณ์ในการร่วมงานทางด้านนี้กับคนอื่นมาก่อน เฝิงหนานเองก็ต้องทุ่มกายทุ่มใจเป็นอย่างมากกว่าจะเข้าใจมันทุกอย่าง
เรื่องจุกจิกหยุมหยิมที่ต้องจัดการเหล่านี้นี่เอง ที่ทำให้การถ่ายหนังของหล่อนต้องเสียเวลาไป
หล่อนเข้ามาอยู่ในวงการนี้มาตั้งกี่ปีแล้ว เทียบกับคนที่เข้ามาพร้อมกันอย่างเจียงเซ่อ เธอกลับไม่ขาดอะไรเลย ทั้งบริษัทสังกัด ต้นทุน คอนเนคชั่น จนได้เป็นถึงนางเอกแนวหน้าไปแล้ว
ตอนแรกจุดเริ่มของเจียงเซ่อด้อยกว่าหล่อนมาก เริ่มจากการเล่นหนังเรื่องเดียวกันกับหล่อน เจียงเซ่อได้แสดงแค่บทตัวประกอบ แต่หล่อนได้เล่นเป็นถึงนักแสงดสมทบหญิงที่มีบทพูดด้วย
แต่ทว่าในตอนนี้ นอกจากเจียงเซ่อจะได้โด่งดังจากการเล่นหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ แล้ว ก็ยังมีเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ อีก การที่ได้หนังที่กระแสดีอย่างนี้มา ชื่อเสียงที่ได้จากปีที่แล้วไม่สามารถเทียบกับในอดีตได้อีก
เมื่อเทียบกันแล้ว ในสายตาของผู้ชมคนดูที่มีต่อเฝิงหนานนั้น ก็มีแค่บท ‘คุณหนูเอกุชิ’ ในเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ เท่านั้นแหละ
และเพราะว่าหล่อนมาเล่นหนังเรื่องนี้ ถึงได้ต้องทะเลาะกับเฝิงจงเหลียงจนแทบจะเข้าหน้าไม่ติดแล้ว ไอ้แก่นั่นยังไม่เคยจะแสดงสีหน้าดีๆ กับเธอเลยสักครั้งเดียว
พอคิดได้อย่างนั้น ในใจของเฝิงหนานมันก็เหมือนมีไฟปะทุขึ้นมาอย่างเดือดดาล
“พี่เย่......หลิวเย่......”
ข้างหน้ามีเสียงกรีดร้องขึ้นมา ดูเหมือนว่าหลิวเย่จะออกมาแล้ว แต่ในสถานการณ์แบบนี้ หล่อนที่นั่งอยู่ในรถไม่มีทางที่จะเห็นข้างนอกได้อย่างชัดเจนนัก
“เกิดอะไรขึ้น?”
หล่อนถามออกไป ผู้จัดการส่วนตัวของหล่อนหันไปมองจ้าวจวินฮั่นแวบหนึ่ง
“ให้ฉันไปดูหน่อยดีไหมคะ แต่น่าจะเป็นเพราะหลิวเย่ออกมาแล้ว”
แค่หลิวเย่เดินออกมาแบบนี้ พวกแฟนคลับก็พากันเล่นใหญ่กันแล้ว
เฝิงหนานที่ถึงแม้ว่าสองสามปีมานี้จะไม่ได้มีผลงานใหม่ๆ ออกมาเลย แต่หล่อนก็รู้เรื่องราวต่างๆ ในวงการบันเทิงเป็นอย่างดี
คนที่มีฐานะอย่างหลิวเย่ ตามหลักการแล้วไม่ควรที่จะออกมาโชว์ตัวในเวลาอย่างนี้เลยสักนิด แต่ควรจะเป็นแขกผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้เดินเป็นกลุ่มสุดท้ายมากกว่า ทำไมถึงได้มาปรากฏตัวในเวลานี้กันนะ?
ผู้จัดการส่วนตัวของหล่อนไม่ได้ลงจากรถไป ผู้ช่วยของหล่อนกำลังถือมือถือ ด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก
“คุณเฝิงคะ หลิวเย่กำลังจะร่วมงานกับเจียงเซ่ออีกแล้วค่ะ มีข่าวออกมาแล้ว!”
พอเฝิงหนานได้ยินแบบนั้น กระเป๋าที่อยู่ในมือของหล่อนก็ถูกปัดออกไปทันที!
“เป็นไปไม่ได้!”
หล่อนตะคอกออกมาอย่างโมโห ผู้จัดการส่วนตัวที่นั่งอยู่ข้างหน้าก็เงียบกริบไม่กล้าพูดอะไรออกมา
จ้าวจวินฮั่นที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่พอเห็นเธอระเบิดอารมณ์ออกมาแบบนั้น ดวงตาก็เผยแววดูถูกออกมาทันที
เสียแรงที่เฝิงหนานมีชาติกำเนิดที่ดี แต่พอเข้าวงการบันเทิงได้ไม่กี่ปี กลับเกลือกกลั้วจนกลายเป็นแบบนี้ไปได้
อยากจะได้รางวัล แต่กลับไม่ยอมตั้งใจที่จะเดินตามทางของนักแสดงจริงๆ กลับเอาแต่ไปสนใจกับการเปิดบริษัท เขียนบทหนังเอง แล้วยังหาเรื่องไปจัดการแทรกแซงเรื่องทีมผู้สร้าง ผู้กำกับ นักแสดงและตำแหน่งอื่นๆ อีก จนตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรที่เหนือกว่าคนอื่นเลยสักอย่าง
ตั้งแต่ที่เปิดบริษัทมาจนถึงตอนนี้ ก็ผ่านมาแล้วตั้งหลายปี แต่กลับทำเงินไม่ได้ หนังที่จะถ่ายทำก็มีแต่เรื่องปัญหาตลอด จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีแผนว่าจะเข้าฉาย
เป็นถึงลูกคุณหนูเศรษฐีคนหนึ่ง กลับไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ทั้งๆ ที่อยู่ในที่แบบนี้ก็ยังจะระเบิดความโกรธออกมา
“คุณระวังหน่อยเถอะ ถึงคุณไม่อาย แต่ตระกูลจ้าว ตระกูลเฝิงอาย!”
ข้างนอกรถนั้นไม่ว่าจะบริเวณไหนก็มีแต่นักข่าวเต็มไปหมด ในงานเลี้ยงการกุศลของ ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ ในคืนนี้ ถูกตระเตรียมขึ้นตั้งแต่เมื่อครึ่งปีก่อน สื่อต่างๆ ทั่วทั้งประเทศต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่ตี้ตูแล้ว แล้วนักข่าวพวกนั้นก็แทรกซึมตามช่องตามหลืบทุกซอกทุกมุม นั่นก็เพื่อที่จะรอถ่ายภาพลักษณ์เสียๆ หายๆ ของพวกดารา หูตาเต็มไปหมด
ถึงแม้ว่าเฝิงหนานจะไม่ได้มีชื่อเสียงเท่าไหร่ในวงการบันเทิง แต่ไม่ว่าอย่างไรหล่อนก็เป็นถึงคุณหนูผู้สูงส่งของวิสาหกิจจงหนาน
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าทั้งสองตระกูลยังต้องร่วมมือกันละก็ จ้าวจวินฮั่นเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะมาพร้อมกับเธอแบบนี้หรอก เพราะมีแต่จะขายขี้หน้าเปล่าๆ
ตอนนี้เฝิงหนานไม่มีกะจิตกะใจจะไปเถียงกับเขา เพราะหล่อนจำได้ว่าเมื่อกี้ผู้ช่วยพูดว่ามีข่าว ‘หลิวเย่กำลังจะร่วมงานกับเจียงเซ่ออีกแล้ว’ ออกมา “ใครเป็นคนปล่อยออกมา เชื่อถือได้หรือเปล่า?”
“สำนักข่าวหลงสิงค่ะ”
ผู้ช่วยหล่อนปัดๆ หน้าจอมือถือ แล้วรีบตอบออกไป
“ตอนนี้บนเว็บได้เอาข่าวนี้ขึ้นเป็นหัวข้อข่าวใหญ่แล้วด้วยค่ะ”
เพราะว่าสำนักข่าวหลงสิงเป็นสำนักข่าวแรกที่ได้ปล่อยข่าวนี้ออกไป จึงทำให้กลายเป็นที่สนใจไม่น้อย และกลายเป็นที่คาดเดากันว่าข่าวนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่
“เหมือนว่าก่อนหน้านี้ สำนักข่าวนี่ไม่เห็นจะมีชื่ออะไรเลยนี่”
และเพราะว่าปล่อยข่าวออกไปว่าหลิวเย่กำลังจะมีการร่วมงานกับเจียงเซ่ออีกแล้ว ทำให้การค้นหานั้นเพิ่มจำนวนขึ้นด้วย
“ก็แค่สำนักข่าวเล็กๆ ที่อยากจะลงข่าวเอาใจมวลชนเท่านั้นแหละ คงไม่ใช่ความจริงหรอก”
เฝิงหนานยิ้มเยาะ ผู้จัดการส่วนตัวของหล่อนก้มหยิบกระเป๋าที่หล่อนปัดตกขึ้นมา หล่อนพยายามกดความโมโหของตัวเองลง แต่พอคิดอะไรขึ้นมาได้ ก็ยังหงุดหงิดงุ่นง่านใจอยู่ดี
ไม่ว่าข่าวนั้นจะเป็นความจริงหรือไม่ แต่การที่ชื่อของเจียงเซ่อและหลิวเย่อยู่ด้วยกันแบบนี้ การที่จะได้ขึ้นเป็นหัวข้อข่าวใหญ่ของข่าวบันเทิงเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเอาอะไรมายืนยันว่าเป็นความจริงหรือเปล่า และนั่นก็เหมือนเป็นการเพิ่มชื่อเสียงให้กับเจียงเซ่ออีกด้วย
แต่ถ้าเฝิงหนานอยากจะมีข่าวในตอนนี้ ก็ยังต้องมีการตกลงกับทางสื่อข่าวอีก ถึงจะสามารถปล่อยข่าวออกไปสักเรื่องได้
ยิ่งข่าวที่จะได้ขึ้นเป็นหัวข้อข่าวยิ่งไม่ต้องพูดถึง หล่อนเองก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรที่จะไปแย่งพื้นที่ตรงนั้นมา
เฝิงหนานจึงพับความคิดที่จะสร้างกระแสลง แล้วหันไปกัดฟันพูดกับจ้างจวินฮั่น
“ของที่ฉันบริจาคในวันนี้ คุณคงไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
หล่อนมีแผนว่าจะเรียกความสนใจกลับมาจากผู้คนในงานเลี้ยงการกกุศลของ ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ ในคืนนี้ ก่อนหน้านี้ หล่อนเองก็เคยได้พูดกับจ้าวจวินฮั่นไปแล้ว เธอได้เตรียมของที่จะนำมาบริจาคอยู่หลายอย่าง และให้จ้าวจวินฮั่นเป็นคนประมูลมันกลับมา
การที่ทำแบบนี้ก็ล้วนแล้วได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างชื่อเสียงให้หัวเซี่ยได้รู้จัก
ของที่เฝิงหนานเตรียมมาบริจาคนั้น ล้วนแล้วเป็นสมบัติเก่าของเฝิงหนานที่เก็บรักษาเอาไว้มานานอย่างภาพวาดของศิลปินที่มีชื่อเสียงประเทศ ราคาในท้องตลาดนั้นก็ปาเข้าไปรูปละหนึ่งล้านแล้ว
หล่อนกับจ้าวจวินฮั่นนัดกันเอาไว้ ขอแค่เขาเสนอราคาประมูลสักครึ่งหนึ่งของราคาท้องตลาด ถึงตอนนั้นพวกสื่อก็พร้อมใจกันที่จะลงข่าวไปทั่วแล้ว