webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

339

บทที่ 339 กลับมา

เผยอี้มองอาหารที่ตั้งอยู่ข้างๆ แล้วถอนหายใจออกมา

“ดื้อจริงๆ”

เจียงเซ่อนอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างเชื่อฟัง ผมถือว่ายังไม่ได้แห้งสนิท เขาใช้เท้าเขี่ยของที่อยู่บนพื้นจนกระจุยกระจายไปหมด มือข้างหนึ่งยังกอดเจียงเซ่อเอาไว้ ก่อนจะหยิบเอาที่มาส์กหน้าไวท์เทนนิ่งที่หาเจอแล้วขึ้นมา แล้วช่วยเธอแปะลงบนใบหน้า

อาจเป็นเพราะว่าตัวมาส์กมันมีความเย็น เธอจึงตื่นขึ้นมาในทันที แล้วพลิกตัวเข้าหา ก่อนจะพูดกับเขา ราวกับว่าก่อนหน้าเธอไม่ได้หลับอย่างไรอย่างนั้น

“นายพูดว่าอะไรนะ?”

แล้วเขาก็ถอนหายใจออกมาอีกรอบ ยกมือขึ้นทัดผมให้เธอ แล้วลูบแขนเล็กๆ นั่น

มือของเธอทั่งนุ่มทั้งลื่น ผิวของเด็กสาวนั้นอิ่มน้ำและดูชุ่มชื้นเสมอ ราวกับว่ากำลังนวดแป้ง มันนุ่มและเกลี้ยงเกลา พอบีบไล้ไปเรื่อยๆ แบบนี้ แล้วก็นวดย้อนกลับมาอีกรอบ มันก็รู้สึกดีไปหมด

แต่ตอนนี้เผยอี้ไม่มีอารมณ์จะคิดถึงเรื่องพวกนี้นัก และเขาก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจิตใจฟุ้งซ่านเลยสักนิด เพราะว่าทุกครั้งที่เขาบีบ เธอก็มักจะร้องออกมาทุกครั้ง

“นี่ มันเจ็บนะ......”

เขารู้จักความเจ็บแบบนั้นดี ตอนที่เพิ่งเข้าไปฝึกทหารใหม่ๆ ทุกวันก็เป็นแบบนี้ตลอด

“เซ่อเซ่อ ผมว่าที่นี่มันไม่โอเคเลยนะ”

เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน ท่าทางจริงจังไม่น้อย

เผยอี้มาถึงก็ได้ลองเดินสำรวจรอบๆ ที่พักแห่งนี้ดูแล้ว พนักงานที่อยู่ที่นี่มีทั้งคนดีและคนไม่ดีอยู่ปะปนกันเต็มไปหมด ห้องพักที่ดูคับแคบนี่คงไม่ต้องพูดถึง แต่ที่นี่ไม่มีแม้กระทั่งหน่วยรักษาความปลอดภัยด้วยซ้ำ แถมพนักงานต้อนรับตรงรีเซฟชั่นก็เป็นแค่หญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่งเท่านั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องอาหารการกินเลย

ที่นี่อยากจะได้อะไรก็ไม่มีให้ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็เก่ากึก ถ้าเกิดว่าทุกวันเธอต้องยุ่งแล้วกลับมาในสภาพแบบนี้ทุกวัน ถ้ามันเกิดอะไรขึ้น เธอก็คงจะไม่มีแรงต่อต้านด้วยซ้ำ

พอเขาคิดว่าเจียงเซ่ออยู่ที่นี่มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วก็ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ไม่รู้ว่าเธอทนกับสภาพแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน

ตั้งแต่เด็กที่อยู่ในตระกูลเฝิงเธอก็ถูกประคบประหงมดูแลอย่างดีมาโดยตลอด การใช้ชีวิตแบบนี้บางทีแต่ก่อนเธออาจจะไม่เคยนึกถึงเลยก็ได้

“ยังเหลืออีกตั้งสองเดือนกว่าที่ต้องวิจัยงานอีกนะ”

เจียงเซ่อพยายามประคองสติเพื่อตอบเขา เธอบ่นงึมงำเหมือนกับนกนางแอ่นท่ามกลางเสียงไดร์เป่าผม ก็ไม่รู้ว่าเผยอี้จะได้ยินมันหรือเปล่า

แต่เขาเองก็ยังเอาแต่บ่นถึงสภาพแวดล้อมรอบๆ ที่มันไม่ดีเอาเสียเลย และเขาก็เป็นห่วงเธอ มือที่กำลังนวดคลึงแขนให้เธออยู่นั้นยกขึ้นมาสางๆ ผมของเธอ

ผมถือว่าแห้งเกือบสนิทแล้ว เขาปิดไดร์เป่าผมลง แล้วเธอก็เอียงหัวและหลับอยู่ในอ้อมกอดเขาในที่สุด

มาส์กที่อยู่บนหน้าหล่นลงมา เผยให้เห็นใบหน้าที่เนียนใส ลมหายใจของเธอรดรินอยู่บนแขนของเขา และสักพักก็เริ่มรู้สึกชาขึ้นมา

เพราะว่าการแวะมาในครั้งนี้มีเวลาจำกัด ที่จริงเขาอยากจะมาอยู่กับเจียงเซ่อในวันเกิดของเธอ แต่สุดท้ายพอมาถึงแล้วก็ไม่ทันได้พูดคุยกับเธอเลยด้วยซ้ำ

เธอนอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาแบบไม่มีอะไรป้องกันเลยแม้แต่น้อย เมื่อกี้ที่เธอพลิกตัวก็ทำให้ผ้าเช็ดตัวที่พันตัวเอาไว้หลุดออกมาเล็กน้อยด้วย เขาเบนสายตาไปทางอื่น แต่ก็เหลือบไปเห็นเรียวขาคู่สวยของเธอ เลยขึ้นมาหน่อยก็ดันเห็นชั้นในสีขาวของเธอที่โผล่ออกมาวับแวบ มันดูไร้เดียงสาแต่ก็ดูเย้ายวน

เผยอี้รู้สึกปากคอแห้งไปหมด ความคิดในหัวมากมายมันอันตรธานหายไปหมด ในหัวเริ่มจิตนาการถึงภาพเรือนร่างที่เปลือยเปล่าของเธอ เหมือนมีไฟลุกไปทั้งตัว

อยู่ที่นี่อยู่สองวันเต็มๆ พอหมดเวลาลาหยุดของเผยอี้แล้ว เขาก็บินกลับกว่างโจว

แต่ก่อนกลับเขาก็ได้ติดต่อไปหาทางตำรวจเพื่อให้พวกเขาส่งกำลังมาคอยตรวจส่องดูแลบริเวณที่พักเอาไว้ กลับไปไม่กี่วันก็พยายามที่จะติดต่อมาเช็กกับเธออีก

ต้องคอยอกสั่นขวัญแขวนอยู่แบบนี้ไปอีกประมานสองเดือนกว่า หลังจากสองเดือนกว่าผ่านไปแล้ว ในที่สุดการฝึกงานของเจียงเซ่อก็จบลงเสียที ตอนนี้ก็เข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์แล้ว เหมือนว่าระยะเวลาจะนานที่คาดเอาไว้มากอยู่พอสมควร

ตอนที่นั่งเครื่องบินกลับตี้ตู มาถึงที่สนามบินก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว และโม่อานฉีก็เป็นคนขับรถมารับเธอด้วยตัวเอง นาทีที่เห็นเจียงเซ่อนั้น หล่อนก็ลอบถอนหายใจออกมา จากนั้นก็รีบเดินไปช่วยเธอลากกระเป๋าเดินทาง และกอดเธออีกเล็กน้อย

ออกไปอยู่ข้างนอกตั้งหลายเดือน เจียงเซ่อผอมลงอีกแล้ว ดีที่ตัวคนก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากมาย ถึงแม้ว่าตอนที่ออกไปฝึกงานศึกษาโบราณคดีจะเป็นในช่วงเดือนตุลาคม แต่ก็ไม่ได้โดนแดดเผากลับมา ผิวของเธอยังคงเนียนละเอียดไม่หยาบกระด้าง ถึงแม้ว่าเซี่ยเชาฉวินจะให้ดูแลผิวพรรณหลากหลายขั้นตอนขนาดไหนหรือเจียงเซ่อจะยุ่งจนหัวหมุนก็ตาม เธอก็ยังทำตามที่หล่อนสั่งอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

“ในหลายเดือนที่ผ่านมานี้เกิดเรื่องขึ้นเยอะแยะเลยรู้ไหม”

สัมภาระเจียงเซ่อไม่ได้เยอะอะไร ส่วนมากก็เป็นพวกกล่องเครื่องบำรุงผิวที่มีอยู่สองกล่อง และเสื้อผ้าที่เอาไว้เปลี่ยนและของใช้ส่วนตัวอีกนิดหน่อย โม่อานฉีเก็บสัมภาระทุกอย่างเอาไว้รวมกัน เพิ่งจะได้เปิดปากคุยกับเจียงเซ่อ ก็เริ่มมีคนในสนามบินจำเธอได้แล้ว เด็กสาวคนหนึ่งตะโกนเสียงแหลมขึ้นมา

“เจียงเซ่อ!”

เธอออกไปอยู่ข้างนอกหลายเดือน จริงๆ แล้วช่วงนี้ก็แทบไม่มีข่าวใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับเธอเลยด้วยซ้ำ แต่ชื่อเสียงจากที่เธอสร้างจากผลงานครั้งที่แล้วยังคงอยู่ พอมีคนจำเธอได้ แล้วตะโกนเรียกชื่อเธอออกมาแบบนี้ หลายๆ คนก็เริ่มหันมาให้ความสนใจกันใหญ่

โม่อานฉีเห็นท่าไม่ดี ก็รีบลากกระเป๋าแล้วดึงเจียงเซ่อให้รีบตามมาทันที

ไกลๆ นั่นกำลังมีคนกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามา และหยิบมือถือขึ้นมาแอบถ่ายรูปกันยกใหญ่

ข้างๆ ก็มีคนมองกันเต็ม โชคดีที่ถึงแม้ว่าเจียงเซ่อจะไม่ได้แต่งหน้า และยังมีท่าทางเหนื่อยล้าจากการนั่งเครื่องบินมา แต่เพราะเธอเป็นคนที่สวยธรรมชาติอยู่แล้ว บวกกับรูปร่างที่สูงยาวเข่าดี เลยไม่ได้ดูแตกต่างอะไรจากที่เห็นในจอนัก

เธอหันหน้าไปบอกลากับศาสตราจารย์ของทางมหาวิทยาลัย ตอนนี้รอบๆ ข้างคนเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่แฟนคลับของเจียงเซ่อทั้งหมด แต่หลายๆ คนก็ล้วนแล้วมีความสงสัยใคร่รู้ในใจกันอยู่แล้ว

พอรู้ว่าในสนามบินมีดารามา เหล่าผู้โดยสารที่นั่งรอกันอยู่ก็พากันรวมตัวเข้ามา หรือแม้แต่คนที่เหมือนจะเป็นพวกนักข่าวก็ปรากฏตัวออกมาด้วย

ถ้าหากว่าเจียงเซ่อยังคงเดินตามไปกับคนของมหาวิทยาลัยละก็ น่ากลัวว่าทั้งศาสตราจารย์และนักศึกษาคนอื่นๆ ของทางมหาวิทยาลัยก็คงจะต้องโดนล้อมไปด้วย

“ตามที่ได้ไปฝึกงานครั้งนี้นั่นแหละนะ เอาข้อมูลทุกอย่างที่ได้ไปเรียบเรียงเป็นรายงานแล้วส่งมาในอีเมล์ฉันก็ได้แล้วล่ะ อยากจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม ก็ค่อยติดต่อกันทางอินเทอร์เน็ตอีกทีนะ”

ศาสตราจารย์เถียนเองก็เริ่มที่จะโดนกลุ่มแฟนคลับล้อมเอาไว้แล้ว อีกทั้งยังมีกลุ่มแฟนคลับที่เกิดความสงสัยเดินไปล้อมเหล่านักศึกษาสาขาโบราณคดีเอาไว้ แล้วไล่ถาม

“เจียงเซ่อออกเดินทางไปกับพวกเธอหรอ? ไปไหน ไปทำอะไรกันอ่ะ?”

มีนักข่าวบางคนก็เดินเข้ามาร่วมด้วย หลังจากที่เจียงเซ่อคุยกับศาสตราจารย์เรียบร้อยแล้ว ก็โดนโม่อานฉีดึงออกมาทันที

ด้านหลังยังมีคนกลุ่มใหญ่วิ่งตามมา และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เหล่านักศึกษาอาจารย์ได้มาเจอกับสถานการณ์แฟนคลับไล่ตามดาราแบบนี้ ในหลายเดือนที่ผ่านมาทุกคนต่างก็ใช้ชีวิตกินข้าวด้วยกัน ทำงานด้วยกันมาโดยตลอด นิสัยเธอไม่ใช่พวกคนหยิ่งอะไร กลับกันยิ่งอยู่ด้วยกันนานๆ ก็ยิ่งชอบเธอด้วยซ้ำ เธอไม่มีวางมาดเลยแม้แต่น้อย ทำให้หลายๆ คนลืมไปเลยว่านอกจากเธอจะเป็นนักศึกษาธรรมดาๆ แล้ว เธอก็ยังเป็นดาราดังคนหนึ่งอีกด้วย

ตอนที่อยู่ในมหาวิทยาลัย หลายๆ คนก็รู้ว่าในสองปีที่ผ่านมานั้นเจียงเซ่อดังแค่ไหน

แต่อย่างไรล่ะที่เรียกว่าดาราดัง หลายๆ คนส่วนมากก็แค่เคยได้ยินมาเท่านั้น ไม่เคยมีใครเห็นกับตาตัวเองแบบนี้

จนกระทั่งรู้ว่าหนังที่เธอแสดงนั้นกำลังเข้าฉาย และได้แสดงมาหลากหลายบทบาทแล้ว บนหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารก็มักจะเห็นข่าวของเจียงเซ่อบ่อยๆ แต่มีที่ไหนที่จะมาเห็นเหตุการณ์ระทึกแบบนี้?

แฟนคลับกลุ่มหนึ่งยังคงไล่ตามเธอมาด้านหลัง และเสียงแฟลตจากการถ่ายรูปก็ดังไปทั่ว บางคนรีบวิ่งตามจนรองเท้าหลุดก็มี คนกลุ่มใหญ่กำลังไล่ตามทุกการเคลื่อนไหวของเจียงเซ่อ เด็กหนุ่มหลายคนยังคงตะโกนเรียก ‘เจียงเซ่อ’ ไม่หยุด เพื่อที่หวังว่าเจียงเซ่อจะหันมาสนใจตัวเอง

ภาพนั้นทำเอานักศึกษาของมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งตาโตอ้าปากค้างเลยทีเดียว

“เมื่อกี้ได้ยินว่าเรียบเรียงข้อมูลส่ง เซ่อเซ่อออกไปทำงานงั้นหรือ?”

“ผมได้ยินเซ่อเซ่อพูดว่าศาสตราจารย์ พวกคุณคือคนของมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งใช่ไหม? สาขาอะไรครับ?”

“......”