บทที่ 335 ต่อสัญญา
ลัวอ้าวยืนนิ่งแบบนั้นอยู่พักหนึ่ง และกำลังเดาว่าเจียงเซ่อได้รู้สึกบ้างหรือไม่ว่าตัวเองมีสิทธิ์จะเสียโอกาสจากหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ไปแล้ว
แต่ทว่าคงไม่เป็นแบบนั้นแน่ๆ!
ถ้าเจียงเซ่อยังเอาแต่อืดอาดแบบนี้ แล้วยังโง่อยู่แบบนี้ เซี่ยเชาฉวินคงไม่มีทางที่จะเลือกเธอแน่ๆ
อย่างไรก็ตาม ถึงเจียงเซ่อจะดูไม่ออกว่าการที่ตัวเองขึ้นเป็นข่าวเมื่อวานจะส่งผลอย่างไรกับตัวเอง แต่เซี่ยเชาฉวินจะต้องดูออกแน่ๆ ไม่อย่างนั้นหล่อนคงไม่จัดการทุกอย่างได้เร็วขนาดนี้ หยิบเรื่องข่าวของเหยาเสียงขึ้นมาแทนข่าวของเจียงเซ่อ
ลัวอ้าวนึกถึงครั้งแรกที่ได้เจอเจียงเซ่อเมื่อสามปีก่อน ตอนนั้นเธอยังเป็นแค่ดาราหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการ เพิ่งจะมีเรื่องไปกับจูพ่านที่อยู่ซื่อจี้หยินเหอเหมือนกัน แต่ตอนที่ได้พบกัน เขากลับไม่เห็นถึงความเกลียดชังหรือไม่ชอบต่อจูพ่านจากตัวเจียงเซ่อเลยสักนิด
“คุณเจียง” ลัวอ้าวเดินเข้ามาในร้านคาเฟ่ นิตยสารในมือของเจียงเซ่อเพิ่งจะเปิดอ่านไปได้ครึ่งของครึ่ง เขาจัดเนคไทเล็กน้อย แล้วนั่งลง
“มารอนานแล้วหรือ?”
เจียงเซ่อส่ายหน้า แล้วมองดูเขาสั่งกาแฟ และหันมาถามเธอย่างมีมารยาทว่าอยากจะได้อะไรเพิ่มหรือไม่ จนได้คำตอบที่แน่ใจแล้ว ก็ยังสั่งของหวานมาอีกสองสามอย่าง รอจนพนักงานเดินออกไปแล้ว ลัวอ้าวก็มองเจียงเซ่อด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีด้วยนะครับ ยอดขายของหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ดีมากเลยนี่”
ตั้งแต่ที่หนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ เข้าฉายมา แค่ภายในอาทิตย์แรกก็ได้ยอดขายบัตรหนังทะลุห้าร้อยล้านไปแล้ว แถมยังได้คำชื่นชมอีกมากมาย
ในสถานการณ์ที่ภาพยนตร์หนังรักมักจะเหลือแต่พล็อตเรื่องเดิมๆ แต่เพราะหนังเรื่องนี้มีการใช้เทคนิคการถ่ายทำที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เหมือนได้สร้างหนังที่ให้ความรู้สึกแตกต่างไปอีกแบบ
ถึงแม้ว่าระยะเวลาของหนังจะไม่ใช่สั้นๆ แต่เพราะยอดขายบัตรหนังมันดีมากๆ จึงทำให้โรงหนังภาพยนตร์ต่างๆ พากันเพิ่มรอบ ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ อย่างไม่ต้องคิดอะไรเลย จึงทำให้ยอดขายของบัตรหนังยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีท่าทีว่าจะผ่อนลงเลยแม้แต่น้อย
บนอินเทอร์เน็ตเองก็มีการวิจารณ์พูดถึงกันมากมาย อีกทั้งเหล่านักวิจารณ์หนังเองก็บอกว่าเป็นหนังที่ดี คนดูหลายๆ คนที่ได้ดูหนังนี้จนจบแล้ว ต่างก็บอกว่าเป็นหนังรักที่ดีอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่แพ้หนังรักที่มีชื่อเสียงมาก่อนหน้านี้เลย และหลายๆ คนก็บอกว่าหนังเรื่องนี้ เป็นแบบอย่างของหนังรักเรื่องต่อๆ ไปได้เป็นอย่างดี
ลัวอ้าวถึงกับรู้สึกได้อย่างว่องไวว่า ถ้าหากหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ยังคงมีแนวโน้มที่จะก้าวหน้าต่อไปเรื่อยๆ แล้ว สุดท้ายแล้วยอดขายมันอาจจะไม่ได้หยุดอยู่แค่หนึ่งพันหาร้อยล้านอย่างที่คนในวงการคาดกันเอาไว้แน่ๆ มันคงจะไปได้สูงกว่านั้น
และนี่คือหนังรัก แค่นี้ก็เห็นแล้วว่ามีผลตอบรับที่ดีขนาดไหน
เจียงเซ่อถือว่าเป็นคนดังคนหนึ่งเลยทีเดียว
เมื่อสามปีก่อนที่ลัวอ้าวได้เซ็นสัญญากับเธอไป เธอก็เหมือนเพิ่งจะได้มีบทบาทเท่านั้นเอง ถึงแม้ว่าตอนนั้นลัวอ้าวคิดว่ายังไงเธอก็ต้องดังแน่ๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะดังได้เร็วขนาดนี้
ในสองปีที่ผ่านมางานเธอก็ไม่ได้เยอะอะไร แต่นอกจากจะเป็นบทตัวประกอบแล้ว บทตัวละครที่สำคัญเป็นอย่างมากจนเรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ก็คือเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ และเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ และยอดขายของหนังสองเรื่องนี้รวมกันก็ได้ไปกว่าสี่พันล้านแล้ว นี่ก็ถือว่าเป็นการยืนยันแล้วว่าเจียงเซ่อมีแรงดึงดูดยอดขายบัตรหนังมากแค่ไหน และในอนาคตเหล่านักลงทุนก็จะดูถึงความสำคัญของตัวเลขนี้มากแน่ๆ
ยิ่งยอดขายหนังที่เจียงเซ่อเล่นดีเท่าไหร่ ก็ยิ่งยืนยันได้ว่าค่าตัวของเธอจะต้องสูงขึ้นด้วย
ถึงแม้ว่าเธอจะทำแค่งานเล็กๆ แต่ก็ไม่มีทางที่จะส่งผลต่อฐานะและคำชื่นชมของตัวเธอเอง
ที่ลัวอ้าวนัดเธอมาเจอในครั้งนี้ ก็เพื่อมาเจรจาเรื่องการต่อสัญญากับเธอ
การเซ็นสัญญาเมื่อสามปีที่แล้วลัวอ้าวยังจำได้ดี มาถึงตอนนั้นเธอก็เป็นที่พบเห็นบ้างแล้ว อีกทั้งยังมีฉางยวี่หูสนับสนุนยืนยัน เบื้องหลังของเธอก็มีแบคใหญ่ และเธอก็มีคุณสมบัติที่ดีในตัวเอง ดังนั้นตอนที่เซ็นสัญญากัน เธอจึงเสนอว่าขอแค่สามปีเท่านั้น
นอกจากนี้แล้ว เจียงเซ่อก็ไม่มีข้อแลกเปลี่ยนอะไรอีก ทำให้ในภายหลังการหักส่วนแบ่ง 60% ให้กับบริษัทตามกฎกติกา ก็ไม่ได้เกิดปัญหาขัดแย้งอะไรขึ้น
ก่อนที่จะเซ็นสัญญากัน ถึงแม้ว่าลัวอ้าวจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการเซ็นสัญญาแค่สามปี แต่เจียงเซ่อก็เคยพูดเอาไว้ ว่าหลังจากสามปีให้หลังเธอจะต่อสัญญาแน่นอน
และตอนนี้สามปีเหล่านั้นก็ผ่านไปแล้ว และตอนนี้ลัวอ้าวก็รู้ดีว่า จะต้องมีบริษัทค่ายอื่นที่เริ่มเห็นศักยภาพของเจียงเซ่อแล้วแน่ๆ และจะต้องมีการเสนอข้อเสนอที่สมน้ำสมเนื้อกับเธออย่างแน่นอน สองสามปีที่ผ่านมานี้ ต้นทุนที่ซื่อจี้หยินเหอมีให้เธอนั้นไม่ได้มีมากมายอะไรเลย นอกจากจะมีเซี่ยเชาฉวินแล้ว งานของเธอที่ได้จากซื่อจี้หยินเหอก็มีแค่หนังสองเรื่อง และพรีเซนเตอร์สินค้าอีกสองชิ้นเท่านั้น
หรือพูดได้ว่าในสองปีผ่านมานี้ เจียงเซ่อก็ไม่ได้ทำเงินอะไรมากมาย จนกระทั่งมาถึงช่วงที่เธอเริ่มถ่ายหนัง ‘Evil’ ถึงได้ค่อยๆ มีค่าตอบแทนเข้าบัญชีตัวเองบ้าง
เมื่อสองปีก่อน คือการค่อยๆ เริ่มมีชื่อเสียง แต่ก็ต้องแบกรับภาระที่หนักหน่วง แล้วมาถึงตอนนี้ก็ยังมาโดนเถาเฉินคิดที่จะแย่งชิงโอกาสจากเรื่อง ‘The Lost City’ ไปอีก ถึงแม้ว่าในตอนนั้นเจียงเซ่อจะพูดเอาไว้แล้วว่าถ้าจะต่อสัญญาก็คงจะต่อที่ซื่อจี้หยินเหอ แต่ตอนนี้ลัวอ้าวกลับยังไม่กล้าปักใจอะไรมากมายว่าเธอจะทำตามสิ่งที่เคยพูดเอาไว้
มีอย่างเดียวที่ทำให้พอใจชื้นขึ้นมาได้ ก็คือการที่เธอยินยอมที่จะออกมาพบกับเขา นี่คงจะสัญญาณที่ดี
“ขอบคุณค่ะ”
เจียงเซ่อยิ้มๆ ลัวอ้าวแอบดูท่าทีเธออย่างเนียนๆ
“ช่วงนี้ทางบริษัทมีหนังอยู่สองเรื่อง บทหนังถือว่าไม่เลวเลยนะ หนึ่งในนั้นมีเรื่องหนึ่งที่หนิงจ้านผิงเป็นผู้กำกับด้วยนะ ผมคิดว่าเซี่ยเชาฉวินคงได้บอกเรื่องนี้กับคุณแล้วใช่ไหมล่ะ”
เทียบกับเจียงเซ่อเมื่อสามปีก่อนแล้ว เหมือนเธอจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมายเลย เธอหลุบตาลง ก่อนจะยื่นมือออกไปจับช้อนคนกาแฟ แล้วยิ้มออกมา
“ฉันยังไม่มีแพลนที่จะรับงานหนังใหม่ช่วงนี้หรอกค่ะ และฉันก็คิดว่าพี่เชาฉวินเองก็คงบอกกับทางบริษัทไปแล้วเช่นกัน”
ลัวอ้าวมองไปที่มือของเธอ พระผู้เป็นเจ้ามักเข้าข้างหญิงงามเป็นพิเศษ ดวงหน้าของเธองดงามละเอียดอ่อนจนแทบจะไม่มีรอยตำหนิใดๆ นิ้วมือก็เรียวสวย ผิวก็ดูขาวเนียนละเอียด ดูนุ่มและบอบบางเสียจนเห็นรอยเส้นเลือดได้อย่างชัดเจน
แสงอาทิตย์สาดส่องอยู่บนตัวเธอ มือเรียวสวยของเธอกำลังแตะอยู่บนแก้วกาแฟสีขาวสะอาดนั่น มันเหมือนดั่งภาพวาดภาพหนึ่ง จนทำให้ลัวอ้าวอดไม่ได้ที่จะลอบมองมันอยู่สองสามครั้ง
“ต่อจากนี้อีกหลายเดือน ฉันตัดสินใจว่าจะไปฝึกงานศึกษาโบราณคดีกับทางมหาวิทยาลัย กลับมาอีกทีก็คงจะเป็นช่วงมกราคมปีหน้าแล้ว”
ลัวอ้าวขมวดคิ้ว ชัดเจนว่าเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเจียงเซ่อถึงเลือกแบบนั้น
“ขอโทษด้วยนะครับที่ต้องพูดออกมาตรงๆ” เขาเรียบเรียงคำพูดในใจอยู่ครู่หนึ่ง “ผมคิดว่าการฝึกงานศึกษาโบราณคดีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับอนาคตของคุณเจียงเลย”
เขามองเจียงเซ่อด้วยสายตาที่สื่อความหมาย จากนั้นก็พูดต่อ
“เว้นเสียแต่ว่าหลังจากที่คุณเจียงเรียนจบแล้ว คิดที่จะสอบเข้าสาขาศึกษาโบราณคดีต่อ”
แต่อย่างไรลัวอ้าวก็ไม่คิดว่าการเลือกเรียนประวัติศาสตร์และโบราณคดีจะมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับวงการบันเทิง คำพูดนั้นของเขาก็เหมือนเป็นการถามถึงแผนการในอนาคตของเจียงเซ่อ แต่ก็กำลังดึงบทสนทนาให้ไปถึงเรื่องการต่อสัญญาด้วย
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ ก็แค่คิดว่าการถ่ายหนังตลอดสองปีที่ผ่านมานี้ มันก็ทำให้ฉันเสียเวลาการเรียนไปมากพอแล้ว”
เจียงเซ่อไม่ได้มีการอธิบายให้เขาได้เข้าใจอะไรมากกว่านี้ และไม่ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหานี้อีก เธอพูดต่อ
“ฉันจำได้ว่า เมื่อสามปีก่อนที่ฉันเซ็นสัญญากับทางซื่อจี้หยินเหอ ก็ได้มานั่งคุยกับคุณแบบนี้เหมือนกันใช่ไหมคะ?”
พอลัวอ้าวได้ยินเธอพูดถึงหัวข้อสำคัญขึ้นมาแล้ว ตาของเขาก็เป็นประกาย จากนั้นก็พยักหน้ารับ
“ใช่ครับ ที่ผมนัดคุณเจียงมา ก็เพื่อจะมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการต่อสัญญานี่แหละครับ”
พนักงานในร้านยกกาแฟมาเสิร์ฟ พนักงานที่ยกมาเสิร์ฟนั้นเป็นวัยรุ่นหนุ่มคนหนึ่ง แถมเด็กคนนั้นก็ยังแอบลอบมองไปทางเจียงเซ่ออยู่หลายครั้งหลายครา แอบมองเธอจนหน้าแดงใจเต้นไปหมด เด็กหนุ่มยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ยอมไปไหนเสียที จนลัวอ้าวอดไม่ได้ที่จะกระแอมไปเตือนออกไป แต่กลับทำให้ใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นแดงยิ่งกว่าเดิม
“คุณเจียงครับ คุณชอบชายามบ่ายไหมครับ? เชฟทำขนมหวานของร้านเรามีฝีมือที่ดีมากเลยนะครับ ถ้าคุณชอบ เดี๋ยวผมเลี้ยงเองเลยครับ......”