webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

323

บทที่ 323 จากแอนตี้แฟน

เหอฉงคิดว่าตัวเองได้ดูหนังรักแบบนี้มากเยอะแล้ว และหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ก็คงไม่ได้ทำให้หล่อนรู้สึกตื่นเต้นอะไรนัก

ดาราที่แสดงในหนังก็ไม่ใช่คนที่หล่อนชอบ แถมเรื่องราวความรักมันก็ถูกถ่ายถอดออกมาผ่านหน้าจอใหญ่ยักษ์นี่มาหลายรูปแบบแล้ว คงยากที่จะใส่ลูกเล่นอะไรเข้าไปได้อีก

และก่อนหน้านี้ หนังเรื่อง ’99 Love Letter’ ของจ้าวร่างเองก็ถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้ดีมากแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ก็คงจะยากกว่าเดิมไม่ใช่น้อย อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนนักแสดงนำอีก แต่หล่อนคิดผิดแล้ว

ฉากที่น่าอึดอัดไม่มีเกิดขึ้นในหนังเลยแม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะว่าส่วนมากจางเจินปรากฏตัวแค่ในความทรงจำของโจวเหวยเท่านั้น อีกทั้งการร่วมงานกันของหังยวี๋อีและเจียงเซ่อก็ไม่ได้มีการพูดจาหยอกล้ออ่อนหวานกันเท่าไหร่ด้วย

กลับกันส่วนใหญ่จะเป็นความห่วงใยที่มีต่อกันอย่างไม่แสดงออก ความรักที่ผ่านความเอาใจใส่ต่างหากที่ทำให้เหอฉงอินไปกับหนังได้

ตอนที่โจวเหวยเงยหน้าขึ้น และได้เห็นว่าจางเจินเขียนชื่อตัวเองเอาไว้บนเหนือหัวนั่น ขอบตาของเหอฉงก็เริ่มชื้นขึ้นมาแล้ว

ความรักแบบไหนกัน ที่ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งยอมที่จะทนลำบากนั่งอยู่ในที่ๆ แค่จะขยับตัวก็ยังยากแบบนั้น แต่แค่เงยหน้าขึ้นมองดูชื่อของคนรักก็กลับมามีกำลังได้แล้ว?

รายละเอียดที่เหมือนจะไม่ค่อยสำคัญแบบนี้ มันกลับให้ความรู้สึกได้มากมายเสียยิ่งกว่าการตะโกนว่า ‘รัก’ ดังๆ เสียอีก!

แกลลอรี่ อาร์ตที่อยู่ข้างทะเลสาบซีหู ตอนที่โจวเหวยได้เห็นว่าที่นั่นมีรูปของเธอที่จางเจินวาดเแขวนโชว์เอาไว้มากมาย จากนั้นเธอก็ระเบิดเสียงร้องไห้ออกมา เหอฉงเองก็ทนไม่ไหวต้องปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม

ความเจ็บปวดที่เก็บกดเอาไว้มานาน จนสุดท้ายก็หาจุดที่จะระเบิดออกมาได้เสียที เหอฉงกำลังรู้สึกเศร้าใจและปล่อยให้น้ำตาไหลไปตามโจวเหวยในหนัง ผู้ชมในโรงหนังคนอื่นๆ ก็กำลังส่งเสียงสะอึกสะอื้นเช่นกัน

ในขณะที่น้ำตาไหลจนตาพร่าไปหมด เพื่อนสนิทของหล่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็กำลังยกแว่นตาขึ้นพร้อมกับปาดน้ำตาออก

จนกระทั่งรู้สึกได้ว่าเหอฉงกำลังหันมามอง เพื่อนสนิทหล่อนเริ่มเสียงขึ้นจมูก แต่ก็ยังพยายามทำเป็นนิ่งอยู่

“ทำไม?”

เหอฉงส่ายหน้า แล้วล้วงกระดาษทิชชู่ออกมาจากกระเป๋า แล้วดึงแผ่นหนึ่งส่งไปให้หล่อน และดึงขึ้นมาเช็ดของตัวเองด้วย

ไฟในห้องฉายค่อยๆ สว่างขึ้น แต่คนที่นั่งอยู่ในห้องก็ยังนั่งอยู่กับที่ไม่ลุกไปไหน เพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆเองก็เริ่มกลั้นเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป หล่อนมีท่าทีลังเลนิดหน่อยก่อนจะยื่นมือไปรับกระดาษทิชชู่อย่างเงียบๆ ขอบตาของหล่อนแดงก่ำ แม้แต่น้ำเสียงหักหน้าเหมือนในตอนแรกๆ ก็หายไป หล่อนเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาหวิว

“เธอว่า มันจะมีอีสเตอร์เอ็ก*มักจะใช้เรียกฉากเซอร์ไพรส์ในหนังหลังจากนี้ไหม แบบว่า จางเจินยังมีชีวิตอยู่?”

บางทีอาจจะเป็นเพราะมันคือการฉายหนังรอบแรก พวกแม่บ้านทำความสะอาดทั้งหลายก็เลยยังไม่ได้เข้ามาไล่คนเพื่อทำความสะอาดกัน

เหอฉงรู้อยู่แล้วว่านี่มันคือ ‘หนังรัก’ ไม่ใช่ ‘หนังเหนือธรรมชาติ’ อะไร และรู้ว่าสิ่งที่เพื่อนสนิทตัวเองพูดออกมานั้นไม่มีทางเป็นจริงได้ แต่หล่อนก็ยังอยากจะโอบกอดความหวังอันเลือนรางเอาไว้ หล่อนจึงยังคงนั่งอยู่กับที่ เพื่อรอเอนเครดิตในห้าหกนาทีสุดท้าย

และแน่นอนว่าสิ่งที่หล่อนหวังให้เกิดขึ้นในตอนสุดท้ายไม่มีวันเกิดขึ้น

ผู้ชมที่เพิ่งดูหนังรอบแรกจบไปต่างก็ลุกขึ้นด้วยความเสียใจ เหอฉงถอนหายใจ แล้วเดินถือของออกมากับเพื่อนสนิท

หนังที่มีความยาวกว่าหนึ่งร้อยสี่สิบนาที ตอนแรกเหอฉงก็คิดว่าตัวเองคงไม่มีทางทนดูจนจบได้แน่ๆ เพราะหล่อนเองก็มีความคิดเหมือนกับเพื่อนสนิทของหล่อน ว่าจะออกจากโรงหนังก่อนที่มันจะจบ แต่พอนั่งไปสองชั่วโมงกว่าแล้ว หล่อนกลับรู้สึกว่านี่มันยังไม่เพียงพอต่อความรู้สึก และก็ไม่ได้คิดว่าเวลามันผ่านไปเร็วอะไร

ตอนแรกก็คิดว่าเนื้อเรื่องหนังจะต้องไม่มีอะไรน่าสนใจเลยซื้อป็อปคอร์นมานั่งกิน แต่พอเข้าไปก็นั่งกินตอนหนังเริ่มได้แค่คำสองคำ หลังจากนั้นก็ไม่ได้แตะมันอีกเลย และตอนนี้มันก็เย็นหมดแล้วด้วย

หญิงสาวทั้งสองคนยังคงเซื่องซึมเพราะดึงตัวเองออกจากการอินกับหนังไม่ได้ และตอนนี้ในใจของเหอฉงก็รู้สึกสับสนไปหมด

หล่อนจำตอนที่ตัวเองดูหนังเรื่องแรกของเจียงเซ่อได้ ถึงแม้ว่าแผ่นหลังของเจียงเซ่อจะทำให้หล่อนตกตะลึงได้เพียงใด แต่ตอนนั้นหล่อนก็ยังสามารถแบ่งใจไปคิดเรื่องของตัวเองได้อยู่ แต่ก็คิดถึงอยู่ตลอดเวลาว่าเธอจะหันหน้ามาไหม

หนังรักอีกเรื่องที่เจียงเซ่อแสดงคือเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ ของกู้เจียเอ่อ แต่ตอนนั้นบทพูดของเธอก็มีแค่นิดเดียว ดูเป็นภาพลักษณ์ที่ดี แต่ก็เป็นแค่ตัวประดับเท่านั้น

แต่พอมาเป็นบทโต้วโค่วในเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ก็เหมือนว่าเธอจะมีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ เลย

ในเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ก็แทบจะหาจุดบกพร่องของการแสดงเธอไม่เจอเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งยังไม่ทิ้งร่องรอยว่าตัวเองกำลังแสดง จึงทำให้ผู้ชมคนดูอินไปหนังได้ง่าย โดยผ่านอารมณ์ที่เธอสื่อออกมาจนสัมผัสได้นั่นเอง

ตอนนี้หนังก็เล่นจบไปแล้ว แต่มาลองหวนนึกถึงดู ไม่ว่าจะเป็นโจวเหวยที่ผิดหวังในตัวจางเจินในตอนแรก หรือจะเป็นความเสียใจที่ได้รับในภายหลัง คนดูทุกคนต่างก็พากันรู้สึกถึงความเศร้าเพราะการแสดงของเธอ ร้องไห้ตามออกมาก็เพราะการแสดงของเธอ

เธอสามารถทำให้คนดูอินตามไปได้ นี่ก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าอีกอย่างหนึ่งแล้ว

และเพราะจุดๆ นี้ ทำให้หล่อนหักล้างกับเรื่องที่เธอเคยมีเรื่องกับจูพ่านไปได้มากทีเดียว

ตอนนี้หนังจบแล้ว แต่เหอฉงกลับคิดว่ามันยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ความเศร้ายังคงตกตะกอนอยู่ในใจ รู้สึกเหมือนช่วยอะไรนางเอกไม่ได้เลย

อารมณ์ของเพื่อนสนิทหล่อนก็ยังดูหม่นๆ ไม่มั่นคง หล่อนกัดริมฝีปากแน่น ทั้งสองคนยืนนิ่งอยู่ในโรงหนัง ต่างก็ยังรู้สึกเสียใจ ทั้งๆ ที่หนังก็จบลงไปแล้ว แต่ความโศกเศร้าก็ยังติดค้างอยู่ในใจ

“บทวิจารณ์หนังของเธอจะยังเขียนอยู่ไหม?”

เหอฉงหันไปมองเพื่อนสนิทแวบหนึ่ง ใบหน้าหล่อนยังดูซีดๆ ก่อนหน้าที่จะเข้าไปดูหนังหล่อนยังมีท่าทีที่จ้องจะจับผิดอย่างเดียว เพราะว่ายังไม่ได้ดู ทั้งเพื่อนสนิทและตัวเหอฉงเองต่างก็ไม่ได้มีความสนใจต่อหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ เท่าไหร่นักอีกทั้งยังคิดว่าที่เจียงเซ่อมีชื่อเข้าชิงในงานหนังภาพยนตร์ได้ ก็เป็นเพราะมีซื่อจี้หยินเหอช่วย

และทั้งๆ ที่ขนาดคนของสื่ออย่างหลิวผิ่นป๋อเขียนบทวิจารณ์ออกมา ว่าตัวเองนั้นรู้สึกชื่นชมหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ มากแค่ไหน ใจของทั้งสองคนก็ยังคิดว่าหลิวผิ่นป๋อต้องโดนเซี่ยเชาฉวินชักจูงแน่ๆ เพราะอย่างไรหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ก็มีรุ่ยเหอร่วมลงทุนด้วยอยู่แล้ว

แต่พอได้ดูหนังแล้ว เหอฉงก็รู้ทันทีว่าตัวเองคิดผิดไป

สิ่งที่หล่อนคิดกับในหนังมันไม่เหมือนกันเลยสักอย่าง หนังความยาวหนึ่งร้อยสี่สิบนาทีนี้ แม้แต่ลูกเล่นกับตัดต่อก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย มันล้วนแล้วไปตามหลักการทุกอย่าง

ตอนนี้เหอฉงเดินออกมาข้างนอกโรงหนังแล้ว ได้ออกมาจากห้องมืดๆ เป็นที่เรียบร้อย แต่พอนึกถึงทีไร เหอฉงก็ต้องยอมรับว่าเจียงเซ่อสามารถแสดงจิตวิญญาณของโจวเหวยออกมาได้อย่างมีชีวิตชีวามากจริงๆ

ทั้งๆ ที่เธอก็มีบุคลิกเฉพาะตัวขนาดนั้น ตัวโฆษณาสินค้าที่เธอเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์รวมไปถึงการถ่ายแบบ ถือว่าน้อยมากที่จะเห็นเธอในบทบาทแบบนี้

แต่เวลาที่เจียงเซ่อแสดงหนังนั้น มันก็เป็นเหมือนกับการค่อยๆ ฝังตัวเองไปเรื่อยๆ และสิ่งที่เข้ามาแทนที่ก็คือบทละครตัวหนึ่งที่มีชีวิตชีวา

จนมาถึงตอนนี้แล้ว เหอฉงเองก็คงไม่มีทางที่จะรู้สึกเหมือนในตอนแรกอีก คงไม่มีทางคิดเหมือนที่เพื่อนสนิทตัวเองคิด ว่าที่เจียงเซ่อได้มีชื่อเข้าชิงในงานหนังภาพยนตร์ เป็นเพราะมีซื่อจี้หยินเหอคอยช่วย

อีกทั้งหล่อนยังมีความรู้สึกลางๆ ว่าด้วยการแสดงของเจียงเซ่อในหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ นั้น หากไม่ใช่เพราะกรรมการในงานหนังภาพยนตร์ตั้งใจที่จะยับยั้งเอาไว้ เจียงเซ่อคงจะไม่ได้หยุดอยู่แค่ถูกเสนอชื่อแน่

หนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ เรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านของผู้กำกับ เนื้อเรื่องหรือตัวนักแสดงก็ตาม ล้วนแล้วเป็นผลงานที่มีคุณภาพทั้งนั้น

หล่อนบ่นพึมพำออกมา

“ฉันรู้สึกว่า ฉันยังติดค้างคำขอโทษต่อบทวิจารณ์ของหลิวผิ่นป๋ออยู่นะ”

เขาพูดถูก หนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ อาจจะเป็นหนังรักที่ดีที่สุดมีคุณค่าที่สุดของหัวเซี่ยในรอบหลายปีมาเลยก็ได้ เหอฉงเองก็พึมพำขึ้น

“นี่เหวินจิ้ง ฉันว่าพวกเราอคติมากไปแล้วล่ะ”

ถ้าเป็นก่อนที่จะได้ดูหนัง แล้วเหอฉงพูดแบบนี้ ถึงทั้งคู่จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่ยังไงเพื่อนสนิทหล่อนก็จะต้องไม่พอใจแน่ๆ

แต่ตอนนี้ก็ทำได้แค่กัดฟัน สีหน้าเหมือนกำลังสับสนสุดๆ

“ฉันยังอยากดูมันอีกสักรอบ” หล่อนเหมือนยังไม่ค่อยพอใจ “บางทีอาจจะมีบางจุดที่แผลอมองข้ามไปก็ได้”

หล่อนเป็นแฟนคลับของจูพ่านมานานหลายปี และมีแฟนคลับของจูพ่านอีกมากมายที่รอให้หล่อนดูหนังจบ แล้วกลับไปเขียนฉีกหน้าพวกแฟนคลับของเจียงเซ่อ

แต่ในตอนนี้เพื่อนสนิทของหล่อนเริ่มที่จะไม่มั่นใจเอาเสียแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หลังจากที่หล่อนได้ดูหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ จบ ความเกลียดที่เคยมีต่อเจียงเซ่อในตอนแรกก็เหมือนจะค่อยๆ หายไปแล้ว

“ฉันต้องดูอีกสักครั้ง”