webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

327

บทที่ 327 โอกาส

บริษัทสองบริษัทที่เซี่ยเชาฉวินพูดถึงเป็นบริษัทภาพยนตร์ชั้นแนวหน้าของยุโรป-อเมริกา และได้เคยลงทุนให้กับหนังภาพยนตร์เรื่องต่างๆ มากมาย

เจียงเซ่อเริ่มตื่นตัวขึ้นมาเมื่อเซี่ยเชาฉวินพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เซี่ยเชาฉวินกำลังเตือนเธออยู่ ว่าถ้าหากสองบริษัทนั้นร่วมลงทุนจริงๆ เชี่ยซ่าเหลยก็เปรียบเสมือนโอกาส ที่พอจะทำให้เหล่าดารานักแสดงเกิดคลั่งขึ้นมาได้

ถ้าหากว่าในมือของเชี่ยซ่าเหลยมีเงินทุนที่จะสร้างหนังฟอร์มยักษ์จริงๆ ถึงแม้ว่าตัวพระเอกนางเอกจะโดนกำหนดไปแล้ว แต่ถ้าหากได้เล่นเป็นสักตัวละครในเรื่องนั้น ก็ถือว่าตัวเองได้ก้าวเข้าสู่วงการหนังต่างประเทศแล้ว

หลังจากที่ฟังออกว่าเซี่ยเชาฉวินกำลังหมายถึงอะไร เจียงเซ่อก็พยักหน้า แล้วยิ้มขึ้นมา

“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”

สถานที่นัดเจอกับเชี่ยซ่าเหลยเป็นร้านเป็ดย่างแห่งหนึ่งใจกลางตี้ตู

ร้านเป็ดย่างแห่งนี้เปิดอยู่ในตี้ตูมาเกือบจะหนึ่งร้อยปีแล้ว ตัวร้านตกแต่งอย่างสวยงามและเงียบสงบ และเป็นร้านที่เก็บความลับได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย พนักงานของร้านล้วนแล้วสงบเสงี่ยมและถูกฝึกมาอย่างดี บวกกับมีพ่อครัวที่ดี เพราะฉะนั้นถึงแม้ราคาจะสูง แต่คนทั่วไปก็ใช่ว่าจะจับจองกันได้ง่ายๆ

เชี่ยซ่าเหลยได้จองที่นี่เอาไว้ ดูจากจุดนี้แล้ว เจียงเซ่อก็คิดเอาไว้เป็นสองทาง

ไม่เคยมีการนัดหมายเจอกันที่ร้านเป็ดย่างมาก่อน และมันก็เป็นที่ที่จองยาก แต่การที่เชี่ยซ่าเหลยสามารถจองที่ได้ ก็แสดงว่าเขาได้เตรียมการวางแผนที่จะมาหัวเซี่ยตั้งนานแล้ว ไม่ใช่คิดจะมาก็มา

ในขณะเดียวกันในสถานที่ที่เขาเลือก ก็พอจะทำให้เจียงเซ่อรู้จักและเข้าใจถึงนิสัยชายคนนี้มากขึ้นด้วย

เขาเป็นคนที่เคยชินกับการออกคำสั่ง อีกทั้งยังคงชื่นชมที่จะให้อำนาจมารวมอยู่ในมือของตัวเองด้วย

เขาใช้การนัดเจอกันในร้านอาหารได้อย่างเฉียบขาด การติดต่อคบค้าสมาคมแบบนี้ อาจจะเรียกว่าฉลาด แต่จะไม่ทำตัวว่าตัวเองฉลาด

ตอนที่เจียงเซ่อมาถึงก็ยังเหลือเวลาอีกมาก ตอนนี้ในร้านเป็ดย่างกำลังอยู่ในช่วงอาหารมื้อเที่ยง แขกที่อยู่ในร้านจึงมีไม่น้อย

ในร้านนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นของเป็ดย่าง ตอนที่เจียงเซ่อเดินเข้ามา พนักงานของร้านก็จำเธอได้ในทันที

ในปีนี้เธอมีหนังที่เข้าฉายถึงสองเรื่องติดกัน อีกทั้งยังได้ออกกล้องบ่อยๆ ด้วย ชื่อเสียงก็เพิ่มมากขึ้นทุกวัน หลายๆ คนที่นั่งอยู่ในร้านต่างก็หันหน้ามามองที่เธอ

ตอนที่พบว่าเจียงเซ่อมา พนักงานคนหนึ่งในร้านก็รีบเดินเข้าไปหาเธอ

“คุณเจียงใช่ไหมคะ? เชิญตามาทางนี้เลยค่ะ คุณเหลยได้จองที่เอาไว้ทางนี้”

ตอนที่เจียงเซ่อเดินเข้าไปในห้องที่นั่งพิเศษ ก็พบว่าเชี่ยซ่าเหลยนั่งรออยู่แล้ว

เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สูทตัวนอกถูกแขวนเอาไว้บนตู้อีกด้านหนึ่ง เรือนผมสีน้ำตาลมารูนดัดเล็กน้อยถูกเซตไปด้านหลังอย่างเรียบร้อย เผยให้เห็นหน้าผากที่นูนเด่นอย่างชัดเจน

ผู้กับที่หนุ่มชาวอิตาลีในตอนนี้กำลังนั่งพิงอยู่ที่หน้าต่างของห้อง ในมือกำลังพลิกอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง พอได้ยินเสียงเคาะประตูและคำขออนุญาติเข้าไป เขาหันหน้ามาก็พบว่าเจียงเซ่อมาถึงแล้ว

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้แปลกใจที่เจียงเซ่อมาถึงก่อนที่เวลากำหนด กลับกันเขากลับใช้คำพูดทักทายต่อเจียงเซ่ออย่างเป็นกันเองราวกับทักทายกับเพื่อน

“หนังสือเล่มนี้อ่านกี่รอบๆ ก็ไม่มีเบื่อเลยนะเนี่ย”

เขาชูหนังสือในมือขึ้นมา โชว์หน้าปกที่เขียนเอาไว้ว่า ‘นักโทษ’ เจียงเซ่อเองก็สังเกตเห็นมือของเขาที่ถือหนังสือนั่นอยู่แล้ว นิ้วมือของเขาเรียวยาว ที่ข้อมือมีนาฬิกาเรือนหนึ่ง ทั้งตัวของเขาทำให้เขาเป็นคนที่ช่างสง่าผ่าเผย

“ใช่ค่ะ”

เจียงเซ่อพยักหน้า และพนักงานก็เดินถอยออกไปอย่างรู้หน้าที่ เชี่ยซ่าเหลยลุกขึ้นมา เขาวางหนังสือเอาไว้อย่างดี ก่อนจะเดินเข้าไปกอดเจียงเซ่อ

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ ดูคุณสวยขึ้นกว่าเดิมนะเนี่ย”

“ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ เชี่ยซ่าเหลย” เจียงเซ่อยิ้ม ก่อนจะดึงเก้าอี้ออกมานั่ง “ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะนำหนังสือมาให้ฉันเองแบบนี้”

เธอเงยหน้าขึ้น “ความจริงแล้ว ฉันคิดว่าคุณจะลืมเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ไปแล้วเสียอีก”

เชี่ยซ่าเหลยหัวเราะ ‘ฮ่าๆ’ ไม่รู้สึกเคืองกับการหยอกล้อของเจียงเซ่อแม้แต่น้อย ดวงตาของเขาเป็นสีเทาฟ้า มองดูแล้วมีความมัวๆ ตอนที่ยิ้มหัวเราะออกมาก็เผยฟันขาวที่เรียงตัวสวย

“เป็นคนที่มีชื่อเสียงแบบนี้ จะลืมเรื่องที่ตัวเองตอบตกลงสัญญาไปแล้วได้อย่างไรกันละครับ?” เขาหยิบหนังสือที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาด้วยท่วงท่าที่สง่าผ่าเผย ก่อนจะลูบๆ มันทีสองที

“ที่จริงตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ ผมไม่เคยจะวางใจที่จะส่งเธอให้กับใครหรอกครับ เพราะแบบนั้นมันดูจะไม่เป็นธรรมกับเธอไปเสียหน่อย”

พอเขาพูดจบ ก็ส่งหนังสือให้กับเจียงเซ่อ

หนังสือเล่มนี้ดูแล้วคงจะอยู่มาหลายปีพอสมควร มันดูออกได้อย่างชัดเจนว่าถูกคนอื่นเปิดอ่านมาหลายครั้งแล้ว เพราะด้านข้างของหนังสือมันเริ่มที่จะเป็นขุยออกมา

แต่โดยรวมทั้งเล่มคงถูกเก็บรักษาให้อยู่ในสภาพเดิมมาโดยตลอด นอกจากจะมีร่องรอยการอ่านทิ้งไว้โดยเจ้าของแล้ว มันก็ไม่มีที่คั่นหรือสัญลักษณ์อื่นๆ ขีดเขียนเอาไว้อีกเลย

เจียงเซ่อลูกขึ้นและยื่นมือไปรับหนังสือมา การกระทำแบบนั้นของเธอทำให้เชี่ยซ่าเหลยยิ้มขึ้นมา

“ถ้าได้แบ่งปันให้กับคนที่ชื่นชอบเธอ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสุขไม่น้อยเลย”

“หน้าที่สามสิบเจ็ดหรือคะ?”

เจียงเซ่อเปิดไปที่หน้าที่เชี่ยซ่าเหลยเพิ่งจะเปิดอ่านไปเมื่อครู่ พอเห็นเลขหน้าที่เขาเพิ่งเปิดอ่านแล้ว เชี่ยซ่าเหลยก็พยักหน้า

“อาศัยช่วงเวลาพักผ่อน นั่งอ่านมันบนเครื่องบินน่ะครับ”

เขายกชาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้น “หนังสือนิยายเล่มนี้ คนที่ได้อ่านมันครั้งแรก ต่างก็รู้สึกว่ามันลึกซึ้งจนอ่านยากเกินไป และหลายๆ คนคงจะตกใจกับคำศัพท์ที่เกี่ยวกับศาสนา ที่เยอะจนต้องยอมแพ้ให้กับเธอ”

เชี่ยซ่าเหลยจิบชา แล้วพูดต่อ

“แต่ถ้าได้ลองอดทนอ่านมันต่อแล้ว ก็จะได้ค้นพบว่าเนื้อเรื่องมันสนุกแค่ไหน หนังสือเล่มนี้ ผมอ่านมันมาประมาณหลายสิบครั้งได้แล้วมั้ง”

เขาแสดงตัวว่าชื่นชอบนิยายเรื่อง ‘นักโทษ’ มากแค่ไหนอย่างไม่ปิดบังสักนิด พูดไปยิ้มไปอยู่อย่างนั้น

“ตอนแรกที่อ่านจบไปหนึ่งรอบ ก็แค่เป็นเพราะไม่ชอบทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ เท่านั้นเอง พออ่านจบรอบแรกแล้ว ก็มีอ่านต่อรอบสอง หัวเซี่ยมีประโยคหยึ่งที่กล่าวเอาไว้ อะไรนะ……” เขาขมวดคิ้ว แสดงสีหน้าว่ากำลังพยายามนึกอย่างมาก เจียงเซ่อจึงช่วยเขาพูดต่อ

“จิง เหวย เทียน เหริน” *惊为天人 (สำนวนที่สื่อถึงการชื่นชมผลงานของศิลปินหรือผู้ประพันธ์หรืองานศิลปะต่างๆ)

“ใช่แล้ว จิง เหวย เทียน เหริน!”

เชี่ยเซี่ยเหลยยืนยันคำพูดของเจียงเซ่ออย่างนื่นเต้น “มันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะอ่านรอบที่สาม รอบที่สี่ ทุกครั้งที่อ่านจบ ก็จะเกิดความรู้สึกนึกคิดที่แตกต่างกันออกไปทุกครั้งเลย”

ตอนที่เขาอ่านนิยายเรื่อง ‘นักโทษ’ ครั้งแรก อายุเขายังน้อยอยู่ “มันเป็นตอนที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย ผมเองก็ได้ไปเจอมันที่มุมหนึ่งของห้องหนังสือของมหาวิทยาลัย พอได้มาอ่านมันอีกรอบในตอนนี้ มันทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมา Matthew เป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ คุณเห็นด้วยกับผมไหม?”

“แน่นอนค่ะ” เจียงเซ่อพยักหน้า “อย่างไรเสียตอนนี้หนังสือของคุณก็อยู่ในมือของฉัน คุณน่าจะรู้อยู่แล้วว่าดิฉันไม่มีทางไม่เห็นด้วย”

เชี่ยซ่าเหลยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“แต่ว่าอย่างไรฉันก็เห็นด้วยอยู่แล้วว่า Matthew เป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ และความหมายของนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ของเขา คือการที่เขาสร้างสรรค์วาดตัวละครต่างๆ ในนิยายขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยม” เจียงเซ่อไม่ได้ยิ้มอยู่ เธอยื่นมือออกมาแล้วทำท่ายกนิ้วขึ้นนับ

“ก่อนหน้านี้ ฉันเองก็เคยได้อ่านนิยายเรื่อง ‘นักโทษ’ อยู่หลายครั้ง”

“แล้วคุณรู้สึกอย่างไรล่ะ?”

เชี่ยซ่าเหลยเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา พอถามออกไปแล้ว เจียงเซ่อก็ตอบกลับในทันที

“ถ้าคุณรู้ว่าหัวเซี่ยมีคำพูดที่ว่าจิง เหวย เทียน เหริน แล้วคุณรู้ไหมว่าหัวเซี่ยยังมีอีกคำพูดหนึ่ง ที่บอกว่าทำให้คน ปู้ หาน เอ๋อ ลี่*不寒而栗(สำนวนแปลตรงตัวคือ ทั้งๆ ที่อากาศไม่หนาวแต่กลับสั่น เปรียบเปรยว่าทำให้รู้สึกหวาดกลัว) ?”

จากนั้นเธอก็แปลความหมายของคำพูดนั้นเป็นภาษาอังกฤษโดยรวมว่า ‘ไม่หนาวแต่กลับสั่นไม่หยุด’ และนั่นก็พอที่จะทำให้เชี่ยซ่าเหลยเข้าใจมันแล้ว แล้วพูดตามเธออีกสองรอบ ก่อนจะกล่าวเห็นด้วย

“นั่นมันเรื่องจริงเลย”

“รูปคำต่างๆ ที่ Matthew เลือกใช้ก็สวยมากด้วย ทุกๆ คำที่เขาเขียนออกมามันสื่อถึงความรู้สึกของเขาออกมาได้อย่างชัดเจน พอแปลออกมาเป็นภาษาอังกฤษแล้ว มันก็ทำให้ขาดอรรถรสของตัวต้นฉบับไปมากทีเดียว ดังนั้นต้องขอบคุณคุณมากๆ นะคะเชี่ยซ่าเหลย ที่ยอมให้ฉันยืมตัวต้นฉบับเล่มนี้มา ฉันจะดูแลรักษามันเป็นอย่างดีเลย”