webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

345

บทที่ 345 ที่ไม่ดี

สายตาของเฝิงจงเหลียงจ้องมองไปที่เจียงเซ่อ เธอยังคงพูดคุยหัวเราะกับแม่บ้านหวังไปเรื่อยๆ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยประกายแสงสดใส เวลายิ้มขึ้นมาก็โชว์ฟันที่เรียงตัวสวย ดวงตาที่เป็นประกายและฟันที่เรียงตัวสวย ช่างงดงามจริงๆ

น้ำเสียงที่เธอเปล่งออกมาช่างอบอุ่นและนุ่มนวล ทุกๆ ท่วงท่าการกระทำดูไม่เหมือนคนที่เกิดมาในตระกูลเล็กๆ เลยสักนิด มีกิริยามารยาทที่ดี จะไปก็ลาจะมาก็บอก

หรือพูดได้ว่านอกจากครั้งแรกที่เธอมาพร้อมกับเผยอี้ ที่จู่ๆ ก็จะเข้ามาประคองตัวเขาจนดูไม่มีมารยาทในสายตาเขาแล้ว คำพูดและการกระทำหลังจากนั้นของเธอ มันก็ล้วนแล้วตรงตามที่เขาต้องการทั้งนั้น เหมือนเป็นคนๆ หนึ่งที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดี

รูปลักษณ์ภายนอกของเธอไม่มีส่วนไหนที่เหมือนเฝิงหนานเลยสักนิด แต่อาหารและสิ่งต่างๆ ที่ชื่นชอบกลับเหมือนเฝิงหนานไปซะทุกอย่าง แต่มันก็คงเป็นแค่ความบังเอิญสินะ

“คุณปู่คะ คุณปู่......”

เฝิงจงเหลียงกำหินในมือแน่น มือยังคงสั่นไปหมด

ในห้องก็เปิดฮีตเตอร์เอาไว้ แต่ความเย็นกลับแทรกซึมขึ้นมาปลายเท้า แทรกซึมเข้าถึงกระดูกไปทั่วร่างกาย

เขาอายุเยอะแล้ว มีเรื่องอะไรกันที่เขายังไม่เคยได้ผ่านมันมา? แต่ก่อนที่เคยเข้าร่วมทหารปฏิวัติ พวกทหารญี่ปุ่นก็เคยสังหารมาแล้ว ชีวิตนี้เขาเคยได้ผ่านประสบการณ์เรื่องราวอุปสรรคมากมายมาแล้วหลายปี

คนสองคนที่ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกันแต่กลับมีรสนิยมที่เหมือนกันขนาดนี้ เป็นเพราะตั้งใจหรือบังเอิญกันแน่? ถ้าหากว่าตั้งใจ แล้วเธอจะทำแบบนั้นเพื่ออะไรกัน? แล้วถ้าเป็นเรื่องบังเอิญ แล้วทำไมถึงบังเอิญได้ขนาดนี้?

กล้ามเนื้อแก้มของเขาเกร็งตัว ฟันขบเข้าหากันแน่น เจียงเซ่อเรียกชื่อเขาซ้ำๆ ชั่วแวบหนึ่งที่เขาเหมือนเห็นเฝิงหนานคนเดิมกลับมาอย่างเลือนราง

“หือ?”

เฝิงจงเหลียงรู้สึกตัวขึ้นมา เจียงเซ่อมีท่าทางที่แปลกใจไม่น้อย

“คุณปู่คิดอะไรอยู่หรือคะ? หนูเรียกตั้งนาน”

“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร” เขาหัวเราะ ‘เหอะ เหอะ’ ออกมา ปลายนิ้วของเขาลูบลงบนหินเบาๆ ก่อนจะพยายามปรับสติตัวเองให้เข้าที่ และทำเป็นถามออกไปอย่างสนใจ

“เซ่อเซ่อ เธอชอบกินขนมถางปู้ส่วยอย่างนั้นหรือ?”

เจียงเซ่อไม่ได้พูดอะไร แม่บ้านหวังจึงพูดออกมา

“เป็นขนมที่มีเยอะที่สุดในบ้านแล้วล่ะค่ะ”

เฝิงจงเหลียงไม่ได้สนใจหล่อน ดวงตาของเขาจ้องมองที่เจียงเซ่อนิ่ง แม่บ้านหวังจึงเอ่ยออกไป

“แต่ก่อนคุณหนูของบ้านเราชอบทานขนมนี้มากเลยนะคะ” พอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา แม่บ้านหวังก็ดูทุกข์ใจขึ้นมา และรอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อยจางลงไปด้วย

“น่าเสียดายที่พักหลังๆ มากลับไม่ค่อยจะชอบมันแล้ว มีแค่คุณท่านที่สั่งให้เตรียมเอาไว้อยู่บ้าง ท่านเตรียมไว้เผื่อว่าคุณหนูกลับมาแล้วอยากทานน่ะค่ะ”

เฝิงจงเหลียงสังเกตเห็นว่าพอแม่บ้านหวังพูดออกมาแบบนั้นแล้ว เจียงเซ่อก็ก้มหน้าลง ดวงตาจดจ้องไปที่มือของตัวเองที่ตั้งอยู่บนตัก เหมือนกับว่ากำลังมองอะไรบางอย่าง หนังตาปิดซ่อนความรู้สึกในแววตาเอาไว้ ขนตาที่เรียงตัวสวยนั่นสั่นเล็กน้อย

ก่อนที่จะมาเกิดใหม่ เจียงเซ่อไม่เคยได้รู้ถึงเรื่องพวกนี้มาก่อนเลยสักนิด และถึงแม้พอมาเกิดใหม่และได้รู้แล้ว ก็กลับไม่สามารถเปิดเผยความรู้สึกที่อยากจะขอบคุณออกมาได้

“เฮ้อ......”

แม่บ้านหวังถอนหายใจออกมา และไม่พูดอะไรต่ออีก แต่ในใจของเจียงเซ่อกลับสงบลงได้ยากเหลือเกิน

อาหารมื้อเที่ยงต่างคนต่างก็นั่งทานด้วยความรู้สึกที่วุ่นวายใจไปหมด ก่อนที่เจียงเซ่อจะกลับ เฝิงจงเหลียงหยิบถุงเงินเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะยื่นให้เจียงเซ่อด้วยใบหน้าที่จริงจัง

“ตอนวันเกิดเธอก็ไปฝึกงานอยู่นี่” บนอั่งเปานั่นเขียนเอาไว้ว่า ‘ขอให้ปลอดภัยและมีความสุข’ “เอาไปซื้อลูกอมกินเถอะ”

“หนูไม่ค่อยชอบกินหวานเท่าไหร่”

เจียงเซ่อยื่นมือไปรับมันมา และตอบกลับไป มือของเฝิงจงเหลียงสั่นระริก แต่ก็พยายามว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเอ่ยออกไป

“รีบไปๆ รบกวนเวลาพักผ่อนของฉันจริงๆ”

เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคักออกมา หลังจากรับอั่งเปาและขอบคุณแล้ว ขอบตาของเธอก็เริ่มแดง

แม่บ้านหวังกดลิฟต์เอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เจียงเซ่อเดินไปที่ลิฟต์ ยังไม่ทันได้เข้าไป ชายแก่ที่ก่อนหน้านี้ยังไล่ให้เธอ ‘รีบไปๆ’ ก็ยังยืนลังเลอยู่กับที่ไม่ไปไหน แต่สุดท้ายก็หันตัวกลับ ทำเหมือนว่าไม่ได้สนใจ

“เอาไว้วันหลังมีเวลาว่างๆ ก็ช่วยมาดูหน่อยละกัน ว่าฉันแกะสลักหินพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง”

เขาทำเหมือนคุยกับตัวเอง

“ดูสิหาอะไรมาให้ฉันทำ? วุ่นวายจริงๆ พวกเสื้อผ้าของใช้ของกินทำไมไม่ซื้อมา นี่ซื้ออะไรมาให้ก็ไม่รู้ ฉันต้องเสียเวลาไปนั่งแกะมันอีก”

คำพูดนั้นถึงจะดูเหมือนเป็นการบ่นกล่าวโทษ แต่บนใบหน้าของเฝิงจงเหลียงกลับไม่ได้มีความโกรธแม้แต่น้อย แค่นั้นเจียงเซ่อก็พอจะสัมผัสได้แล้วว่าเขาชอบของขวัญที่เธอให้ไป

ตั้งแต่ที่มาเกิดใหม่ ก็ได้เห็นอีกด้านมุมหนึ่งของคุณปู่มากขึ้น และมันก็ทำให้เธอได้รู้จักนิสัยของคุณปู่มากขึ้นด้วย แน่นอนว่าเขาคงไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เธอให้กับเขาไปจะทำให้เขายุ่งวุ่นวายอะไร

ท่านก็แค่เหงามากไปเท่านั้นเอง ก็แค่อยากให้ลูกหลานมาอยู่กับท่านบ้างเท่านั้นเอง

“ถ้าครั้งหน้าคุณปู่อยากจะแกะสลักแล้วละก็ โทรหาหนูได้เลยนะคะ หนูจะมาดูว่าคุณปู่จะแกะมันยังไง”

คำตอบของเธอทำให้รอยย่นตรงหางตาค่อยๆ ปรากฏขึ้น พร้อมๆ กับรอยยิ้มที่หาได้ยากเหลือเกิน แต่ทว่าก็กลับมาเคร่งขรึมได้อย่างรวดเร็ว

“แค่ครั้งสองครั้งมันจะแกะดีได้อย่างไร หินก้อนนี้มีค่าอยู่ ถ้าฉันจะลงมือก็ต้องระวังมากๆ”

“จะกี่รอบก็ได้ค่ะ ขอแค่คุณปู่ไม่คิดว่าฉันจะมารบกวนก็พอแล้ว”

เฝิงจงเหลียงปัดๆ มือ พอเห็นเธอเดินเข้าลิฟต์ไปแล้ว ก็กำชับเป็นคำสุดท้าย

“ขับรถดีๆ ล่ะ”

“ค่ะ สวัสดีค่ะคุณปู่”

ที่จริงก็ได้ยินเธอเรียกตัวเองว่า ‘คุณปู่’ มาหลายครั้งแล้ว เฝิงจงเหลียงเองก็น่าจะพอชินไปบ้าง แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา

เขาคิดถึงเฝิงหนาน อาจเป็นเพราะว่าตัวเองก็อายุมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เหมือนกับตอนหนุ่มๆ ที่ชอบคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

เฝิงหนานไม่ชอบกินหวาน ถึงแม้ว่ากับข้าวบางอย่างจะต้องมีรสหวานหน่อย แต่เธอก็มักจะขอให้ในครัวใส่น้ำตาลน้อยลงหน่อย แต่อย่างไรเธอก็ยังชอบกินขนมถางปู้ส่วยอยู่ดี ไม่ว่าจะอารมณ์ดีหรือไม่ดี เธอก็มักจะกินมันเสมอ

“คุณท่านคะ”

พอเจียงเซ่อไปแล้ว แม่บ้านหวังมีท่าทีกังวลเล็กน้อย และเดินไปตรงหน้าเฝิงจงเหลียง

“ความเหมือนระหว่างคุณหนูเจียงกับคุณหนูของเรา มันจะเป็นความบังเอิญเกินไปหรือเปล่าคะ? ยังไงก็ลองให้คนไปสืบดูดีไหม ลองดูว่าเธอมีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับคุณหนู?”

เฝิงจงเหลียงไม่พูดอะไร แม่บ้านหวังจึงพูดต่อ

“คุณท่านเองก็ไม่ได้มีความข้องเกี่ยวหรือเป็นญาติกับเธอ แต่ก่อนก็มีลูกหลานมาหาท่านตั้งมากมาย มาเยี่ยมท่านจนเป็นเรื่องปกติ แต่ว่า......”

แต่หลังจากนั้นเธอก็ดูเอาใจใส่เขา จริงๆ ก่อนหน้านี้ เธอมักจะมาหาเฝิงจงเหลียงในทุกๆ เดือน ทำให้เฝิงจงเหลียงเริ่มมีความประทับใจในตัวเธอมากขึ้น และเริ่มที่จะสนิทกันมากขึ้น

“คุณท่านเป็นถึงผู้กุมอำนาจของวิสาหกิจจงหนาน ดิฉันเกรงว่า......”

แม่บ้านหวังลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กลืนคำว่า ‘เธอจะมีเจตนาบางอย่างแอบแฝงอยู่’ ลงคอไป และไม่พูดออกมา แต่เสี่ยวหลิวที่ยืนอยู่ข้างๆ เฝิงจงเหลียงและเด็กรับใช้คนอื่นๆ ในบ้านต่างก็รู้ดีว่าคำที่แม่บ้านหวังละเอาไว้คืออะไร

บางที ถึงมันจะดูบังเอิญเกินไป แต่ก็ไม่ควรที่จะบังเอิญถึงขนาดนี้ กลับกันมันดูเหมือนว่าเธอจงใจเลียนแบบให้เหมือน จงใจมาเอาใจใส่และขอความรักจากเฝิงจงเหลียง

บวกกับที่รู้ว่าตอนนี้เขากับเฝิงหนานทะเลาะจนแทบจะกลับมาพูดคุยกันอีกไม่ได้แล้ว พอได้รู้เรื่องอะไรบ้างแล้ว ก็ถือโอกาสนี้ ในการหาผลประโยชน์เข้าใส่ตัวเอง

ในหลายปีที่ผ่านมานี้ เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้แม่บ้านหวังก็เห็นมาหมดแล้ว เคยได้เห็นพี่น้องที่โมโหกันหน้าดำหน้าแดงเพราะเรื่องการแบ่งหุ้นและทรัพย์สมบัติ มันจึงทำให้อดคิดแบบนั้นไม่ได้จริงๆ

ตอนแรกหล่อนคิดว่าถ้าตัวเองพูดออกไปแบบนั้นแล้ว เฝิงจงเหลียงคงจะระวังตัวขึ้นหน่อย แต่ที่ไหนกัน พอหล่อนพูดจบ เฝิงจงเหลียงก็นิ่งไปอยู่พักใหญ่ แต่สุดท้ายก็หัวเราะออกมา

“เงินงั้นหรือ? ฉันมีเยอะแยะจะตายไป”

ในมือของเขยังคงกำหินหวงเถียนเอาไว้ และยืดแผ่นหลังให้ตรงขึ้นมา

“ขอแค่มันซื้อความสุขให้ฉันได้ก็พอแล้ว” ถ้าหากว่าที่เจียงเซ่อทำแบบนี้เพราะเงินจริงๆ อย่างน้อยเธอก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขได้ ให้เธอเป็นการตอบแทนหน่อยจะเป็นอะไรไป ก็เหมือนว่ากำลังซื้อความสุขให้ตัวเองนั่นแหละ

“แต่ว่าเธอต้องการเงินจริงๆ งั้นหรือ?”

เฝิงจงเหลียงเองก็ไม่แน่ใจนัก เขายกหินหวงเถียนในมือขึ้นมาดู ก่อนจะหรี่ตาพิจารณามัน

“ดูอย่างหินก้อนนี้สิ แค่นี้ก็น่าจะหลายแสนแล้ว”

และเธอก็ยังเป็นคนที่เผยอี้ชอบอีก