webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

324

บทที่ 324 เป็นแฟนคลับ

ที่จริงเพื่อนสนิทหล่อนก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าที่อยากดูใหม่เพราะอยากจะจับผิดหรือเปล่า หรือเป็นเพราะว่าตอนที่หนังเริ่ม หล่อนไม่ได้ตั้งใจดูจริงๆ เพราะงั้นก็เลยไม่ได้จริงจังอะไร พอตอนนี้ลองมาคิดดูแล้ว ก็เลยรู้สึกเสียดาย

“พอฉันลองมาคิดๆ ดูแล้ว รู้สึกว่าตอนแรก ที่โจวเหวย ‘ขอเลิก’ ฉันยังไม่ได้ให้ความสนใจมันมากพอ”

สิ่งที่เพื่อนสนิทพูดทำให้เหอฉงเกิดสนใจขึ้นมาอีกครั้ง เพราะตอนแรกทั้งสองคนต่างก็มีอุดมคติเดียวกัน ที่หล่อนเข้ามาดูหนังในโรงหนัง หล่อนก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะมาดูจริงๆ พอตอนนี้ได้ดูจบไปแล้ว ก็รู้สึกว่าเริ่มแรกตัวเองชุ่ยไปหน่อยแล้ว ไม่ได้มีความเคารพในตัวหนังเลยสักนิด

“งั้นก็ได้!”

ทั้งสองคนหยิบมือถือขึ้นมา แล้วตัดสินใจว่าจะซื้อบัตรหนังอีกครั้ง แต่ก็พบว่าบัตรหนังถูกจองไปจนหมดแล้ว

เพื่อนสนิทหล่อนมีท่าทีดูหงุดหงิด ทั้งสองคนถูมือไปมาและไม่ยอมที่จะเดินออกจากโรงหนังเสียที ป็อปคอร์นที่ซื้อมาก็เย็นไปตั้งนานแล้ว และมันก็เหนียวหวานจนไม่อยากเอาเข้าปาก

ก่อนจะเข้าไปดูหนังก็ซดกาแฟไปเสียเยอะ ทำให้ตอนนี้ไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด แต่พอดูหนังจบแล้วก็พบว่ากาแฟที่ดื่มไปนั่นก็เสียเปล่า

“มีรอบตีสาม นี่ก็ตีสองกว่าแล้ว ทำไมยังมีคนไม่หลับไม่นอนกันอีก?”

เหอฉงเองก็รู้สึกหมดหวัง แต่หล่อนก็ยังรู้สึกดีกว่าเพื่อนสนิทหล่อนในตอนนี้ หล่อนสะบัดเสื้อคลุมขึ้น

“พรุ่งนี้ค่อยลองจองใหม่ก็ได้ ก่อนหน้าที่ ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ จะเข้าฉาย ยอดขายบัตรของเขาก็ดีอยู่แล้ว กลับกันเถอะ”

เพื่อนสนิทหล่อนพยักหน้า แต่ก็ดูลังเล ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

“เธอจะเขียนบทวิจารณ์หรือเปล่า?”

“เขียนสิ!” เหอฉงตอบไปกลับอย่างไม่ลังเลสักนิด

ก่อนที่จะได้ดูหนังเรื่องนี้ หล่อนมีอคติกับเจียงเซ่อ แต่พอได้ดูหนังจนจบแล้ว ความรู้สึกแย่ๆ ที่มีต่อเจียงเซ่อเพราะคิดว่าเธอเป็นสาเหตุที่ทำให้ชุยซิ่งเป็นแบบนั้นก็ค่อยๆ หายไป มันห้ามไม่ได้เลยที่จะมีความรู้สึกดีๆ กับเธอในหนังเรื่องนี้

เหอฉงพูดจบ ก็เอ่ยถามเพื่อนสนิทตัวเองด้วยท่าทีลังเลเช่นกัน

“แล้วเธอล่ะ?”

ก่อนที่จะดูหนัง เพราะจุดมุ่งหมายที่ตั้งกันเอาไว้ ความคิดที่จะเข้ามาจับผิดก็วางอยู่ตรงหน้า

หนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ถือว่าเป็นหนังที่ดีทีเดียว แต่เหอฉงเองก็รู้จักนิสัยของเพื่อนสนิทตัวเองดี ก่อนหน้านี้หล่อนวู่วามไปหน่อย แถมยังเป็นคนรักหน้าตามากด้วย พอมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้แล้ว มีโอกาสสูงที่หล่อนจะหาทางลงให้ตัวเองไม่ได้

พอเหอฉงถามจบ เพื่อนสนิทหล่อนก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา

ทั้งสองต่างคนต่างแยกย้าย เหอฉงกลับมาถึงก็อาบน้ำอาบท่าและเปิดคอมพิวเตอร์พร้อมที่จะเขียนบทวิจารณ์หนัง แต่พอนึกขึ้นได้หล่อนก็เลือกที่จะไปแอบส่องแอคเค้าท์ของเพื่อนสนิทตนเองก่อน ก็พบว่ามีผู้ติดตามกลุ่มใหญ่ที่มีความคิดแย่ๆ ต่อหนังของเจียงเซ่อเอามากๆ กำลังรวมตัวอยู่ในหน้าแอคเค้าท์ส่วนตัวของหล่อน และล้วนแล้วกำลังรอให้เพื่อนสนิทของหล่อนมาวิจารณ์ ‘หักหน้า’

ตามที่หนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ได้เข้าฉายไป ผู้ชมที่เลือกเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ก็มากขึ้นเรื่อยๆ และแน่นอนว่าเพื่อนสนิทของหล่อนไม่มีทางที่จะ ‘หักหน้า’ ได้สำเร็จ อีกทั้งคำชื่นชมของหนังเรื่องนี้ก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ มีแฟนหนังหลายคนที่เห็นข้อความของเพื่อนสนิทหล่อนที่ทิ้งเอาไว้แล้ว ก็รีบเข้ามาคอมเม้นท์ทันที

กระต่ายที่ห่วงใยโลกและความสงบ: แฟนคลับของเจียงเซ่ออยู่นี่ไง แล้วหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ก็ได้ดูแล้วด้วย และตอนนี้ก็กำลังนั่งรอให้ POจู่*(PO主)ผู้โพส,เจ้าของโพส,เจ้าของข้อความ ออกมาวิจารณ์หนังอย่างมีเหตุผลและถูกต้องอยู่นะ

เพื่อนชาวเน็ตคนนี้ยังเลียนแบบเพื่อนสนิทของหล่อนอีกด้วย เป็นการโพสรูปบัตรหนังเรื่องนี้นั่นเอง

Plants vs. Zombies: คนที่ดูหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ จบล้วนแล้วแต่รอที่จะโดน ‘หักหน้า’ ทั้งนั้นแหละ แต่ว่าไม่ใช่รอให้ PO จู่ มาหักหน้าใครหรอกนะ แต่รอคนอื่นมาหักหน้า PO จู่ ต่างหาก

กบในกระเป๋า : คุณ PO จู่ มี ปณิธานที่หนักแน่นไปหน่อยนะ แถมยังพูดซะมั่นใจขนาดนั้น หนังวันนี้ก็ได้ดูจบจบแล้ว และมันก็สนุกมากด้วย

เอเลี่ยนรักดาวโลก : หนังที่มีความยาวหนึ่งร้อยสี่สิบนาที ดูจบแล้วก็ยังคิดว่ามันยังไม่พอ ถ้า POจู่ ไม่ได้เป็นพวกด่ามั่วแบบไม่มีมูลเหตุ ฉันก็ไม่เห็นว่าหนังเรื่องนี้จะมีจุดไหนที่มันไม่ดีไม่เหมาะสม กลับกันถ้าให้พูดชมก็พูดขึ้นมาได้แบบไม่ต้องนึกอะไรให้มากมายเลย

......

ตามที่มีคนเข้ามาตำหนิเพื่อนสนิทของหล่อนถึงในแอคเค้าท์ส่วนตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เหอฉงเองก็ยังเป็นห่วงเพื่อนสนิทตัวเองที่โคตรจะรักหน้าจะเกิดความไม่พอใจ กำลังคิดว่าโทรไปนัดหาอะไรทานหลังเลิกงานพรุ่งนี้เสียหน่อย แต่ก่อนที่จะได้โทรไป หล่อนก็ลองเลื่อนๆ ดูแอคเค้าท์ส่วนตัวของเพื่อนสนิทอีกครั้ง ก็พบว่าเพื่อนสนิทเธอมีความเคลื่อนไหวใหม่แล้ว

“หลังจากที่หนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ได้ออกฉายรอบแรกไปจนมาถึงตอนนี้ วันนี้ฉันได้ลางานเป็นที่เรียบร้อย และได้ไปดูหนังเรื่องนี้ใหม่ที่โรงหนังถึงสามรอบ! และทุกครั้งฉันก็ตั้งใจและพยายามอย่างมากที่จะหาข้อบกพร่องและจุดที่มันผิดพลาด แต่ทุกครั้งที่ดู ความคิดแบบนั้นก็ค่อยๆ จางหายไปในทุกที

ก่อนอื่นฉันต้องขอโทษกับจิตใจที่คับแคบและความคิดข้อสรุปที่ไม่รอบคอบของตัวเองด้วยจริงๆ จนมาถึงตอนนี้ ฉันยอมรับแล้ว ว่ามันเป็นหนังที่ดีมากๆ เรื่องหนึ่ง น่าเสียดายถ้าไม่ได้ดู! โชคดีที่ฉันไม่ได้ถืออคติ จนต้องพลาดโอกาสดีๆ นี้ไป ไม่อย่างนั้นฉันจะต้องรู้สึกเสียใจมากแน่ๆ!”

หล่อนไม่คิดที่จะหนีปัญหา และไม่คิดที่จะพูดถึงสิ่งตัวเองได้วิจารณ์ไปก่อนหน้านี้ แต่เป็นการออกมายอมรับถึงความผิดพลาดของตนเอง อีกทั้งยังบอกว่าเห็นด้วยว่า ‘หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีมากๆ อีกเรื่องหนึ่ง’ อีกด้วย

ทันทีที่เหอฉงได้เห็นข้อความนั้น หล่อนก็ถือมือถือแน่นแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

ในขณะเดียวกันทางเว็บเพจสือไต้ผิงซัว มีหลายๆ คนเริ่มสงสัยว่าทำไมคนที่พูดถึงเจียงเซ่อถึงสองครั้ง และมีความประทับใจในตัวเจียงเซ่ออย่างซูเพ่ยเอินถึงไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นหรือเขียนบทวิจารณ์หนังให้เธอในครั้งนี้ ถึงขนาดมีคนมีแสดงความคิดเห็นว่า งานหนังรอบปฐมทัศน์ของเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ซูเพ่ยเอินเองก็ได้รับบัตรเชิญ แต่สุดท้ายก็ไม่ปรากฏตัว

และเริ่มมีคนคาดเดาว่าหรือนี่จะเป็นการสื่อของซูเพ่ยเอินว่าเขาไม่ค่อยจะชอบหนังแนว ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ เท่าไหร่นัก และก็มีคนบางกลุ่มที่คิดว่า ปฏิกิริยาแบบนี้ของซูเพ่ยเอินคือการบอกว่าหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ไม่ได้ดีขนาดนั้นจริงๆ

แต่ไม่ว่าจะเกิดข้อโต้งแย้งเหล่านี้ขึ้นสักกี่ข้อ ก็ไม่ได้ส่งผลต่อยอดขายบัตรหนังเลย

หนังได้เริ่มออกฉายไปในปลายเดือนกันยายน และยอดขายบัตรหนังก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่ในระยะเวลาสั้นๆ ภายในหนึ่งอาทิตย์ ก็ทะลุห้าร้อยล้านไปเรียบร้อยแล้ว

จำนวนตัวเลขนี้กับหนังแนวรักโรแมนติกแล้ว ก็ถือว่าเป็นผลตอบรับที่ดีมากจริงๆ เทียบกับหนังเรื่องก่อนหน้านี้ของจ้าวร่างแล้ว ก็ยังขาดอีกแค่ไม่กี่หลักเท่านั้น

ทั้งสื่อใหญ่และนักวิจารณ์ที่มีชื่อเสียงต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดี กับหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’ ที่เปิดตัวอย่างสวยงาม แต่ช่วงหลังโดนผลกระทบจากเหตุการณ์นั้น หนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ก็มีแนวโน้มที่จะมียอดขายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนไปถึงช่วงหลังเลยด้วยซ้ำ

และเริ่มมีคนคาดการณ์ว่า หนังเรื่องนี้ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากมาย อีกทั้งผู้ชมคนดูก็ยังมีฟีดแบคกลับมาอย่างดีแบบนี้แล้ว การที่ยอดขายในภายหลังทั้งหมดจะแตะถึงหนึ่งพันห้าร้อยล้านก็คงไม่ใช่ปัญหาอะไรแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะหนังมีความยาวกว่าหนึ่งร้อยสี่สิบนาทีซึ่งดูนานไปจนกระทบกับรอบฉายหนัง ยอดขายบัตรหนังเรื่องนี้ก็คงจะสามารถสูงขึ้นได้อีกแน่ๆ

ความสำเร็จของจ้างร่างในครั้งนี้ทำให้ลบคำสบประมาทจากเรื่อง ‘99 Love Letter’ ที่เกือบไม่ได้กำไรไปได้มาก ต่อจากนั้นอีกไม่กี่วัน ข่าวเกี่ยวกับหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ก็ทยอยออกข่าวตามสื่อใหญ่ๆ มากขึ้น และดูจะดังอย่างฉุดไม่อยู่ด้วย

แต่เจียงเซ่อในตอนนี้ เธอกำลังถือสายอยู่กับลัวอ้าว เบื้องบนของซื่อจี้หยินเหออยู่

ลัวอ้าวถามเจียงเซ่อว่าจากที่อยู่กับซื่อจี้หยินเหอมาสามปีนี้เธอเริ่มที่จะมีความคุ้นเคยบ้างหรือยัง และบอกกับเธอว่าความเพียรพยายามของเธอนั้นกำลังแสดงผลให้เธอได้เห็น อีกทั้งยังพูดถึงลัวหยิ่นที่กำลังมองดูเธออยู่และให้ความสำคัญกับเธอด้วย บอกเป็นนัยๆ ว่าทางบริษัทเองก็พร้อมที่จะลงทุนกับเธอต่อไป

เจียงเซ่อเองก็คาดไม่ถึงที่ได้รับสายจากลัวอ้าวในครั้งนี้ ที่จริงตั้งแต่ตอนที่เซี่ยงชิวจี๋มาบอกกับเธอว่าโจวเฉิงอู่ ผู้บริหารของจวี้เฟิงบันเทิงสนใจที่จะดึงเธอออกมานั้น เธอเองก็คาดการณ์เอาไว้แล้วว่าต้องมีวันนี้

ในตอนแรกเธอและซื่อจี้หยินเหอเซ็นสัญญาร่วมงานกันแค่สามปีเท่านั้น ตอนนี้พอมาลองคำนวณเวลาดู สัญญาสามปีก็ใกล้จะหมดลงแล้ว

ในระยะเวลาสามปีนี้ ซื่อจี้หยินเหอเองก็คอยเฝ้ามองดูเธอมาโดยตลอด ถึงต้นทุนที่หามาให้เจียงเซ่อจะไม่ได้มากมายอะไร โฆษณาแบรนด์ แอมบาสเดอร์ก็มีแค่สองชิ้น งานหนังก็น้อยจนน่าสงสาร

นี่ดูไม่เหมาะสมกับเซี่ยเชาฉวินผู้จัดการมือทองของซื่อจี้หยินเหอเลยสักนิด ตอนแรกที่เซี่ยเชาฉวินเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้กับเถาเฉิน เถาเฉินถึงแม้จะเพิ่งเริ่มต้นก็มีชื่อเสียงที่สูงกว่ามาก ในหนึ่งปีอย่างน้อยจะต้องมีหนังเข้าฉายถึงสามเรื่อง ทั้งงานโฆษณา กิจกรรรมอีเว้นท์ต่างๆ มีไม่ขาด ถึงได้หล่อหลอมจนมาเป็นเถาเฉินที่โด่งดังขนาดนี้ได้

เมื่อลองเทียบกันดูแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวก็คนเดียวกัน แต่พอลองเทียบเจียงเซ่อกับเถาเฉินดู ต้นทุนที่ได้ก็ถือว่าน้อยจนไม่ถึงครึ่งของครึ่งเลยด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามก็อาจจะเป็นเพราะว่าตัวเจียงเซ่อเองที่ไม่ยอมรับเล่นหนังสองเรื่องในเวลาเดียวกัน เหตุผลคือเธอยังเรียนไม่จบ แต่ในขณะเดียวกันก็เกี่ยวกับทางบริษัทต้นสังกัดด้วย เพราะในสัญญาแรกเริ่มของเธอนั้น มีระยะเวลาแค่สามปีเท่านั้น

สัญญาที่ซื่อจี้หยินเหอจะตกลงกับตัวนักศิลปินนั้นน้อยสุดจะอยู่ที่ห้าปีขึ้นไป กับเรื่องส่วนแบ่งรายได้ ก็จะต้องคอยดูและพิจารณาจากชื่อเสียง และระยะเวลาของการเซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัด

ตอนนั้นถึงเจียงเซ่อจะคุยกับลัวอ้าวอย่างดีแล้วว่าจะเซ็นสัญญาแค่สามปีและหลังจากสามปีก็จะตัดสินใจพิจารณาซื่อจี้หยินเหอก่อนเป็นพิเศษ แต่เรื่องของอนาคตคงไม่มีใครคาดเดาได้ ลัวอ้าวเองก็ใช้ชีวิตมาจนถึงป่านนี้ เรื่องหลอกใช้คนอื่นเสร็จแล้วก็ถีบหัวส่งก็ใช่ว่าจะไม่เคยได้พบเจอ