บทที่ 338 เหนื่อยสุด
การฝึกงานจริงๆ เป็นอะไรที่ยากกว่าที่เจียงเซ่อคิดเอาไว้มากทีเดียว หลุมฝังศพที่ถูกค้นพบนั้นอยู่ในพื้นที่ห่างไกลความเจริญและสภาพแวดล้อมก็แย่สุดๆ และเวลาส่วนใหญ่ก็ต้องหมกตัวอยู่กับหลุมศพ ก็เหมือนกับการมาทำความรู้จักกับพวกศพนั่นแหละ นอกจากมีกำลังร่างกายแล้วก็ยังต้องมีกำลังทางด้านจิตใจอีกด้วย และยังต้องคอยควบคุมความกลัวในจิตใจของตัวเองที่มันกำลังเต้นตุบๆ
หลังจากมาถึงทุ่งนาแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะรักษาตัวให้สะอาดเหมือนอย่างที่เคยได้อีก วันทั้งวันต้องคลุกตัวอยู่ในดินโคลน ถึงแม้ว่าอากาศอันหยางในช่วงเดือนตุลาคมจะไม่ได้ร้อนเท่ากับช่วงเดือนเจ็ดเดือนแปด แต่พอต้องมาทำงานทั้งวันแบบนี้ ยังไงเหงื่อก็ท่วมตัวอยู่ดี
ตอนแรกเหล่านักศึกษาสาชาโบราณคดีต่างก็พากันคิดว่าเจียงเซ่อไม่มีทางทนได้นานนักหรอก หลายๆคนในกลุ่มต่างก็คิดว่าที่เจียงเซ่อมาเข้าร่วมกับสาขาโบราณคดี ก็แค่เพราะว่าดาราสาวที่กำลังโด่งดังในตอนนี้ชอบทำตามใจตัวเองก็เท่านั้น
ศาสตราจารย์ที่เป็นคนนำนั้นแซ่เถียน ตั้งแต่แรกเขาก็ได้กำชับต่อเหล่านักเรียนของตัวเองว่า ให้คอยจับตาดูเจียงเซ่อเอาไว้หน่อย ให้ทำเหมือนว่าเจียงเซ่อแค่มาเดินแบบเท่านั้น ถ้าเธอไม่อยากจะทำอะไรก็ไม่ต้องบังคับให้เธอทำ อย่าปล่อยให้เธอบุ่มบ่ามทำอะไร จนไปทำให้โบราณวัตถุที่มีค่ามหาศาลเกิดความเสียหายเป็นอันขาด
นักศึกษาทุกคนต่างก็มีความคิดเดียวกับศาสตราจารย์ในตอนแรก พวกเขาไม่เคยสัมผัสกับดาราในวงการบันเทิงมาก่อน แต่ก็มักจะได้เห็นว่าพวกดาราชอบเหวี่ยงชอบวีนบนนิตยสารบ่อยๆ และเจียงเซ่อเองก็คงจะเป็นแบบนั้นไม่ต่างกัน แต่พอหลายวันผ่านไป เจียงเซ่อกลับไม่เป็นเหมือนอย่างพวกดาราคนอื่นๆ เลยสักนิดเดียว
พอเหล่านักศึกษาฝึกงานเดินทางมาถึงที่เมืองอันหยางแล้วก็รวมตัวพักกันที่บ้านพักรับรองหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากสุสานนัก สภาพแวดล้อมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เจียงเซ่อก็ไม่เคยที่จะปริปากบ่น ตอนที่ลงไปในหลุมสุสานเธอก็ลงไปกับทุกคนด้วย
ในตอนที่ทุกคนกำลังเรียนรู้กับศาสตราจารย์ เธอก็หยิบสมุดขึ้นมาจดเลคเชอร์ไปด้วย และคอยตามดูอยู่ด้านหลัง
ครึ่งเดือนต่อมา จากตอนแรกที่มีหลายๆ คนมีอคติต่อเจียงเซ่อก็เริ่มที่จะเปลี่ยนความคิดกันแล้ว เธอก้าวหน้าได้เร็วมาก จนกระทั่งศาสตราจารย์เถียนยอมให้เธอได้เข้าร่วมการวิจัยไปพร้อมๆ กัน นอกจากจะให้เธอได้ถ่ายรูปพวกวัตถุโบราณ วาดรูปและจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ แล้ว บางที่ก็ให้เธอได้ลองซ่อมแซมวัตถุของใช้ และทำให้มันกลับมาแข็งแรง และนั่นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยยืนยันในตัวเจียงเซ่อได้
และในช่วงเวลาที่กำลังฝึกงานอยู่นั้น วันเกิดของเจียงเซ่อก็ค่อยๆ ใกล้เข้ามาอย่างเงียบๆ
เธองานยุ่งทั้งวัน ตอนที่ได้รับข้อความอวยพรจากโม่อานฉีและเซี่ยเชาฉวินนั้น หล่อนส่งรูปมาให้หนึ่งรูป ในรูปเป็นเครื่องประดับชุดหนึ่ง ในข้อความมีแค่ประโยคสั้นๆ กำกับเอาไว้ ว่านี่คือของขวัญที่เซี่ยเชาฉวินมอบให้เธอในวันเกิดครบรอบยี่สิบปี แถมยังมีการเตือนมาว่า อย่าเอาแต่อยู่ในหลุมศพ จนลืมดูแลตัวเองไปเสียล่ะ
เซี่ยเชาฉวินมักจะบอกให้โม่อานฉีบินมาหาที่นี่บ่อยๆ แถมทุกครั้งที่มาก็หิ้วพวกครีมบำรุงผิวมาตั้งหลายขวด ก็ถือว่าเป็นการเตือนของเซี่ยเชาฉวิน ทำให้หนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมานี้เจียงเซ่อก็ไม่ได้เปลี่ยนไปอะไรมากมาย
และเพราะว่าได้คำเตือนจากเซี่ยเชาฉวิน ทำให้เจียงเซ่อรู้สึกตัวขึ้นมาได้ว่า ตัวเองยังไม่ได้ถอนตัวออกจากวงการบันเทิงเสียหน่อย ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะอยู่กับแค่เพื่อนๆ ในสาขาโบราณคดี กับสุสานและของโบราณต่างๆ ก็ตาม
เผยอี้เองก็ได้ขอลาหยุดในวันเกิดของเจียงเซ่อและบินมาหาเธอที่อันหยาง นี่เป็นวันเกิดครบรอบยี่สิบปีของเธอ เขาไม่มีทางพลาดแน่ๆ แต่น่าเสียดายที่วันทั้งวัน เจียงเซ่อเองก็ยุ่งไม่หยุดเลย
เขาเองก็ได้จองห้องพักที่เดียวกับที่เจียงเซ่ออาศัยอยู่ และตั้งแต่ที่เขามาถึงที่ห้องพักแล้ว คิ้วของเขาก็ขมวดและไม่มีท่าทีว่าจะคลายลงเลย
ที่นี่สภาพแวดล้อมไม่ดีสุดๆ เขาต้องหาอยู่ตั้งนานกว่าจะหาเจอ ไม่อยากจะคิดเลยว่าเจียงเซ่อต้องอยู่ที่นี่กว่าหนึ่งเดือนมาแล้ว
เผยอี้มานั่งรอที่นี่จนเกือบจะสี่ทุ่มกว่าแล้ว ถึงเพิ่งเห็นกลุ่มนักศึกษาฝึกงานกลับเข้ามากัน
เจียงเซ่อเองก็อยู่ในกลุ่มนั้น ผมเผ้าฝุ่นเกาะและหน้าก็เปื้อนดิน แถมยังอุ้มเอกสารหนาๆ มาด้วยอีก
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เผยอี้ก็ยังมองแค่แวบเดียวก็เจอเธอแล้ว
เธอรวบผมขึ้น เผยดวงหน้าที่สวยงาม เธอสวมเสื้อกันลมสีเขียวทหารตัวใหญ่ กำลังเดินคุยอยู่กับเด็กสาวอีกคนที่อยู่ข้างๆ
ท่ามกลางกลุ่มคนเธอตัวสูงกว่าใครๆ ขาเรียวยาวคู่นั้นอยู่ในกางเกงยีนส์สีเข้ม คู่กับรองเท้าบู้ท ท่าทางมีชีวิตชีวาไม่น้อย
เผยอี้กวาดสายตามองไปที่กลุ่มนักศึกษาแต่ละคนทันที ส่วนมากก็มีแต่ผู้หญิง มีผู้ชายบ้างสองสามคนแต่ก็เป็นพวกใส่แว่น และส่วนสูงก็ไล่เลี่ยกับเจียงเซ่อทั้งนั้น เวลาพูดคุยกับเจียงเซ่อก็ดูเขินอายกันหมด แบบนั้นเธอไม่มีทางสนใจแน่นอน!
เขาเกิดสบายใจไปได้ไม่น้อย
“เซ่อเซ่อ!”
เผยอี้โบกมือให้เธอ ตอนที่เธอหันมาเจอเผยอี้ดวงตาเธอก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
หลังจากขอตัวจากคนที่อยู่รอบๆ เรียบร้อยแล้ว เธอก็ค่อยๆ วิ่งไปทางที่เผยอี้อยู่ทันที นักศึกษาหลายคนที่ยืนอยู่ด้านหลังยังคงจ้องมองมาที่เผยอี้ และสายตาก็ดูแปลกใจและสงสัยในตัวเผยอี้เอามากๆ
“นายมาได้ยังไง?”
เผยอี้ยกมือขึ้นกอดเอวเธอเอาไว้ เธอพยายามเอียงตัวออก แต่ไม่ใช่เพราะกลัวว่าพวกนักศึกษาจะมาเห็นความใกล้ชิดของทั้งสองอะไร แต่เพราะเพิ่งกลับมาจากการขุดหาของต่างหาก “ตัวฉันสกปรกน่ะ”
แต่เขาก็ยังดึงดันที่จะกอดเธอเอาไว้ มืออีกข้างก็ช่วยเธอปัดๆ ฝุ่นบนผมออกด้วย
“ผมคิดถึงพี่ วันนี้วันเกิดพี่ด้วยไม่ใช่หรือ ผมเลยขอลาหยุดมาวันหนึ่ง” พอเขาพูดจบ ก็โอบเจียงเซ่อเดินเข้าไปในห้องพัก
“เซอร์ไพรส์ไหมครับ?”
“เซอร์ไพรส์สิ” เธอพยักหน้า
ในห้องพักหลังจากที่เจียงเซ่ออาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เผยอี้ก็สั่งให้คนนำอาหารเข้ามาเสิร์ฟ เธอออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัว เรือนผมยังมีหยดน้ำแต่ก็จะขึ้นนอนบนเตียงเสียแล้ว
ตอนที่เผยอี้เรียกเธอให้มากินข้าวนั้น เธอบ่นงึมงำๆ ว่าไม่อยากจะขยับตัวเลย ที่จริงในตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เธอก็ชินกับการอยู่ร่วมกับศาสตราจารย์และเพื่อนๆ นักศึกษาแล้ว แต่พอเผยอี้มาหา เธอกลับรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวเสียอย่างนั้น
เขาเดินหาไดร์เป่าผมไปทั่วห้อง สุดท้ายก็ได้แค่ผ้าขนหนูมาเช็ดหัวให้เธอ
เจียงเซ่อผมยาว ยาวจนเกือบจะถึงสะโพกแล้ว
เผยอี้ยืนอยู่ข้างๆ เตียงแล้วเช็ดผมให้เธอ สายตาไม่กล้าวอกแวกไปมองที่อื่นเลย เธอมีแค่ผ้าขนหนูห่อตัวอาไว้ เผยหัวไหล่สวยและผิวที่เนียนละเอียด
ผ้าเช็ดตัวพันรอบใต้วงแขนของเธอ ปิดคลุมเรือนร่างที่แสนเย้ายวนเอาไว้ ขาเรียวทั้งสองของเธอไขว้กันอยู่บนเตียง
“เหนื่อยจังเลยอาอี้”
เธอตบๆ ลงบนเบาะที่นอน ส่งสัญญาณให้เผยอี้ขึ้นมานั่ง
“แขนของฉันปวดไปหมดเลย เอวก็ปวด ขาก็ปวด”
ทุกคำที่เธอพูดออกมา เผยอี้ก็รู้สึกเจ็บปวดไปหมด มือข้างหนึ่งของเขาหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมาเป่าให้เธอ พลางเอี้ยวตัวไปจิ้มผลไม้ที่ตั้งอยู่ข้างเตียงมาป้อนเธอ
“งั้นกลับตี้ตูกันเลยดีไหม”
“ไม่เอา”
เธอเอนหัวหลบ แล้วมองเผยอี้ที่นั่งอยู่ข้างๆ จากนั้นก็เขยิบเข้าไปหา
“ค่อยว่ากัน จริงๆ ฉันก็มาถึงจุดนี้แล้ว จะกลับไปได้ยังไง?” เธอยกมือที่ไม่ค่อยมีแรงขึ้นมาตีเผยอี้ ส่วนในปากก็เคี้ยวผลไม้ไปด้วย เวลาพูดจึงฟังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
“ฉันต้องทาครีมทาหน้า ครีมไวท์เทนนิ่งอ่ะ อยู่ในกล่อง”
เผยอี้จึงวางไดร์เป่าผมลงแล้วลุกขึ้นไปหา และก็เจอมันอยู่ในกล่อง
ของของเธอไม่ใช่น้อยๆ เลย พอเขาเห็นก็ตะลึงไปในทันที ตอนแรกก็กะว่าจะถามเจียงเซ่อว่าครีมไวท์เทนนิ่งมันคืออันไหน แต่พอหันไปอีกทีก็พบว่าเธอเอนตัวนอนบนเตียงเรียบร้อยแล้ว
ตอนแรกเขาคิดว่า ไหนๆ เธอก็นอนไปแล้ว ไอ้ครีมไวท์เทนนิ่งนี่ก็คงไม่ต้องทาอีก
แต่พอเขากลับไปนั่งบนเตียง จู่ๆ เธอก็บ่นขึ้นมา “......พี่เชาฉวินบอกว่าอย่าตากแดดจนดำเด็ดขาด ถ้าดำแล้วก็จะไม่ต้องการฉันแล้ว”
“เธอไม่ต้องการ แต่ผมยังต้องการอยู่นี่”
เขาพูดเสียงนุ่ม แล้วดึงอีกคนเข้ามากอดเอาไว้ เรือนร่างเย้ายวนนุ่มนิ่มนั่นแนบอยู่กับแขนของเขา เธอหลับตาไปแล้ว และลมหายใจก็สม่ำเสมอ
เผยอี้บีบนวดแขนเธอเบาๆ หนึ่งเดือนกว่าที่ไม่ได้เจอกัน เธอผอมลงไปอีกแล้ว มือก็เล็กลง ก่อนหน้านี้ที่โอบเอวเธอก็รู้สึกว่ามันเล็กลงไปตั้งเยอะ