webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

328

บทที่ 328 ดุเดือด

ระหว่างเจียงเซ่อและเชี่ยซ่าเหลย การพบเจอพูดคุยกันจริงๆ ก็มีแค่ตอนเจอกันที่งานหนังภาพยนตร์หัวเซี่ย และหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ไม่มีการติดต่อส่วนตัวกันอีกเลย

แต่ตอนนี้เจียงเซ่อและเชี่ยซ่าเหลยกลับพูดคุยถึงเรื่องที่ชอบกันอย่างถูกปากถูกคอ แปบเดียวก็สามารถจุดไฟขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย

เชี่ยซ่าเหลยเป็นคนที่ประสาทไวเรียนรู้เร็ว ความรู้ที่มีก็กว้างขวาง แต่เขาก็มีขีดจำกัดของตัวเองด้วยเช่นกัน พอบรรยากาศเริ่มดีขึ้นมาหน่อย เจียงเซ่อก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปพูดอะไรมากมายอีก เพราะเขาสามารถระงับและหยุดหัวข้อที่กำลังพูดคุยได้เอง

มีบ้างที่เจียงเซ่อตอบกลับไปหลายประโยค แต่ทั้งสองก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ทำให้เริ่มมีความสนิทสนมกันมากขึ้นไม่น้อย

ทั้งสองพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอยู่เกือบจะครึ่งชั่วโมง เชี่ยซ่าเหลยก็เริ่มสั่งให้พ่อครัวเสิร์ฟอาหารได้เลย เขาพับแขนเสื้อขึ้น เทียบกับลุคใส่เสื้อเชิ้ตที่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว แบบนี้ก็ดูน่าดึงดูดขึ้นมามากกว่าเดิมอีก

“ผมพูดตรงๆ เลยนะ ผมกำลังมีแผนที่จะเปลี่ยนนิยายเรื่อง “นักโทษ” ให้เป็นภาพยนตร์ แต่ว่าในตอนนี้ยังไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จเท่าไหร่ คุณรู้ไหมเพราะอะไร?”

เป็ดย่างที่นำมาเสิร์ฟนั้นถูกหั่นชิ้นใส่จานมาให้เรียบร้อยแล้ว มันถูกย่างจนหนังของมันกรอบและมีเหลือบมันสวยงาม อีกทั้งยังมีไอร้อนหอมฉุยลอยขึ้นมาอีกด้วย แสงอาทิตย์ข้างนอกนั่นกำลังอยู่ในเวลาที่พอเหมาะ เงาของเชี่ยซ่าเหลยสะท้อนเด่นชัดอยู่บนกระจกนานหลายนาทีจนทำให้รู้สึกสับสนและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น

ในที่จอดรถใต้ตึกร้านเป็ดย่างนั้น มีชายหนุ่มสองคนนั่งอยู่ในรถ คนหนึ่งกำลังยกกล้องส่องไปยังที่หน้าต่างบนชั้นสามของตึก ส่วนอีกคนกำลังคุยโทรศัพท์

“……เข้าไปแล้ว เข้าไปประมาณสี่สิบนาทีได้แล้ว” น้ำเสียงของเขาสั่นๆ น้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่ากำลังตื่นเต้นมากแค่ไหน “นี่มันเป็นข่าวที่โคตรลับสุดๆ ไปเลย! แต่ว่า กล้าปล่อยไหมล่ะ?”

ในบ้านพักตากอากาศแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในมุมที่สงบในเมืองตี้ตู เถาเฉินเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นานนัก หลังจากที่เดินทางเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทาง พอออกมาจากห้องน้ำ ในมือก็ยังถือมือถือเอาไว้

คามิล่า ผู้ช่วยส่วนตัวของเธอกำลังถือผ้าขนหนูเข้ามาเช็ดผมที่ยังมีน้ำหยดให้ เถาเฉินหันไปยิ้มหวานให้กับหล่อน แต่มือที่กำลังถือโทรศัพท์นั่นกลับกำแน่นเสียจนขึ้นข้อขาว

ที่จริงเรื่องพวกนี้ล้วนแล้วเป็นสิ่งที่เซี่ยเชาฉวินเคยช่วยดูแลให้มาตลอด แต่เมื่อครึ่งปีก่อน เซี่ยเชาฉวินกลับขอลาออกจากตำแหน่งกับบริษัทไปเสียอย่างนั้น และไม่คิดที่จะเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้เธอต่อแล้ว และก็ได้มารู้ทีหลังว่าเซี่ยเชาฉวินกำลังเปลี่ยนใจไปสนใจแค่เจียงเซ่อแทน

หล่อนร่วมงานอยู่กับเซี่ยเชาฉวินมานานหลายปี แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าสุดท้ายแล้วเซี่ยเชาฉวินจะเลือกดาราหน้าใหม่ และทิ้งหล่อนเอาไว้แบบนี้

“คุณเถา คุณเถา……”

อีกด้านของปลายสาย เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งเรียกเธอขึ้นมา ทำให้เถาเฉินตื่นจากความคิด หล่อนตอบ ‘อืม’ กลับไป

“ยังไงก็ถ่ายมาได้แล้วใช่ไหมล่ะ แถมเป็นความลับที่ใหญ่ขนาดนี้ ทำไมจะไม่ปล่อยล่ะ?” หล่อนตอบกลับอย่างไม่ลีลาอะไร

“ถ้ากลัว ‘แฟนหนุ่ม’ ของเจียงเซ่อจะโกรธเอา ก็เปลี่ยนหัวข้อข่าวหน่อยก็แล้วกัน”

เถาเฉินเอียงหน้าคิด “ดาราหน้าใหม่เจียงเซ่อพบหน้ากันกับผู้กำกับสัญชาติอิตาลีเชี่ยซ่าเหลย หรือกำลังเจรจากันเรื่องการร่วมมือกันในหนังเรื่องใหม่?” แล้วหล่อนก็หัวเราะออกมา ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกาย

“เธอดูสิคามิล่าแม้แต่หัวข้อข่าวฉันก็ยังช่วยคิดให้แทนเจียงเซ่อเลย”

ปลายสายที่กำลังพูดคุยกับหล่อนคือเฉินเจียวผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ของหล่อนเอง พอรู้ถึงความหมายในคำพูดของหล่อนแล้ว ก็เกิดร้อนใจขึ้นมาทันที

“คุณเถา……”

ที่เถาเฉินรับรุดกลับมาประเทศแบบนี้ ทั้งหมดก็เพราะเชี่ยซ่าเหลย

ที่จริงหล่อนควรที่จะถ่ายนิตยสารอยู่ที่ประเทศอังกฤษ แต่กลับได้รู้ข่าวที่น่าประหลาดใจว่าบริษัทบอร์เจียและบริษัทฮว๋านเต่า กำลังสนใจที่จะลงทุนกับหนังแนวแอดเวนเจอร์เรื่องหนึ่งอยู่ และรู้มาว่าเป็นหนังที่เริ่มมีการเตรียมตัวตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว

เมื่อเทียบกับข้อมูลต่างๆ ที่เซี่ยเชาฉวินบอกกับเจียงเซ่อ เถาเฉินรู้ถึงเรื่องพวกนี้มากกว่าแน่นอน เพราะแม้แต่ชื่อเรื่องของหนังที่กำลังสร้างเธอก็ไปสืบรู้มาแล้ว

หนังที่กำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมการนี้ได้กำหนดตัวพระเอกนางเอกเอาไว้แล้ว พระเอกนั้นคือทางTom Gretel นักแสดงชายที่โด่งดังของฮอลลีวูด ซีรีส์เรื่อง ‘Air Panic’ ที่เขาเล่นนั้นทำให้เขาโด่งดังและมีชื่อเสียงมาก และตอนนี้ทอมก็เป็นหนึ่งในดารานักแสดงชายที่มีชื่อเสียงของฮอลลีวูด อีกทั้งยังเคยถูกจัดอยู่ในอันดับที่เจ็ดของโพลผู้ชายที่เซ็กซี่ที่สุดในโลกของนิตยสาร ‘สือไต้บันเทิง’ ฐานะจุดยืนของเขาในฮอลลีวูดถือว่าสูงพอควร ในทีมหนังเขาได้รับเลือกให้เป็นพระเอก และนั่นก็พอที่จะเห็นถึงความทะเยอทะยานของหนังเรื่องนี้แล้ว

“บริษัทบอร์เจียเคยเปิดเผยข้อมูลใน ‘The Lost City’ เอาไว้ว่า กำลังคิดที่จะเพิ่มบทตัวละครหญิงสาวอีกคนหนึ่งเข้าไปในหนัง แต่ตอนนี้ยังไม่มีการกำหนดว่าใครจะแสดง และเชี่ยซ่าเหลยก็เสนอไปว่ามีหญิงสาวชาวหัวเซี่ยคนหนึ่งที่เหมาะสมกับบทบทนั้น……”

ตอนนี้ปลายสายอย่างเฉินเจียวกำลังเหงื่อแตกเต็มหน้าผาก พูดแต่ละคำก็สั่นเครือไม่ค่อยชัดเจน

“ในสถานการณ์แบบนี้ ที่จริงเจียงเซ่อเป็นฝ่ายได้เปรียบที่สุดเลยนะ ถ้าเกิดปล่อยข่าวออกไป มันก็จะเป็นผลดีกับเจียงเซ่อ และทำไมเธอถึงอยากจะขายข่าวนี้ให้กับนักข่าวของหัวเซี่ยจือซวิ้นกันล่ะ แถมยังบอกให้พวกเขาพาดหัวข้อข่าวแบบนั้นอีก!”

เถาเฉินถอนหายใจออกมา และไม่คิดที่จะตอบคำถามของเฉินเจียว และกดตัดสายไปในทันที

และนี่คือข้อเสียที่แตกต่างกันไปของผู้จัดการส่วนตัว

ถ้าหากว่าเซี่ยเชาฉวินยังเป็นผู้จัดการส่วนตัวของหล่อน ถ้าหากว่าลัวหยิ่นของซื่อจี้หยินเหอไม่วางแผนให้เซี่ยเชาฉวินรับงานสองงานพร้อมๆ กัน เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้ คงไม่จำเป็นที่ตัวหล่อนจะต้องรีบกลับมาจัดการมันด้วยตัวเองด้วยซ้ำ เพราะเซี่ยเชาฉวินจะเป็นคนจัดการให้หล่อนอย่างเรียบร้อยไม่ต้องห่วง

ทั้งๆ ที่หล่อนก็พูดออกไปอย่างชัดเจนขนาดนั้นแล้ว แต่เฉินเจียวกลับยังเอาแต่ไล่ถามเธออยู่แบบนั้น

เถอเฉินชักจะเริ่มสงสัย ว่าหลายปีมานี้เป็นเพราะหล่อนได้เปิดโลกทัศน์กับเซี่ยเชาฉวินมาก่อน หรือว่าในซื่อจี้หยินเหอ ผู้จัดการส่วนตัวมือทองกับผู้จัดการชั้นแนวหน้ามันแตกต่างกันราวกับถูกกั้นด้วยภูเขาแบบนี้อยู่แล้ว?

หล่อนอยากจะก้าวสู่วงการฮอลลีวูด อยากจะก้าวเข้าสู่วงการฝั่งยุโรป-อเมริกา หลายปีมานี้หล่อนมุ่งเจาะตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ทั้งงานโฆษณา นิตยสารจนไปถึงภาพยนตร์ที่รับเล่นก็ล้วนแล้วอยู่ในแวดวงของยุโรป-อเมริกาทั้งสิ้น แต่ทว่าทั้งๆ ที่หล่อนพยายามถึงขนาดนี้ แต่ผลที่ได้กลับมากลับไม่ยิ่งใหญ่พอ

เถาเฉินมีชื่อเสียงเรืองรองในประเทศ เรียกได้ว่าเทียบเท่ากับหลิวเย่ แต่ทว่าในต่างประเทศนั้นกลับยังไปได้ไม่ถึงไหนมาโดยตลอด

ตอนนี้เชี่ยซ่าเหลยกำลังเตรียมถ่ายทำและลงทุนก้อนใหญ่กับหนังเรื่อง ‘The Lost City’ จากข้อมูลที่หล่อนรู้มา ทางบริษัทบอร์เจียบันเทิงที่เป็นคนคิดจะลงทุนก็กำลังสนใจที่จะทำหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ให้เป็นหนังซีรี่ส์อีกด้วย อีกทั้งยังมีการเสนอหญิงสาวชาวหัวเซี่ยคนหนึ่งที่จะมารับบทนักแสดงสมทบหญิง

ตอนที่เถาเฉินได้ยินข้อมูลเหล่านั้น ไม่รู้ทำไม ถึงได้นึกถึงเจียงเซ่อเป็นคนแรก

ตอนในงานหนังภาพยนตร์หัวเซี่ย หล่อนเองก็ได้เห็นเองกับตาว่าเชี่ยซ่าเหลยได้มีการแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อกับเจียงเซ่อ แต่เถาเฉินไม่เคยคิดสงสัยถึงการกระทำเล็กๆ น้อยๆ แบบนั้นเลย แต่ภายหลังก็พบว่ามันเกี่ยวข้องกับหล่อนด้วย พอได้ลองสืบถึงเรื่องในงานหนังภาพยนตร์แล้ว ก็พบว่าใบคะแนนโหวตของเชี่ยซ่าเหลยนั้นได้โหวตให้กับเจียงเซ่อจากบทโต้วโค่วในเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’

และหลังจากที่รู้ว่าเชี่ยซ่าเหลยไปฮ่องกง แต่หลังจากนั้นกลับจองตั๋วเครื่องบินบินมาที่ตี้ตู บวกกับข่าวคราวที่ไปได้ยินมาจากประเทศอังกฤษเมื่อวันก่อน หล่อนก็มั่นใจและกล้าที่จะคาดเดาเลยว่าคนที่เชี่ยซ่าเหลยเสนอให้มารับบทนักแสดงสมทบหญิง จะต้องเป็นเจียงเซ่อแน่ๆ

ในวินาทีแรกเถาเฉินก็แน่ใจสุดๆ แล้ว โอกาสแบบนี้พันปีจะได้พบสักครั้ง และหล่อนก็ต้องการมันเช่นกัน!

ส่วนอีกคนที่ไม่ได้ใจเย็นเหมือนกับเถาเฉินในตอนนี้ ทันทีที่เฝิงหนานรู้ว่าเชี่ยซ่าเหลยมาถึงที่ตี้ตูแล้วนั้น มันก็เป็นบ่ายของวันที่สองแล้ว

บนอินเทอร์เน็ตเริ่มที่การปล่อยข่าวออกมาเรื่อยๆ คนของเจียงหนานบันเทิงเองก็สัมผัสได้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล พอลองโทรไปถามไถ่นักข่าวคนหนึ่งที่รู้จักกันดีก็ได้รู้ข้อมูลมา ตอนที่นำเรื่องนี้ไปรายงานต่อเฝิงหนาน เชี่ยซ่าเหลยก็ได้นัดเจอกับเจียงเซ่อและทานอาหารกันไปเรียบร้อยแล้ว!

เฝิงหนานเกิดอาการไม่สามารถระงับความโกรธของตัวเองได้ในทันที หล่อนโกรธจนถึงขนาดด่ากราดฝ่ายกรองข่าวของเจียงหนานบันเทิงเลยทีเดียว

“นักข่าวของหัวเซี่ยจือซวิ้นถ่ายรูปได้งั้นเหรอ? เก็บข่าวนี้เอาไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ ก็อย่าให้เจียงเซ่อได้เป็นที่สนใจเด็ดขาด!”