webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

346

บทที่ 346 เฝ้ารอ

มีบางสิ่งบางอย่าง ถ้าหากว่ามันใช้เงินซื้อมาได้ บางที่เฝิงจงเหลียงก็อาจจะไม่ต้องรู้สึกทรมานอยู่แบบนี้

ในตอนที่เจียงเซ่อขับรถออกมาจากบ้านของเฝิงจงเหลียง เธอยังรู้สึกอารมณ์ดิ่งลงไม่หายสักที เธอยังคงนึกถึงเรื่องขนมถางปู้ส่วยในมื้อเที่ยงที่บ้านตระกูลเฝิงอยู่ตลอด

เธอจอดรถเทียบข้างทาง ก่อนจะก้มวางหน้าผากเอาไว้บนพวงมาลัย และนั่งนิ่งอยู่แบบนั้น

ตอนที่ยังเป็นเด็ก เธอเคยถูกลักพาตัวไปเพื่อเรียกค่าไถ่

ตอนนั้นเฝิงชินหลุนอยู่ที่ฮ่องกงและทะเลาะกับหวางจือชิวแรงมาก ภายในวิสาหกิจนั้น ต้องมีการแย่งชิงอำนาจทรัพย์สินส่วนแบ่งกัน

แม่ของเธอทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา นอกจากจะต้องคอยต่อสู้กับหวางจือชิว และคอยรักษาหน้าตาฐานะของตัวเองแล้ว เธอก็ยังมีลูกชายอีกคนที่ต้องดูแล และการเข้าสังคมของตัวเองอีก

ตระกูลเฝิงในฮ่องกงถือว่าเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่และมีธุรกิจใหญ่โต ลูกหลานก็มากมาย ผู้ใหญ่คงไม่มีเวลามากพอที่จะมาคอยดูแลเธอ

เธอจึงโดนจับตัวไปเพื่อเรียกค่าไถ่

ที่จริงตอนที่เธอโดนลักพาตัวไปในตอนนั้น เธอกลับรู้สึกโล่งใจแปลกๆ

เป็นถึงคุณหนูผู้ร่ำรวยของตระกูลเฝิง คนนอกไม่มีทางรู้ว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้สุขสบายสวยหรูอย่างที่คิดกัน

ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ผู้ชาย และในอนาคตเธอก็คงไม่มีทางที่จะได้ยุ่งอะไรกับวิสาหกิจจงหนานมากนัก แต่สิ่งที่เธอต้องเรียนรู้กลับมากมายเหลือเกิน

พ่อและแม่ได้ตั้งกฎเกณฑ์และแผนการในอนาคตให้กับเธอเรียบร้อยแล้ว เธอจะต้องเป็นคนที่เพียบพร้อม เพื่อที่จะได้แต่งงานออกไปเพื่อเพิ่มฐานอำนาจให้ตระกูลเฝิง และถึงตอนนั้นเธอถึงจะได้อะไรตอบแทนบ้าง

ในทุกๆ วันชีวิตของเธอมันยุ่งไปหมด ต้องคอยเข้าเรียนตามที่พ่อแม่จัดแจงและสั่งเอาไว้ และต้องเรียนให้ได้ดีทุกๆ อย่าง ถึงได้การยอมรับและคำชื่นชมจากพ่อแม่ เพื่อให้แม่ได้ไปอวดคนอื่นได้อย่างภาคภูมิใจ

แน่นอนว่าลูกทุกคนต้องได้รับแรงกดดัน แต่ก็ทำได้แค่เชื่อฟังไปตามความเคยชิน เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาได้

ตอนที่เธอโดนคนรวบตัวอุ้มขึ้นรถไป เฝิงหนานในวัยเด็กก็แค่เหมือนรู้สึกว่าได้โดดเรียนไปวิชาหนึ่งก็เท่านั้น

แต่น่าเสียดายที่การโดนลักพาตัวในครั้งนั้นไม่ใช่การโดดเรียนจริงๆ แต่มันเป็นการเรียกเงินจากตระกูลเฝิง คนที่ลักพาตัวเธอไปมันดึงเล็บนิ้วเธอออกไปสามครั้งเพื่อส่งกลับไปให้ตระกูลเฝิง ความเจ็บปวดเหล่านั้น ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมาหลายปีแล้ว ถึงแม้ว่าจะมาเกิดใหม่ แต่พอนึกถึงขึ้นมาทีไร มันก็ทำให้เจียงเซ่อต้องหดร่างกายตัวเองเข้าหากันตลอด เธอชักมือที่จับพวงมาลัยอยู่มากอดเอาไว้อย่างหวาดกลัว

เธอไม่รู้ว่าเธอทนความเจ็บปวดมาได้อย่างไร รู้แค่ว่าหลังจากนั้นเฝิงจงเหลียงก็ได้หาสถานีตำรวจของฮ่องกงจนเจอ และสุดท้ายก็สามารถช่วยตัวเธอที่เกือบจะเป็นตัวประกันที่ถูกฆ่าออกมาได้

ตอนที่คุณปู่หาเธอเจอ ลมหายใจของเธอรวยรินจนเกือบจะเป็นเฮือกสุดท้ายอยู่แล้ว เธอหิวโซมาหลายวัน และรู้สึกหวาดกลัวต่อโลกภายนอกไปหมด

ทางด้านตำรวจเปิดเสียงไซเรนลงมาจากบนเขาตลอดทางเพื่อมาส่งตัวเธอและคุณปู่ เธอนั่งคุดคู้อยู่มุมรถ แค่เสียงอะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้เธอสั่นไปทั้งตัว จนกระทั่งรถมาจอดอยู่ที่หน้าร้านขนมหวาน คุณปู่ก็ลงไปซื้อขนมถางปู้ส่วยมาถ้วยหนึ่ง แล้วยื่นมาตรงหน้าเธอ

และนั่นก็เป็นอาหารที่ทั้งหวานและอร่อยที่สุดที่เธอเคยกินมา

เธอไม่ใช่คนที่ชอบกินของหวาน แต่เพราะว่าขนมถางปู้ส่วยนั้นมีความมายที่แฝงอยู่มากมาย เธอยังจำใบหน้าและท่าทางของคุณปู่ในตอนนั้นได้ดี เขาพยายามมากที่จะยิ้มออกมา

ในบ้านตระกูลเฝิงทั้งพ่อและแม่เอาแต่โทษกันไปมา คนที่จับตัวเธอไปต้องการเงินหนึ่งร้อยล้าน พ่อชี้แม่และประณามว่าเพราะหล่อนนั่นแหละที่มัวแต่เอาเงินไปซื้อพวกเครื่องประดับ ส่วนแม่ก็ประณามพ่อว่าเขาเองก็เอาแต่เอาเงินไปบำเรอหวางจือชิว หลังจากนั้นเธอก็ได้รู้ ว่าคุณปู่โมโหมาก และเขาก็เป็นคนจ่ายค่าไถ่เองทั้งหมด ถึงสามารถแลกกับชีวิตเธอกลับมาได้ จากนั้นก็ร่วมมือกับทางตำรวจเพื่อซื้อเวลาเอาไว้

พ่อและแม่โดนเฝิงจงเหลียงตักเตือนและตำหนิอย่างรุนแรง งานที่อยู่ในมือของเฝิงชินหลุนทั้งหมดถูกเฝิงจงเหลียงบังคับให้คนอื่นทำแทน และหวางจือชิวที่อยู่ติดกับเฝิงชินหลุนตลอดก็ได้เฝิงจงเหลียงเป็นคนไล่ออกไป ส่วนแม่เองก็โดนคุณตาตำหนิอย่างแรงเช่นกัน

จากนั้นทั้งสองคนก็เอาแต่กล่าวโทษ โทษว่าเป็นเพราะเฝิงหนานในวัยเด็กที่ทำอะไรไม่รู้เรื่อง ออกไปให้คนเขาเห็นว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้าง ถึงได้โดนจับตัวไปแบบนี้ และตั้งแต่นั้นมา เธอก็กลายเป็นพวกที่เวลาจะพูดจะทำอะไรก็ระมัดระวังและรอบคอบเสมอ และไม่กล้าที่จะให้ใจกับใคร ไม่กล้าที่จะมีเพื่อน มีอะไรก็มักจะเก็บเอาไว้ในใจไม่กล้าที่จะพูดให้ใครฟัง เวลาพูดกับใครก็จะไม่คุยอะไรมากมากเกินความจำเป็น

เล็บมือที่ถูกดึงออกไปอีกไม่กี่เดือนต่อมามันก็ค่อยๆ งอกขึ้นมาใหม่ แต่ทว่าความเจ็บปวดเหล่านั้นยังติดค้างอยู่ในใจของเธอมาตลอด

แค่ขนมถางปู้ส่วยถ้วยเดียวก็ทิ้งร่องรอยความทรงจำให้เธอได้อย่างมากมายแล้ว ตอนที่แม่บ้านหวังบอกว่า ‘ของที่คุณหนูชอบ เหมือนกับของที่คุณหนูของบ้านเราชอบ’ นั้น มันก็ทำเกิดความรู้สึกขึ้นมามากมายในจิตใจของเธอ

พอได้ยินแม่บ้านหวังพูดว่า ตั้งแต่ที่ตัวเธอมาเกิดใหม่ คุณปู่ก็ยังคงเตรียมขนมถางปู้ส่วยเอาไว้อยู่เสมอ เจียงเซ่อก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

ทั้งๆ ที่เธอบอกใบ้คุณปู่ไปตั้งมากมาย แต่เมื่อไหร่กันที่ท่านจะสามารถจำเธอขึ้นมาได้?

เจียงเซ่อสุดกายใจเข้าลึกๆ พยายามเก็บน้ำตาที่มันเอ่อขึ้นมากลับไป

เฝิงจงเหลียงรู้สึกเหงา ที่จริงเธอเองก็ไม่ต่างกัน ตอนนี้อากาศข้างนอกมันช่างอึมครึม เธอหยิบมือถือขึ้นมา จากนั้นก็เลื่อนหาเบอร์ของเผยอี้ ตอนนี้เธอยากได้ยินเสียงของเผยอี้ ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าอาจจะโทรไม่ติดก็ตาม

แต่โชคดีเหลือเกินที่เขาเปิดเครื่องอยู่ เสียงรอสายดังอยู่สองสามครั้ง ก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยความแปลกใจของเผยอี้ดังกลับมา

“เซ่อเซ่อ?”

แต่น้ำเสียงของเขาก็ดูดีใจไม่น้อย ดังมาพร้อมกับเสียงหอบหายใจลึก รอบๆ ด้านมีแต่เสียงดังโหวกเหวก เหมือนว่าจะอยู่ในห้องเรียน

“ฉันรบกวนนายหรือเปล่า?”

เจียงเซ่อถามออกไป เขารีบตอบกลับทันที

“ไม่เลยๆ”

มีเสียงตะโกนเรียกชื่อเขาดังแทรกเข้ามา แต่เขาก็ทำเหมือนไม่ได้ยินเสียอย่างนั้น เสียงลากเก้าอี้ดังขึ้น แล้วเขาก็รีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที พอเสียงเงียบลงแล้ว เขาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“ที่รัก เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”

น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่ค่อยสู้ดีนัก เหมือนกับว่าเพิ่งร้องไห้มา เธอนิสัยเป็นอย่างไร เผยอี้รู้ดีเสียยิ่งกว่าใคร อีกทั้งเขาเองก็รู้จักเธอมานานหลายปีขนาดนี้ น้อยครั้งจริงๆ ที่จะเห็นเธอร้องไห้

“เกิดอะไรขึ้น?”

น้ำเสียงเขาดูร้อนรนขึ้น “มีใครแกล้งพี่งั้นเหรอ?”

“นายไงที่แกล้ง”

แค่คำพูดของเขาก็ทำเอาน้ำตาของเจียงเซ่อไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอโน้มตัวไปพิงพวงมาลัย และน้ำตาก็ไหลรินออกมาอย่างน่าสงสาร

“ทำไมนายถึงต้องจำฉันได้เร็วนักล่ะ?”

ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเผยอี้จำเธอได้เร็วขนาดนี้ เธอก็คงจะไม่ต้องมานั่งรู้สึกแย่ที่คุณปู่จำเธอไม่ได้สักที คงไม่ต้องมานั่งรู้สึกว่าตัวเองรีบร้อนเกินไปแบบนี้

ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเผยอี้รักเธอมากถึงขนาดนี้ เธอก็คงจะไม่ต้องมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้ และคงไม่ต้องมารู้สึกถึงความผิดหวังขนาดนี้

เธอรู้ว่าเผยอี้ชอบเธอมาก และเธอก็อาศัยที่เผยอี้ชอบเธอ เพราะรู้ว่าเขาจะต้องให้อภัยและยอมรับนิสัยของเธอได้ เธอทั้งหงุดหงิดและวุ่นวายใจไปหมด

“ทำไมต้องตามหาฉันด้วย ฉันเกลียดนายที่สุดเลย!”

คำพูดของเธอทำเอาเผยอี้หน้าซีดไปหมด ยิ่งได้ยินเธอเหมือนกำลังร้องไห้แบบนี้ มันก็รู้สึกเหมือนมีคนมาบีบหัวใจของเขาเอาไว้แน่น รู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะทนไม่ไหว

ถ้าหากจะบอกว่าบนโลกนี้ใครกันที่ไม่อยากเห็นเธอเจ็บปวดที่สุด แน่นอนว่าคนๆ นั้นต้องเป็นเขา ก็เขาชอบและรักเธอขนาดนี้ เสียงเธอที่เหมือนกำลังกลั้นสะอื้นทำเอาเผยอี้ต้องขมวดคิ้วแน่น

“อย่างเกลียดผมเลยนะครับ เซ่อเซ่อ......”

น้ำเสียงของเขาช่างแสนนุ่มนวล แค่ลำโพงกั้น เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นไปลูบมือถือ ราวกับว่าช่วยลดความเจ็บปวดในใจของตัวเองลงได้ และเหมือนว่ากำลังเริ่มปลอบโยนเธอย่างเงียบๆ ด้วย

“ขอร้องนะครับ อย่าเกลียดผมเลย”

เขาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ได้ยินเสียง ‘ฟึดฟัด’ ดังขึ้นมา เหมือนกับมีขนนกมาขยับอยู่ตรงหู อีกทั้งยังได้ยินเสียงลมหายใจของเธออีกด้วย เขาเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนระคนสับสน

“ทำไมผมถึงจะจำสิ่งล้ำค่าของผมไม่ได้กันล่ะ?” และคำพูดของเขาก็ยิ่งทำให้น้ำตาของเจียงเซ่อไหลออกมามากกว่าเดิม เขายังพูดต่อ

“พี่ไม่เหมือนใครๆ เลย และพี่ก็เป็นคนเดียวในใจของผม ไม่มีใครที่จะมาแทนที่ได้ ผมเสียใจด้วยซ้ำที่ตัวเองจำพี่ไม่ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราได้เจอหน้ากัน พี่จำตอนที่พี่ไปเข้าค่ายฝึกทหารได้ไหม? ผมเองก็ไปที่นั่นพร้อมกับอาสามเพื่อไปฝึก พี่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ และกำลังมองมาที่ผม”

เธอไม่พูดอะไรสักคำ แต่ท่าทางความรู้สึกในตอนนั้นมันสับสนไม่น้อย “หลังจากนั้นผมก็คิดว่า นั่นอาจจะเป็นสัญญาณแรกที่พี่ส่งให้ผมก็ได้”