บทที่ 326 แดนไกล
ข้อความที่เชี่ยซ่าเหลยส่งมาก็คือ
“คุณเจียง ยังจำผมได้หรือเปล่า? เชี่ยซ่าเหลย พวกเราเคยเจอกันที่งานหนังภาพยนตร์”
แน่นอนว่าเจียงเซ่อยังจำเชี่ยซ่าเหลยได้ ครั้งก่อนที่งานหนังภาพยนตร์หัวเซี่ย เธอเคยได้เจอกับเชี่ยซ่าเหลยครั้งหนึ่ง เขายังได้พูดถึง ว่าเขามีต้นฉบับนิยายเรื่อง ‘นักโทษ’ อีกด้วย และได้ตอบตกลงที่จะให้เจียงเซ่อได้ยืมมัน
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ได้แลกเปลี่ยนช่องทางติดต่อกันและกัน แต่ไม่รู้เป็นเพราะว่าหลังจากนั้นเชี่ยซ่าเหลยเองก็มีงานยุ่งสุดๆ หรือเปล่า เลยอาจจะทำให้ลืมเรื่องนี้ไป หรือเป็นเพราะว่าที่ตอบตกลงว่าจะให้ยืมหนังสือนิยายเรื่อง ‘นักโทษ’ ในตอนนั้นเป็นแค่ความตื่นเต้น แต่เกิดเสียดายในภายหลัง เลยปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป
ตั้งแต่งานหนังภาพยนตร์ผ่านไปจนมาถึงตอนนี้ เจียงเซ่อและเชี่ยซ่าเหลยก็ไม่ได้ทีการติดต่อหากันเลยสักครั้ง
“จำได้แน่นอนค่ะ”
ข้อความถูกส่งมาตั้งแต่เมื่อสิบนาทีก่อน และหลังจากที่เจียงเซ่อได้ตอบกลับข้อความไปแล้ว ก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเชี่ยซ่าเหลยจะได้ทันเห็นข้อความตอบกลับของเธอหรือเปล่า ยังไม่ทันที่เธอจะได้ส่งข้อความขอโทษที่ไม่ได้ตอบกลับในทันที ข้อความที่เธอเพิ่งจะส่งออกไป เชี่ยซ่าเหลยก็ส่งตอบกลับมาแล้ว
“ครั้งก่อนที่งานหนังภาพยนตร์ คุณได้พูดถึงนิยายเรื่อง ‘นักโทษ’ ขึ้นมาจำได้ใช่ไหมครับ? ผมพาเธอมาที่หัวเซี่ยด้วย ผมอยากจะส่งเธอให้คุณกับมือของผมเอง แต่ว่าตอนนี้ตารางงานผมแน่นมาก เอาเป็นพรุ่งนี้ดีไหม คุณพอจะมีเวลาว่างหรือเปล่า?”
“แน่นอนค่ะ”
เจียงเซ่อตอบกลับไป และได้นัดเวลาสถานที่ที่จะเจอกับเชี่ยซ่าเหลยทันที
เพิ่งจะคุยกันเสร็จ สายจากเซี่ยเชาฉวินก็ดังขึ้นมาอีก พอเห็นว่าเป็นชื่อของเซี่ยเชาฉวินที่ขึ้นโชว์อยู่บนหน้าจอแล้ว เจียงเซ่อก็หยิบมือถือขึ้นมากดรับทันที
“สวัสดีค่ะพี่เชาฉวิน”
ทั้งๆ ที่เวลานี้แล้วแต่เจียงเซ่อยังไม่เข้านอนก็ไม่ได้แปลกใจอะไร แม้แต่คำทักทายของเธอที่ทักแบบนี้ทุกครั้งหล่อนก็เบื่อที่จะพูดแล้ว จึงเข้าเรื่องที่โทรหาทันที
“เซ่อเซ่อ เชี่ยซ่าเหลยอยู่ที่หัวเซี่ย! เขาเพิ่งจะลงจากเครื่องบินเมื่อสิบห้านาทีก่อนนี้เอง”
น้ำเสียงของหล่อนดูเร่งรีบเล็กน้อย แสดงว่าข่าวนี้จะต้องเป็นที่สนใจของหล่อนแน่ๆ
“ฉันเพิ่งได้ข่าวมา ว่าเขาพาแค่ผู้ช่วยอีกคนมาด้วยเท่านั้น แถมการมาครั้งนี้ก็ดูจะเป็นความลับมากด้วย มีนักข่าวของหัวเซี่ยจือซวิ้นคนหนึ่งถ่ายรูปของเขาได้!”
ข่าวนี้เป็นข่าวที่มีเพียงเจ้าเดียว เบื้องต้นยังไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลออกไป
ที่เซี่ยเชาฉวินโทรมาหาในตอนนี้ แต่ท่าทีการตอบสนองของเจียงเซ่อกลับทำให้หล่อนแปลกใจไม่น้อย
พอเธอได้ยินว่าเชี่ยซ่าเหลยมาถึงที่หัวเซี่ย กลับไม่ได้ตื่นเต้นอะไรนัก ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับเธอ เซี่ยเชาฉวินเพิ่มน้ำหนักเสียงอีกนิด แล้วเรียกสติเธอขึ้นมา
“นี่เซ่อเซ่อ เธอคงไม่ได้ลืมว่าเชี่ยซ่าเหลยคือใครใช่ไหม?” เซี่ยเชาฉวินเสียงสูงขึ้น “ครั้งก่อนที่งานหนังภาพยนตร์ ฉันเอาข้อมูลเขาให้เธอดูแล้วนี่ ผู้กำกับชาวอิตาลี ที่ว่าก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเขากำลังเตรียมตัวกำกับหนังเรื่องใหม่อยู่ไง และกำลังตามหานักแสดงหญิงที่เหมาะสมกับบทอยู่.....”
“ฉันพยายามหาทางที่จะนัดเจอเขาอยู่ เธอต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้นะเซ่อเซ่อ”
“พี่เชาฉวิน ฉันทราบแล้วค่ะ”
เซี่ยเชาฉวินกำลังทำเรื่องสองเรื่องในเวลาเดียวกัน ด้านหนึ่งก็โทรคุยกับเจียงเซ่อไปด้วย อีกด้านก็กำลังคิดหาว่าจะใช้วิธีไหนในการติดต่อนัดเจอกับเชี่ยซ่าเหลยดี แต่ปลายสายอย่างเจียงเซ่อก็ตอบกลับมาเสียก่อน
“สิบนาทีก่อนหน้านี้ เชี่ยซ่าเหลยเขาติดต่อฉันมาแล้วค่ะ พวกเรามีนัดเจอกันในวันพรุ่งนี้ตอนบ่ายสาม”
เซี่ยเชาฉวินชะงักนิ่งพูดอะไรไม่ออก
ยังไม่ทันที่หล่อนจะได้ติดต่อหาเพื่อนเก่าที่เคยเรียนด้วยกันเพื่อนที่จะหยิบยืมคอนเนคชั่น เจียงเซ่อกลับได้ติดต่อกับเชี่ยซ่าเหลยเองเรียบร้อยแล้วเสียอย่างนั้น
ในงานหนังภาพยนตร์ครั้งที่แล้ว ถึงแม้ว่าเซี่ยเชาฉวินจะรู้อยู่แล้วว่าเจียงเซ่อและเชี่ยซ่าเหลยได้แลกช่องทางการติดต่อกัน แต่หล่อนก็รู้ว่าเจียงเซ่อไม่เคยคิดที่จะเป็นฝ่ายติดต่อไปหาเชี่ยซ่าเหลย และหล่อนก็คิดไม่ถึง ว่าตารางการมาของเชี่ยซ่าเหลยในครั้งนี้ จะมีการติดต่อหาเจียงเซ่อด้วย
ดูเหมือนว่าบทสนทนาในงานหนังภาพยนตร์ครั้งก่อน เชี่ยซ่าเหลยคงจะมีความประทับใจในตัวเจียงเซ่อมากจริงๆ สินะ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางติดต่อหาเจียงเซ่อเอง ทั้งๆ ที่เพิ่งจะลงจากเครื่องบินได้แค่สิบนาที แถมยังเป็นการบินมาอย่างลับๆ อีกด้วย แม้แต่พวกสื่อเองก็ยังไม่ทันได้รู้ตัว อีกทั้งยังมีการนัดเจอกับเจียงเซ่อด้วย
ถ้าหากว่าข่าวนี้แพร่ออกไป อย่าว่าแต่หัวเซี่ยเลย สื่อนอกเองก็คงจะได้พากันพาดหัวข้อข่าวกันสะเทือนแน่ๆ!
ตอนนี้ในหัวของเซี่ยเชาฉวินเริ่มเกิดความคิดต่างๆ ขึ้นมากมาย ถึงแม้ว่าหล่อนจะเป็นคนใจเย็นและมั่นคงมากแค่ไหน แต่ตอนนี้กลับห้ามไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็นพิเศษ หล่อนยังรู้สึกแปลกใจที่เชี่ยซ่าเหลยเป็นฝ่ายติดต่อเจียงเซ่อมาด้วยตัวเองอยู่ไม่น้อย สุดท้ายก็ต้องถามออกไปด้วยความสงสัยอย่างเต็มเปี่ยม
“ทำไมกัน?”
ยากมากที่หล่อนจะมาเกิดความสนใจกับเรื่องแบบนี้ หล่อนมักจะให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าขั้นตอนเสมอ น้อยครั้งที่จะเกิดข้อสงสัยแบบนี้
เจียงเซ่อเองก็ไม่คิดที่จะปิดบังหล่อน เธอหัวเราะเล็กน้อยแล้วตอบกลับไป
“พูดถึงแล้ว พี่เชาฉวินจำได้ใช่ไหม ที่พี่ให้ทางบริษัทรวบรวมข้อมูลต่างๆ ของเหล่ากรรมการในงานหนังภาพยนตร์ให้กับฉัน?”
ตอนนั้นเธอเองก็ได้ทำตามสิ่งที่เซี่ยเชาฉวินมอบหมายให้อย่างตั้งอกตั้งใจ เธอจดจำข้อมูลทั้งด้านนิสัย ความชอบงานอดิเรกต่างๆ ของเหล่ากรรมการทั้งหมดเอาไว้อย่างแม่นยำ ไม่มีแอบขี้เกียจปล่อยผ่านเลยสักนิด
และผลลัพธ์ของการที่ทำแบบนั้น ก็ต้องได้ผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่กลับมาอย่างแน่นอน เธอได้แสดงความรู้และบุคลิกที่ดีออกมาในงานหนังภาพยนตร์ และเพราะหัวข้อบทสนทนาเรื่อง ‘พระเยซู’ จึงทำให้ได้พุดคุยกับผู้สร้างบทหนังคนหนึ่งที่ชื่อซีเอ่อ
และเพราะได้ซีเอ่อเป็นคนแนะนำ จึงได้รู้จักกับเชี่ยซ่าเหลย หลังจากนั้นก็โดนเฝิงหนานขัดจังหวะขึ้นมา ในสถานการณ์ที่ไม่ได้ตั้งใจ เจียงเซ่อที่ต้องการจะตอบคำถามของเฝิงหนาน จึงอ้างถึงนิยายเรื่อง ‘นักโทษ’ ขึ้นมา จึงดึงดูดให้เชี่ยซ่าเหลยเกิดความสนใจมากขึ้น สุดท้ายก็ทำให้พูดคุยกันได้อย่างถูกคอ
ถึงแม้ว่าการพบเจอพุดคุยในครั้งนั้นจะเป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆ แถมเรื่องที่คุยกันก็เป็นแค่เรื่องที่เกี่ยวกับนิยายเรื่อง ‘นักโทษ’ แต่เจียงเซ่อก็มั่นใจว่าในครั้งนั้นเชี่ยซ่าเหลยจะต้องประทับใจในตัวเธอแน่ๆ ดังนั้นตอนที่เขาบอกว่าจะให้เธอยืมหนังสือนิยายต้นฉบับเรื่อง ‘นักโทษ’ ดังนั้นหลังจากที่ผ่านมานานจนมาถึงตอนนี้ ถึงได้เพิ่งมาทำตามคำสัญญาที่ให้เอาไว้
“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้ค่ะ”
แล้วเซี่ยเชาฉวินก็ยิ้มออกมา
ที่เชี่ยซ่าเหลยติดต่อมาหาเจียงเซ่อด้วยตัวเอง ฟังดูแล้วก็เหมือนว่าจู่ๆ ความโชคดีก็ตกลงมาใส่เธออย่างไรอย่างนั้น แต่ในทั้งหมดทั้งมวลก็ล้วนแล้วเป็นความพยายามและความตั้งใจของตัวเจียงเซ่อเองด้วย
ถ้าไม่เป็นเพราะว่าเธอมีนิสัยที่ตั้งจิตตั้งใจมาตั้งแต่แรก ที่จะท่องจำข้อมูลของกรรมการแต่ละคนเอาไว้ เธอก็อาจจะไม่สามารถทำให้ซีเอ่อเกิดความประทับใจในตัวเธอได้
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเองที่ชอบอ่านหนังสือมากมายในทุกๆ วันอยู่แล้ว เธอก็อาจไม่ได้เห็นแม้แต่นิยายเกี่ยวกับศาสนาที่แต่งโดยนักเขียนที่ไม่ได้รับความนิยมเลยก็ได้ ถึงแม้ว่าโอกาสจะมากองอยู่ตรงหน้า เธอก็คงไม่มีทางที่จะคว้ามันเอาไว้ได้ ยิ่งไม่คิดเลยว่าเชี่ยซ่าเหลยจะปรายตามองมาบ้างหรือเปล่า
ในหัวของเซี่ยเชาฉวินมีสำนวนสำนวนหนึ่งเด่นชัดขึ้นมาในหัว厚积薄发! *โฮ้วจีป๋อฟา (ต้องมีการสะสมการเตรียมพร้อมเท่านั้น ถึงจะสามารถทำเรื่องต่างๆ และได้ผลลัพธ์ที่ดี)
แต่ก่อนหล่อนคิดว่าเจียงเซ่อก็เป็นแค่เด็กสาวที่แสนโชคดี พอลองย้อนมองดูตั้งแต่ที่เธอเข้ามาในวงการแล้ว เธอแทบจะไม่ได้พบเจอกับความลำบากเลย อีกทั้งยังไม่เคยเจอการกลั่นแกล้งที่แกล้งได้สำเร็จเลยสักครั้ง หนังเรื่องแรกที่ได้เล่นทันทีที่เข้ามาในวงการบันเทิงคือเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ของจางจิ้งอาน อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ได้รับบทตัวประกอบที่มีบทพูด และนั่นก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นการพัฒนาของเธอที่สูงไม่น้อย
ตอนที่ยังไม่ได้เซ็นสัญญากับซื่อจี้หยินเหอ เจียงเซ่อก็พึ่งสิ่งที่ตัวเองมี จนได้ถ่ายหนังเรื่อง ’99 Love Letter’ ทำจ้าวร่างเกิดความประทับใจในตัวเธอหลังจากนั้น ต่อมาก็ได้รับการฝากฝังจากกู้เจียเอ่อ แนะนำให้เธอไปที่บริษัทซ่างเจีย และได้เซ็นสัญญาหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ทำให้ได้รับการรับรองจากโหวซีหลิ่งอีก ได้รู้จักกับฉางยวี่หู คนที่ชื่อเสียงและมีฝีมือเป็นที่ยอมรับในวงการบันเทิง และหลังจากนั้นเธอก็ดูจะราบรื่นมาโดยตลอด
แต่ในตอนนี้เซี่ยเชาฉวินก็ต้องคิดมุมกลับปรับมุมมองใหม่เสียแล้ว หล่อนคิดว่าความคิดของตัวเองในตอนแรกคงจะทึกทักเอาเองไปหน่อย
“เซ่อเซ่อ บริษัทบอร์เจียและบริษัทฮว๋านเต่ากำลังสนใจที่จะร่วมลงทุนกับหนังเรื่องใหม่ของเชี่ยซ่าเหลย เบื้องต้นบทพระเอกนางเอกได้กำหนดเอาไว้แล้ว แต่เท่าที่ฉันรู้มา หนังเรื่องใหม่ของเชี่ยซ่าเหลยจะเป็นในรูปแบบซีรี่ส์ ในตัวเรื่องจะต้องใช้นักแสดงระยะยาว ชื่อเสียงของเขาเธอก็รู้ดีใช่ไหมล่ะ พรุ่งนี้ออกไปเจอกับเขา เธอก็ลองทำตัวให้เขาประทับใจแล้วเปรยๆ ออกไปสิ”