บทที่ 354 อีกครั้ง
ตอนที่เซี่ยเชาฉวินถามถึงแผนต่อไปในอนาคตของเขา ก็ยังแกว่งๆ กล่องขนมในมือไปมาด้วย
ตั้งแต่ที่เขามาถึงก็กินขนมที่หล่อนตั้งใจเตรียมมาให้เจียงเซ่อไปครึ่งแล้ว และนั่นก็ถือว่าเป็นการเตือนหลิวเย่นั่นเอง
หลิวเย่ยิ้มแห้ง ก่อนจะค่อยๆ เช็ดมือตัวเอง จากนั้นก็ส่งทิชชู่ให้โม่อานฉีที่นั่งอยู่ในรถ พลางหันไปชื่นชมเจียงเซ่อ
“เซ่อเซ่อคืนนี้เธอสวยมากเลยนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
เซี่ยเชาฉวินยื่นขวดน้ำส่งให้ ฝาขวดถูกเปิดเอาไว้แล้ว เขามองมันแวบหนึ่ง แล้วพูดขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ช่างน่าประทับใจ เชาฉวินช่วยเปิดขวดน้ำให้ฉันด้วยหรือนี่”
เซี่ยเชาฉวินไม่สนใจเขา เขารับน้ำไปดื่มอึกสองอึก ก่อนจะพยายามวางขวดน้ำแร่ลงแค่นั้น
หลังจากนี้ยังต้องไปนั่งในงานเลี้ยงการกุศลอีกตั้งสามชั่วโมง ในสามชั่วโมงนั้นมีสิทธิ์ที่จะถูกเรียกขึ้นไปบนเวทีเมื่อไหร่ก็ได้ แน่นอนว่าจะต้องยอมทนที่จะไม่ขอตัวออกจากงาน เพื่อไปเข้าห้องน้ำแน่ๆ
เขาสอดสายตาไปรอบๆ แสงไฟสาดส่องมาจากทุกทิศทาง ทำให้ได้เห็นสัดส่วนโครงหน้าเขาได้อย่างชัดเจน เขาเท้าข้อศอกลงบนขอบกระจกรถ แล้วก้มตัวลงเล็กน้อย
“บทหนังดีๆ สักเรื่อง เจอง่ายแต่ไม่ได้ได้มาง่ายๆ นี่”
เขายิ้ม เหมือนกับไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
“แต่ตอนนี้ผู้กำกับจางกำลังมีแผนว่าจะทำหนังเรื่องใหม่น่ะ”
พอเขาพูดถึงตรงนี้ ก็จัดๆ โบว์บนคอตัวเอง ยืดตัวตรง
“ผมเห็นตัวบทแล้ว แต่ว่ายังไม่มีการกำหนดนักแสดง”
คำพูดของหลิวเย่ตรงตามที่เซี่ยเชาฉวินและเจียงเซ่อเดาเอาไว้ในตอนแรก เขามาเพราะเหตุผลนี้จริงๆด้วย
เขามาเชิญเจียงเซ่อไปเดินพรมแดงด้วยกันกับตัวเองและจางจิ้งอาน การกระทำแบบนี้จะมีอะไรแอบแฝงหรือไม่ จางจิ้งอานกำลังส่งสัญญาณบอกอะไรหรือเปล่า หรือกำลังสนใจ ที่จะเชิญเธอเป็นหนึ่งในนักแสดงในหนังเรื่องต่อไปของเขากัน?
ถึงแม้ว่าเจียงเซ่อจะมีท่าทีที่สงบ แต่ตอนนี้เธอก็อดที่จะใจเต้นขึ้นมาไม่ได้
พอช่างแต่งหน้าเติมหน้าให้เธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเชาฉวินก็กระซิบข้างหูเธออีกสองสามประโยค
ท่ามกลางสายตาหลายร้อยคู่แบบนี้ รถที่หลิวเย่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ได้เปิดประตูออกมาในที่สุด เหล่าสื่อและกลุ่มแฟนคลับต่างๆ ที่กำลังให้ความสนใจอยู่แล้วก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้นไปอีก พลางพากันยกกล้องขึ้นมาเพื่อที่จะถ่ายรูปกันอย่างบ้าคลั่ง
แต่น่าเสียดายที่คนที่เดินลงมาจากรถกลับไม่ใช่ดาราที่ทุกคนคุ้นเคยกันเท่าไหร่นัก แต่กลับเป็นหญิงสาวผมสั้นคนหนึ่งแทน
“ใครกันน่ะ?”
ในจุดที่กลุ่มนักข่าวยืนกันอยู่ หลายๆ คนพากันกระซิบกระซาบเดาว่าหญิงสาวที่ยังดูเป็นวัยรุ่นและแต่งตัวทันสมัยคนนั้นเป็นใครกัน
เถาเถาเองก็อยู่ในกลุ่มนักข่าวทั้งลายที่ยืนอยู่ จนกระทั่งโดนเบียดจนมายืนอยู่ตรงมุมๆ หนึ่ง
สำนักข่าวหลงสิงไม่ได้โดดเด่นอะไรนักในบรรดาสื่อทั่วๆ ไป นอกจากก่อนหน้านี้ที่มีข่าวเรื่องหลิวเย่และเจียงเซ่อร่วมงานกัน และเถาเถาก็มีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์ แต่ว่าในตอนนั้นสำนักข่าวหลงสิงก็ยังห่างไกลจากสำนักข่าวอื่นๆ อยู่มาก ทำให้ตั้งแต่หลังจากนั้นมาก็ไม่ได้แสดงจุดยืนของตัวเองอีกเลย
ตั้งแต่ที่บริษัทก่อตั้งมาจนถึงตอนนี้ ถึงแม้ว่าจะเจริญเติบโตมาอย่างราบรื่นเสมอ แต่ในด้านสื่อก็ยังถือว่าไปเทียบกับใครไม่ได้ ดังนั้นงานการกุศลของ ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ ในค่ำคืนนี้ ถึงแม้ว่าสำนักข่าวหลงสิงจะยอมเสียเงินไปมากมายเพื่อที่จะได้รับบัตรเชิญมาอย่างอยากลำบากก็ตาม แต่สุดท้ายก็ยังโดนให้ไปยืนสัมภาษณ์ในอันดับท้ายๆ อยู่ดี
ตั้งแต่คราวที่แล้วที่ได้รับคำชื่นชมจากหัวหน้า เถาเถาก็ยังคงแสดงออกอย่างเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด และหัวหน้าบริษัทหลงสิงก็ต้องการที่จะตอบแทนน้ำใจเล็กๆ น้อยให้กับหล่อนบ้าง ดังนั้นหน้าที่ในการสัมภาษณ์ในคืนนี้จึงตกเป็นของหล่อนนั่นเอง เพื่อเป็นกำลังใจให้กับหล่อนด้วย
ในตอนที่รถที่หลิวเย่ยืนเฝ้าอยู่นานเปิดประตูออกมา พอหญิงสาวผมสั้นลงมาจากรถ ทุกคนก็พากันถกเถียงให้วุ่น แต่สายตาของเถาเถากลับเป็นประกายวาว เพราะหล่อนรู้ว่าหญิงสาวคนนั้นคือใคร
เธอใส่ใจทุกๆ อย่างที่เกี่ยวกับเจียงเซ่อเสมอ และแน่นอนว่าใส่ใจเธอก็ต้องใส่ใจคนของเธอด้วย เพราะฉะนั้นหล่อนจึงรู้ว่าคนข้างกายของเจียงเซ่อมีใครและเป็นอย่างไรกันบ้าง
เจียงเซ่อไม่ค่อยจะโชว์ตัวสักเท่าไหร่ จึงทำให้คนรอบๆ ตัวเจียงกลายเป็นคนแปลกหน้าไปด้วย แต่การที่เป็นแฟนคลับอันดับหนึ่งของเจียงเซ่อนั้น หล่อนจำได้แน่นอนว่านั่นคือช่างแต่งหน้าของเจียงเซ่อ!
คนที่เดินลงมาจากรถคือช่างแต่งหน้าของเจียงเซ่อ ถ้าอย่างนั้นคนที่นั่งอยู่ในรถนั่นก็ต้องเป็นเจียงเซ่อแน่นอน!
หลิวเย่เองก็เคยร่วมงานกับเจียงเซ่อมาก่อน พวกเขาเพิ่งจะเคยได้ร่วมงานไปแค่ครั้งเดียว อีกทั้งหลิวเย่เองก็อยู่ในวงการมาตั้งหลายปี รักษาภาพพจน์เยี่ยงชีวิต ไม่มีทางที่จะมาสร้างกระแสท่ามกลางงานใหญ่คนมากมายแบบนี้แน่ๆ
งั้นถ้าทั้งสองคนไม่ได้กำลังจะสร้างกระแส อีกทั้งหนังที่ทั้งสองคนร่วมงานกันก็ออกฉายตั้งปีหน้า แล้วช่วงนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะโปรโมทด้วย งั้นการที่พระเอกชื่อดังทำแบบนี้ มันก็ทำให้กลายเป็นเรื่องที่น่าขบคิดไม่น้อย
เถาเถาเริ่มนึกถึงรายชื่อคนที่ได้รับเชิญมางานเลี้ยงของ ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ ขึ้นมา ในรายชื่อของผู้ที่มีชื่อเสียง ดารา และคนที่มีฐานะนั้น นอกจากจะมีหลิวเย่แล้ว ก็ยังเหลืออีกคนนั่นก็คือจางจิ้งอานที่มีฐานะชื่อเสียงที่โด่งดังไม่น้อย
ถึงแม้ว่าทางงานจะไม่กำหนดออกมาอย่างชัดเจนว่าใครจะได้เดินพรมแดงเป็นลำดับสุดท้าย แต่ในทุกๆ งานที่ผ่านมา โดยเฉพาะกับผู้จัดงานที่เป็นถึง ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ บริษัทนิตยสารอันดับหนึ่งของประเทศแบบนี้แล้วด้วย ตามกฎแล้วก็มักจะให้คนทั่วๆ ไปเดินก่อน และเก็บผู้ที่มีชื่อเสียงและฐานะเอาไว้เดินสุดท้ายเสมอ
ในรายชื่อเถาเถานึกไม่ค่อยออกมาเท่าไหร่ ว่านอกจากหลิวเย่ และจางจิ้งอานแล้ว จะยังมีใครที่เหมาะจะอยู่ในตำแหน่งนั้นได้อีก
แต่ตอนนี้หลิวเย่กำลังยืนอยู่ที่ข้างนอกรถของเจียงเซ่อ เป็นไปได้สูงว่ากำลังเชิญให้เจียงเซ่อไปรวมเดินพรมแดงด้วยกัน
ถ้าหากว่าคนที่ได้เดินเป็นลำดับสุดท้ายคือเขาและจางจิ้งอานละก็ การที่เขามาเชิญเจียงเซ่อให้ไปเดินด้วยกันแบบนี้ ก็แสดงว่า จางจิ้งอานกำลังสนใจที่จะร่วมงานกับหลิวเย่และเจียงเซ่อ ถึงได้ทำอะไรแบบนี้ขึ้นมาได้!
พอคิดได้แบบนั้น เถาเถาก็ตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังหันไปสั่งช่างภาพที่อยู่ข้างๆว่าให้รีบส่งรูปที่ถ่ายได้ก่อนหน้านี้กลับไปที่บริษัทก่อนสักสองรูป ส่วนตัวเองก็เรียบเรียงคำพูดของตัวเองลงในข้อความอย่างรวดเร็ว
“หัวหน้า ดูเหมือนว่าหลิวเย่กำลังจะร่วมงานในหนังเรื่องใหม่กับเจียงเซ่อ!”
รอบๆ ข้างดูวุ่นวายไปหมด มือที่จับมือถืออยู่มันสั่นเพราะรู้สึกตื่นเต้นดีใจผสมกันไปหมด
การที่จะได้ข่าวมา ความรวดเร็วต้องเป็นสิ่งแรกที่มี
เถาเถามีประสาทแบ่งแยกที่ว่องไวมากๆ อีกทั้งเธอยังได้เปรียบที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ในขณะที่เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ยังไม่ทันได้รู้ตัวอะไร หล่อนก็ส่งข่าวเหล่านั้นไปให้กับทางหัวหน้าเรียบร้อยแล้ว
ในสำนักงาน หัวหน้ารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้รับข้อความแบบนั้น จึงรีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
“แน่ใจหรือ?”
“แน่ใจค่ะ” เถาเถารู้ดีว่าถ้าการคาดเดาของหล่อนมันผิดจะมีผลอย่างไร แต่หล่อนก็ยังตอบออกไปอย่างไม่คิดลังเล
ตอนนี้ในหัวของเธอเริ่มเอาเรื่องนี้มาวิเคราะห์อย่างจริงจัง แต่ในขณะที่กำลังแย่งเอาข่าวไปลงอยู่นี้ เธอไม่มีเวลามากพอที่จะมาอธิบายให้หัวหน้าฟัง
เจียงเซ่อที่นั่งอยู่บนรถในตอนนี้จะลงมาเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าหากว่าเธอโผล่หน้าออกมาละก็ สำนักข่าวหลงสิงก็อาจจะต้องเสียโอกาสความได้เปรียบนี้ไป เถาเถาเริ่มร้อนรนขึ้นมา
“ดิฉันกล้ารับประกันเลยค่ะ!” หล่อนตอบข้อความไปอีกรอบ จากนั้นหัวหน้าของหล่อนก็ตอบ ‘OK’ กลับมาทันที
เถาเถาถอนหายใจออกมา ในใจยังเต้นดัง ‘ตึกๆๆ’ ไม่หยุด เธอยกมือขึ้นปัดๆ ผมตัวเอง ไกลๆ นั่นช่างแต่งหน้าของเจียงเซ่อได้วิ่งไปที่รถอีกคันหนึ่งแล้ว เหมือนพูดคุยกับคนบนรถครู่หนึ่ง แล้วก็วิ่งกลับไปที่คันเดิม
ในห้องโดยสารเบาะหลังสุด สีหน้าของเฝิงหนานนั้นนิ่งขรึมมาก
หล่อนอยู่ในชุดกระโปรงขนกนกสีดำและมีที่คาดเอว และแต่งหน้ามาอย่างสวยงาม
เฝิงหนานนั่งอยู่ในรถลีมูนซีนคันหนึ่ง ทั้งช่างแต่งหน้า และสไตล์ลิสต์รวมถึงผู้จัดการส่วนตัวก็นั่งอยู่ในรถกับหล่อนด้วย ส่วนจ้าวจวินฮั่นที่อยู่ในชุดสูทผูกเนคไทก็นั่งเยื้องจากหล่อนไปอีกนิด ด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งไม่แพ้กัน
ทั้งที่เมื่อก่อนก็เคยเป็นคู่รักที่สนิทสนมดีแท้ๆ แต่ตอนนี้แค่นั่งอยู่ในรถคันเดียวกันจนเกือบจะหนึ่งชั่วโมงแล้ว กลับไม่มีการพูดคุยกันเลยสักคำ
ตั้งแต่ที่เฝิงหนานคิดที่จะถอนหมั้นกับจ้าวจวินฮั่น ทั้งสองคนต่างก็พยายามที่จะประคับประคองให้ดูว่ายังเข้ากันดีทั้งๆ ที่ข้างในมันแตกกันไปแล้ว
อำนาจในการควบคุมเจียงหนานบันเทิงที่ร่วมกันก่อตั้งขึ้นมา ทั้งสองคนก็แบ่งสัดส่วนกันอย่างชัดเจน จ้าวจวินฮั่นไม่คิดที่จะเข้าไปยุ่งเรื่องของเฝิงหนานอีก แต่ส่วนของตัวเองในการลงทุนกับวงการบันเทิงนั้น ก็เริ่มที่จะคุ้นเคยและช่ำชองบ้างแล้ว
ในระยะเวลาที่ผ่านมานี้เขาได้เซ็นสัญญากับดาราหน้าใหม่ไปหลายคน จากวงการหนังภาพยนตร์ก็ขยายไปร่วมลงทุนกับวงการละครโทรทัศน์บ้าง บริษัทเองก็ได้ลงทุนกับละครนักแสดงไอดอลที่พวกวัยรุ่นชอบไปแล้วหลากหลายเรื่อง ก็ถือว่าทำเงินได้เล็กๆ น้อยๆ
เฝิงหนานที่ยิ่งเห็นเขาทำแบบนั้นก็ยิ่งหงุดหงิดอยู่ในใจ หล่อนเอ่ยถามออกไปด้วยใบหน้านิ่งๆ
“ยังต้องรออีกนานแค่ไหนกว่าฉันจะได้ลงจากรถ?”