webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

336

บทที่ 336 ขีดจำกัด

ไกลๆ นั้นมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมองมา เด็กหนุ่มยืนกอดถาดเสิร์ฟเอาไว้ พอทำใจกล้าถามว่าเจียงเซ่อต้องการของหวานไหมออกไปแล้ว ก็ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นอีกเลย

ร้านคาเฟ่ร้านนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบริษัทซื่อจี้หยินเหอนัก และแถบๆ นี้ก็มีบริษัทต้นสังกัดของเหล่าดารามากมาย บ่อยครั้งที่จะได้เจอดารา ตามหลักแล้วพนักงานของร้านคาเฟ่นี้ก็น่าจะต้องเคยชินกับการปรากฏตัวของพวกดาราอยู่แล้ว ไม่ควรที่จะมาทำตัวเคลิบเคลิ้มหลงใหลแบบนี้สิ

“คุณ คุณดูสวยกว่าในหนังอีกนะครับ”

เด็กหนุ่มหน้าแดงซ่านเอ่ยชมออกมาอย่างติดๆ ขัดๆ จากนั้นก็แอบลอบมองเจียงเซ่อ

“หนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ สนุกมากเลย”

“ขอบคุณค่ะ”

เจียงเซ่อพยักหน้าให้เขาเบาๆ แต่ถึงจะเป็นการตอบรับธรรมดาๆ แบบนั้นก็สามารถทำให้เด็กหนุ่มตื่นเต้นดีใจได้ไม่ยาก

พอได้มาเห็นแฟนคลับของเจียงเซ่อมายืนสารภาพรักด้วยตาตัวเอง ลัวอ้าวก็เกิดปวดหัวจนต้องยกมือขึ้นนวดขมับ เขายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องพูดคุยกับเจียงเซ่อ แน่นอนว่าคงไม่สามารถให้เด็กหนุ่มมายืนร่วมโต๊ะเดียวกันได้

“ในร้านพวกคุณมีเมนูขนมอะไรที่อยากแนะนำเป็นพิเศษ อย่างนั้นก็ลองเอาแบบที่คุณแนะนำมาก็ได้ค่ะ”

“ได้ครับ!”

เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างจริงจังสองที แล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองเจียงเซ่อ เธอยิ้มน้อยๆ มือยกขึ้นมาเท้าคางด้วยท่าทางเนือยๆ

กาแฟที่ตั้งอยู่ตรงหน้ามันเย็นชืดไปนานแล้ว แต่ดูก็รู้ว่ายังไม่ได้ดื่มมันเลยแม้แต่น้อย มันยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนตอนที่มาเสิร์ฟ

“เดี๋ยวผมเอาแก้วใหม่มาเปลี่ยนให้นะครับ”

เด็กหนุ่มพนักงานยกแก้วกาแฟของเจียงเซ่อแล้วก็ไป ลัวอ้าวยิ้มขำแห้งๆ จากนั้นก็เข้าเรื่องต่อทันที

“คุณเจียงน่าจะรู้อยู่แล้ว ตอนแรกคุณเซ็นสัญญากับซื่อจี้หยินเหอแค่สามปีเท่านั้น และตอนนี้ก็ครบสามปีตามที่กำหนดแล้ว ตอนนั้นที่เซ็นสัญญากัน ผมจำได้ว่าคุณเคยรับปากเอาไว้ว่า ถ้าคุณจะต่อสัญญาในอนาคต คุณก็จะนึกถึงซื่อจี้หยินเหอเป็นที่แรกอย่างแน่นอน”

ลัวอ้าวกลับมามีท่าทีที่จริงจังขึ้นมาก

คำพูดของเจียงเซ่อในตอนนั้นยังดังก้องอยู่ในหู เธอพูดเองกับปากว่าจะยังคงต่อสัญญากับซื่อจี้หยินเหออย่างแน่นอน แต่ในตอนนั้นมันก็เป็นแค่การยืนยันข้อเสนอแรกในกรณีที่เธอยังอยู่ในวงการต่อเท่านั้น

แต่ว่าตอนนี้เจียงเซ่อตัดสินใจแล้วว่าจะไปฝึกงานกับทางมหาวิทยาลัยถึงครึ่งปี และปฏิเสธหนังสองเรื่องที่ทางซื่อจี้หยินเหอเสนอให้เธอเสียอย่างนั้น การกระทำแบบนี้ทำให้ลัวอ้าวรู้สึกลำบากใจไม่น้อย

เจียงเซ่อถือว่าเป็นคนที่มีศักยภาพจริงๆ ยอดการขายบัตรหนังของเธออยู่ในระดับไหนก็เห็นๆ กันอยู่ อีกทั้งหนังเรื่อง ‘Evil’ ที่ร่วมแสดงกับหลิวเย่ก็กำลังจะออกฉายในปีหน้าอยู่แล้ว

บทหนังเรื่องนี้ไม่มีปัญหาอะไร นักแสดงทั้งสองคนในเรื่อง การแสดงของเจียงเซ่อนั้นลัวอ้าวเองก็ยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นหลิวเย่ที่ร่วมเล่นหนังเรื่องนี้ด้วยนั้น ยอดขายหนังบัตรหนังจะอยู่ที่เท่าไหร่ ถึงจะไม่ได้ดีมากแต่ก็ต้องได้อะไรกลับมาบ้างอยู่แล้ว

ขอแค่เจียงเซ่อในเรื่องแสดงได้อย่างไม่มีผิดพลาดและเป็นไปตามบทบาทแล้วละก็ ประสบการณ์ที่ได้ร่วมงานกับหลิวเย่ก็ถือว่าจะเป็นตัวช่วยดึงฐานะและจุดยืนของเธอได้มากทีเดียว

แล้วถ้าจะมายอมแพ้ในตัวเธอในตอนนี้ก็ดูจะน่าเสียดายไปหน่อย

“แน่นอนค่ะ ฉันจำได้”

พนักงานที่ตรงบาร์ยืนรวมตัวกัน พนักงานที่เป็นเด็กหนุ่มหลายคนกำลังจับกลุ่มพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงเบาๆ พลางมองมาทางเธอเป็นระยะๆ

เจียงเซ่อเองก็สังเกตเห็นพวกเขา และพวกเขาก็ดูจะตื่นเต้นดีใจกันไม่น้อย

ปกติข่าวคราวของเจียงเซ่อก็ถือว่าเงียบอยู่แล้ว ออกงานสาธารณะก็น้อย ให้สัมภาษณ์ก็ไม่เยอะ ในข่าวบันเทิง ก็น้อยที่จะเห็นข่าวเธอรับงานใหม่

การที่ได้เห็นเจียงเซ่อตัวจริงเสียงจริงแบบนี้ จึงทำให้เหล่าวัยรุ่นทั้งหลายรู้สึกดีใจไม่น้อย มีบ้างที่จะแอบยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูป

“ผิวเธอดีมากเลยอ่ะ” เด็กสาวคนหนึ่งที่สวมชุดกระโปรงยูนิฟอร์มพูดกับคนที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาเบาๆ พอเห็นว่าเจียงเซ่อหันมามองที่ตัวเอง หน้าหล่อนก็แดงไปหมด

“ตอนที่ฉันไปดูหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ นะ ก็ยังคิดว่าเป็นเพราะแสง คิดว่าเป็นเพราะเธอแต่งหน้าอยู่เลย แต่พอได้มาเห็นตัวจริงแล้ว ก็เพิ่งรู้ว่าผิวของเธอดีและขาวขนาดนี้ คิ้วก็เข้มสวย”

เจียงเซ่อยกมือขึ้นเสยขึ้น เส้นผมหลายเส้นคลอเคลียอยู่บนแก้มของเธอ สันกรามและปลายคางของเธอนั้นเรียวได้รูปราวกับภาพวาดที่แสนสง่างาม แสงแดดที่สาดส่องลงมาบนตัวเธอทำให้ผิวยิ่งดูขาวเนียนละเอียด จนเห็นแม้กระทั่งขนอ่อนของเธอเลยด้วยซ้ำ

“ดังนั้นการเจอกันในครั้งนี้ ก็เป็นแค่การแจกแจงเรื่องสัญญาเท่านั้น” เจียงเซ่อเองก็ไม่ได้พูดยืดเยื้ออะไร จากนั้นก็พูดถึงเงื่อนไขของตัวเองออกมาทันที

“สัญญารอบแรก ฉันขอเซ็นสัญญาแค่สองปีเท่านั้น และในขณะเดียวกันส่วนแบ่งที่บริษัทเคยได้ 60% ให้เปลี่ยนเป็น 50% ส่วนเงื่อนไขที่เหลือก็คงไว้ตามเดิม หลังจากสองปีให้หลังก็ยังคงเหมือนเดิม หลังจากครบกำหนดสัญญาแล้ว ฉันก็จะยังต่อสัญญากับซื่อจี้หยินเหอ”

เงื่อนไขที่ที่เสนอมานั้นทำเอาลัวอ้าวแปลกใจไม่น้อย ที่จริงเขาคิดว่าเจียงเซ่อคงจะเป็นเหมือนสิงโตที่อ้าปากรอเหยื่ออยู่แล้ว อย่างน้อยก็ในเรื่องส่วนแบ่ง ลัวอ้าวคิดว่าเจียงเซ่อจะขอให้มีการแบ่งเปอร์เซ็นต์ที่เยอะกว่านี้เสียอีก

แต่เธอกลับไม่ได้ทำแบบนั้น เธอแค่ขอให้ส่วนแบ่งของบริษัทที่เคยได้ไป 60% เปลี่ยนเป็น 50% แทน นี่มันก็เหมือนไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปจากสัญญาตัวเก่าของเธอเเลยสักนิด

“คุณเจียง”

จู่ๆ ลัวอ้าวก็เกิดรู้สึกว่าเรื่องนี้จัดการยากขึ้นมาเสียอย่างนั้น ที่จริงการที่เขามาเจอกับเจียงเซ่อในครั้งนี้ ถึงจะไม่ได้มีประธานซื่อจี้หยินเหออย่างลัวหยิ่นมาออกหน้าเอง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีลัวหยิ่นเป็นคนคอยชี้นำอยู่แล้ว

ก่อนที่จะออกมานี่ ท่านประธานบริษัทก็เป็นคนสั่งมาโดยตรง ว่าเขาจะต้องโน้มน้าวเกลี้ยกล่อมให้เจียงเซ่อเซ็นสัญญาระยะยาวให้ได้ ขอแค่ให้เธอยอมเซ็นสัญญาสิบปีขึ้นไป จากนั้นในเรื่องส่วนแบ่ง ทางบริษัทจะสามารถลดให้ได้ถึง 35% เลยทีเดียว

แต่เจียงเซ่อกลับมีความคิดเห็นไปคนละทิศละทางกับลัวหยิ่น เธอลดเปอร์เซ็นต์ส่วนได้ของบริษัทลงเพียงแค่ 10% เท่านั้น แต่ก็ลดระยะเวลาสัญญาจากสามปีเป็นสองปีด้วย

ตอนนั้นที่ลัวหยิ่นเซ็นสัญญากับเธอ ก็เพราะว่าเห็นแค่ฉางยวี่หู จึงยอมที่จะแบ่ง 10% ของตัวเองให้กับเจียงเซ่อ และตอนนี้ก็เหมือนว่าเธอได้ขอส่วนแบ่งเพิ่มจากบริษัท 10% พอดี เมื่อลองดูส่วนได้ส่วนแบ่งระหว่างเธอบริษัทกับเธอดูแล้ว ค่าตอบแทนของเธอก็เหมือนว่าจะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลยด้วยซ้ำ

“คุณจะไม่ลองพิจารณาดูอีกสักหน่อยหรือ? ผมขอพูดกับคุณแบบไม่อ้อมค้อมเลยนะ การที่ผมนัดเจอคุณในครั้งนี้ ท่านประธานเองก็ให้ความสำคัญอยู่ไม่น้อย เขาได้กำชับกับผมว่า ขอแค่คุณยอมเซ็นสัญญากับเราต่อสิบปี ในเรื่องของส่วนแบ่ง เราก็คุยกันได้ถึง 40% เลยนะครับ”

ลัวอ้าวกัดฟัน และจำใจต้องเผยไม้ตายสุดท้ายออกไป

“ใน 10% ที่หายไปนั้นมันมากแค่ไหน ผมคิดว่าคุณเองก็น่าจะรู้ดีนะครับ”

ในตอนนี้ศักยภาพของเจียงเซ่อมีถึงตรงนี้ ทางบริษัทเองก็ส่งหนังตั้งสองเรื่องมาให้เธอได้เลือก และการลงทุนของหนังทั้งสองเรื่องก็เสนอค่าตอบแทนมากว่าห้าสิบล้าน

ถ้าหากว่าปีหนึ่งเจียงเซ่อรับเล่นหนังถึงสามเรื่อง ใน 10% นั้นก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่เยอะพอสมควร ดูจากฐานะของเซี่ยเชาฉวินแล้ว การที่ซื่อจี้หยินเหอได้ส่วนแบ่งแค่ 40% นั้นก็ถือว่าไม่ได้สูงอะไรเลย แถมเรียกว่าน้อยไปเสียด้วยซ้ำ

แต่เจียงเซ่อก็ยังส่ายหน้า

“มันคือเงื่อนไขของฉันเองค่ะ”

แล้วเด็กหนุ่มขี้อายคนเดิมก็เดินกลับมาเสิร์ฟกาแฟที่มีไอร้อนขึ้นอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ยังเดินมาไม่ถึง แต่กลิ่นหอมๆ ก็ลอยนำมาก่อนแล้ว

“พอดีผมเห็นว่ากาแฟที่สั่งไปก่อนหน้านี้คุณยังไม่ได้ดื่มมันเลย ผมเลยเอามันไปอุ่นให้ใหม่ครับ......”

“ขอบคุณค่ะ” เจียงเซ่อเงยหน้าตอบเขาด้วยรอยยิ้ม “ที่จริงฉันแค่ชอบกลิ่นหอมๆ ของกาแฟน่ะค่ะ”

“อ๋อ อย่างนั้นหรือครับ?”

เด็กหนุ่มคนนั้นมีท่าทางที่ดีใจสุดๆ ราวกับว่าได้รู้ความลับเล็กๆ ของหญิงสาวในฝันเข้า “อย่างนั้นถ้าหากว่าคุณเจียงมีเวลาว่างอีก ก็สามารถมาที่ร้านคาเฟ่ของเราได้บ่อยๆ เลยนะครับ เอ่อ คุณเป็นนักแสดงของซื่อจี้หยินเหอใช่ไหมครับ?”

“ใช่ค่ะ”

เด็กหนุ่มตรงหน้าเชิญชวนอย่างใจดี เจียงเซ่อเองก็พูดคุยกับเขาไปอีกสองสามประโยค แต่ในตอนนี้ลัวอ้าวกำลังร้อนใจสุดๆ ถึงเข้าขัดบทสนทนาและขอให้แฟนคลับที่ดูจะชื่นชอบเธอมากช่วยออกไปก่อนอย่างมีมารยาทแต่ก็เย็นชา และกลับมาพูดถึงประเด็นหลักอีกครั้ง

“คุณลองพิจารณาอีกสักครั้งดีไหม”