webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

318

บทที่ 318 คนไม่ดี

เผยอี้กลับมาที่ตี้ตูแล้ว

พอเจียงเซ่อได้รับสายจากเขา จากที่กำลังกรึ่มๆ ก็สร่างขึ้นมาไม่น้อย

รถที่ควรจะวิ่งกลับบ้าน แต่พอได้รับสายจากเผยอี้ และรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ฉาวจิ้นเก๋อ ตอนแรกเผยอี้บอกว่าจะมารับเธอ แต่เจียงเซ่อปฏิเสธ และบอกให้โม่อานฉีไปส่งที่ๆ เขาอยู่แทน กว่าจะไปถึงที่นั่นก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว

พอเธอลงจากรถ ก้าวเดินของเธอก็เริ่มที่จะมั่นคงแล้ว เซี่ยเชาฉวินเกรงว่าเธอจะหนาวไปเสียก่อน เลยลงจากรถเอาผ้าพันคอไปให้เธอ

พอเดินมาถึงหน้าฉาวจิ้นเก๋อ และกำลังจะโทรไปถามเผยอี้ว่าอยู่ตรงไหน แต่มือยังไม่ทันจะได้เลื่อนซิปกระเป๋า ก็เห็นว่าหน้าประตูฉาวจิ้นเก๋อไม่ใกล้ไม่ไกลนั่น เผยอี้กำลังนั่งยองอยู่หน้าบันไดโดยที่มือมีผ้าพันแผลพันเอาไว้ข้างหนึ่ง ไม่รู้ว่านั่งอยู่แบบนั้นนานเท่าไหร่แล้ว

รอบๆ มีพวกพนักงานคอยยืนมองเขาอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี พอเขาเห็นว่าเจียงเซ่อมาถึงแล้ว สายตาของเขาก็เผยความรู้สึกตกตะลึงกับความงามของเธอออกมาทันที

เขาตัดผมสั้นแล้ว แถมสีผิวก็คล้ำลงด้วย รูปคิ้วและแววตาที่เคยดูดุดันนั่นก็ดูเคร่งขรึมและนิ่งขึ้นมาก เขาสวมเพียงแค่เสื้อกล้ามตัวหนึ่ง ส่วนท่อนล่างก็เป็นกางเกงลายพรางของทหาร เขาทำแค่ยิ้มโง่ๆ แม้แต่จะลุกขึ้นก็ลืมว่าต้องลุก

เจียงเซ่อยังอยู่ในชุดเดรสสีน้ำเงินปักลายดอกไม้ที่สวมไปในงานหนังรอบปฐมทัศน์ ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ผ้าพันคอที่คลุมทับด้านนอกนั่นช่วยปกปิดผิวกายที่เนียนละเอียดและผุดผ่องได้เป็นอย่างดี ตาเรียวขาเล็กคู่นั้นก็ยังปรากฏสู่สายตาของทุกคนอยู่ เรียวขาที่ยืนอยู่บนรองเท้าส้นเข็มที่ฝังด้วยเม็ดคริสตัล

ตอนที่เธอเดินเข้าไปหาเขา เขาก็จ้องจนตาแข็งไปหมด จนกระทั่งเธอเดินมาอยู่ข้างๆ เขาแล้ว เผยอี้ถึงเพิ่งได้รู้สึกตัวขึ้นมา

เขาบอกปฏิเสธพวกพนักงานที่จะเข้ามาพยุงเขาออกไป ก่อนจะยื่นมือไปหาเจียงเซ่อ ทำท่าทางน่าสงสาร

“ที่รัก ขาชาอ่ะ”

เขาเงยหน้าขึ้น แล้วหรี่ตามองเธอ เธอไม่ได้ยื่นมือมา แต่เขาก็ยังยื่นแขนหาอยู่แบบนั้น

ถึงแม้ว่าข้างนอกฉาวจิ้นเก๋อมันจะสลัว แต่เจียงเซ่อก็สังเกตเห็นว่าบนแขนของเขานั้นมีตุ่มขึ้นอยู่หลายจุดทีเดียว มีบางจุดที่มันขึ้นเป็นตุ่มใหญ่ ดูก็รู้ว่าต้องโดนพวกยุงกัดแน่ๆ บนหน้าก็มี ไม่รู้เลยว่าเขามายืนรออยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่แล้ว

ข้างนอกนี่มีพุ่มไม้เยอะแยะ แล้วช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่ยุงชุมด้วย แล้วเขายังจะสวมแค่เสื้อกล้ามอีก ก็ไม่แปลกที่จะโดนมันกัดเอาขนาดนี้

เจียงเซ่อไม่พูดอะไร เขายกแขนอยู่แบบนั้นครู่หนึ่งแล้ว พอเห็นว่าเจียงเซ่อไม่สนใจตัวเอง ก็ยกมันขึ้นสูงอีก แถมยังงอตัวลงไปอีกนิด เพื่อแสดงให้เห็นชัดๆ ว่าช่วย ‘ดึง’ เขาขึ้นหน่อย

เธอยื่นมือออกไป เพิ่งจะแตะโดนมือเท่านั้น ก็โดนเขารวบไปกำไว้แน่น แล้วไอ้คนที่เพิ่งบ่นว่าขาชา จู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืนขึ้นมาได้อย่างเป็นปกติเสียอย่างนั้น พร้อมกับดึงตัวเธอให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอด

“มือของนาย......”

เธอยังจะได้ว่าเห็นผ้าพันแผลบนมือเขา เผยอี้ก้มหน้าลงมา แล้วประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของเธอ และเลื่อนไปบนศีรษะ

และเขาไม่ชอบที่จะให้มีคนมาจ้องมอง จึงปล่อยมือออกจากเธอข้างหนึ่งแล้วเดินโอบพาเธอเข้าไปข้างใน

พนักงานหลายคนที่เห็นแบบนั้น ก็รู้ตัวกันแล้วว่าไม่ควรตามไปอีก

ในฉาวจิ้นเก๋อค่อนข้างกว้างใหญ่พอสมควร เขาหามุมๆ หนึ่ง และดันอีกคนให้เข้าไปชิดกับผนัง เจียงเซ่อยังไม่ทันจะได้พูดอะไร มือของเขาก็เลื่อนมาเชยปลายคางเธอขึ้น และลมหายใจของเขาก็เข้ายึดครองเธอทันที

ยามค่ำคืนนั้นหนาวเหมือนสายน้ำ แต่ริมฝีปากของเขากลับร้อนจนแทบจะทำให้คนละลาย เพราะเจียงเซ่อยังพะวงกับเรื่องที่เขาได้รับบาดเจ็บที่แขน จึงไม่ได้ดิ้นขัดขืน

ผ้าพันคอบางๆ บนตัวเธอไม่ได้ช่วยกันมือเขาเลยสักนิด เหมือนเขาพยายามที่จะเข้ามายึดครองพื้นที่เอาไว้อย่างเผด็จการ เข้ามาครอบครองริมฝีปากของเธอ ปลายลิ้นของเขาเกี่ยวกระหวัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนแทบจะลิดรอนลมหายใจเธอไปทั้งหมดอยู่แล้ว

ในปากและลมหายใจของเจียงเซ่อยังคงมีกลิ่นของเหล้าผลไม้ที่ดื่มไป เธอเป็นคนคออ่อนข้อนั้นเขารู้ดี เหตุการณ์ตอนที่เธอดื่มจนเมาในวันเกิดครบสิบแปด เขาไม่มีทางลืมมันลงแน่ๆ

ทั้งๆ ที่เธอคออ่อน แต่เผยอี้กลับรู้สึกว่าเหมือนเป็นตัวเองมากกว่าที่กำลังจะโดนเธอมอมเมาเสียให้ได้

ทั้งเรือนผมของเธอ ตัวของเธอมันมีกลิ่นหอมไปหมด ริมฝีปากอ่อนนุ่มเนียนละเอียด ราวกับเนื้อผลไม้ที่หอมหวาน ยิ่งได้ครอบครองเท่าไหร่ ก็ยิ่งกระจายความหอมไปทั่ว

เขาจูบแล้วจูบอีก แต่ก็ยังรู้สึกไม่พอสักที เหมือนแม้ว่าจะอยู่ใกล้กันแค่ไหนก็ดับความกระหายนี้ไม่ได้

ปลายจมูกของเขาแนบชิดกับเธอ เหงื่อเย็นด้านหลังซึมออกไม่หยุด แต่ข้างหน้ากำลังร้อนเป็นไฟ

“พี่ย้ายออกไปแล้ว”

น้ำเสียงของเผยอี้แหบพร่า และแฝงไปด้วยความน้อยใจ แต่ก็เหมือนกับว่ากำลังอ้อนอยู่ด้วย ปลายนิ้วของเขายังคงไล้ผ่านข้างแก้มของเธอไปเรื่อยๆ

ผิวของเธอทั้งนุ่มและเนียนละเอียด ใบหูของเธอมีตุ้มหูเย็นๆ ติดเอาไว้ มันสั่นไหวตามแรงหายใจของเธอ กระทบมือของเขา มันเหมือนมีความรู้สึกหลากหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน

เขาก้มหน้าลงไปกัดริมฝีปากของเธออีกครั้ง ดูดดุนเอามุมปากและผิวแก้มของเธอ ราวกับว่าอยากจะกลืนกินเธอทั้งตัวให้ได้อย่างไรอย่างนั้น

“พี่ย้ายออกไปแล้ว”

“อืม”

เธอยังพยักหน้าอยู่ พอกำลังจะพูดอะไร ยังไม่ทันได้เปิดปาก เผยอี้ก็ก้มลงมากัดเข้าที่ปลายคางของเธออีก ทำเอาสิ่งที่อยากจะพูดแปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ

“อ่ะ......”

เธอหอบหายใจลึก เรียวแขนยังพาดอยู่ที่ไหล่ของเขา ผ้าพันคอตกลงไปแล้ว เผยให้เธอเรียวเขนที่ขาวราวกับหยกมันแพะ นุ่มนิ่มและอ่อนยวบอยู่ในมือของเขา จนเหมือนว่าจะยืนไม่อยู่แล้ว

ที่จริงเผยอี้วางแผนว่าจะกลับมาตอนเดือนสิงหาคม แต่กลับต้องเจอสิ่งที่ไม่ทันได้คาดการณ์ล่วงหน้า จนตอนนี้ก็เพิ่งจะได้กลับมาบ้านเอง

ก่อนที่เขาจะกลับมา ในใจของเขามันตื่นเต้นและดีใจมากๆ ทั้งสองคนก็ไม่ได้เจอกันมานานแล้ว นอกจากช่วงปีใหม่ที่เขากลับมาที่ตี้ตู ในเวลาปกติแบบนี้ก็น้อยครั้งที่จะได้ติดต่อหากัน

เขาคิดถึงเธอมากจริงๆ!

ตอนออกมาจากสนามบินก็ดีใจคึกคักอยู่หรอด แม้แต่บ้านตระกูลเผยก็ยังไม่ได้กลับไปเลยด้วยซ้ำ เพราะเลือกที่จะกลับมาที่บ้านตัวเองก่อน แต่ก็พบว่ามันว่างเปล่า

เธอขนของของตัวเองออกจากบ้านไปหมดแล้ว และยิ่งไปกว่านั้น คือเธอไม่ได้บอกกันเลยสักคำ

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาโทรไปแล้วเธอยังรับสายอยู่ เผยอี้ก็คงคิดไปแล้วว่าที่เธอทำแบบนี้คือกำลังขอเลิก

“พี่พูดสิ ที่ทำแบบนี้นิสัยไม่ดีหรือเปล่า?”

เขารู้สึกโกรธนิดหน่อย ตอนที่เขาพบว่าไม่มีของของเธอเหลืออยู่เลยสักชิ้น เขารู้สึกเหมือนตัวเองจะหน้ามืดลงไปให้ได้ พอพูดขึ้นตอนนี้ก็ยังรู้สึกกรุ่นๆ ทนไม่ไหวจนต้องก้มลงไปกัดแขนเธอทีหนึ่ง

“อย่ากัดสิ......”

เจียงเซ่อตกใจกับการกระทำของเขาอีกครั้ง เขากัดเบาๆ ก็จริง แทบไม่ได้ลงแรงอะไรด้วยซ้ำ ที่กัดลงมาก็ทำได้แค่คันๆ ชาๆ เท่านั้นเอง

เธอบอกออกไปว่าอย่ากัด แต่เขากลับไม่ฟังกันเลย เขาเลื่อนไปกัดอีกจุดหนึ่งของแขน กัดจนเธอต้องขมวดคิ้ว พอจะหลบเขาก็เอียงหน้าตามมาอีก

“หยุดกัดได้แล้วนะ......”

เขาไล่กัดตั้งแต่มือจนไปถึงกลางแขน และสายตาเขาก็มุ่งมองไปที่หัวไหล่แล้ว

“เซ่อเซ่อ แบบนี้เรียกว่านิสัยไม่ดีหรือเปล่า?”

“ฉันไม่ได้นิสัยไม่ดี!” หนีออกจากความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้เลย มือข้างหนึ่งของเขายังโอบเอวของเธอเอาไว้แน่น เธอกำลังทนกับความรู้สึกบนแขนนั่น แล้วตั้งใจจะอธิบายออกไป

“อาอี้ ตอนนั้นเราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าตอนนั้นฉันแค่ไม่มีที่อยู่ ถึงได้ขออาศัยในบ้านนาย......”

คำตอบที่เขาอยากฟังไม่ใช่แบบนี้ เขาเปลี่ยนจากกัดเป็นดูด แรงดูดที่เดี๋ยวเบาเดี๋ยวแรงแบบนี้ ทุกครั้งที่ทำก็จะทิ้งร่องรอยจ้ำสีแดงๆ เอาไว้ด้วย ผิวของเธอขาวราวกับหิมะ ยิ่งทำแบบนี้ก็ยิ่งเห็นมันชัดเจน

“ตอนนี้ฉันมีที่อยู่แล้ว แน่นอนว่าคงจะอยู่ที่บ้านของนายต่อไปไม่ได้อีก......”

เธอยังไม่ทันได้พูดจบ เขาก็ดึงสายชุดเดรสของเธอออก แล้วค่อยๆ ดึงออกจากหัวไหล่

ชุดเดรสของเธอก็มีแค่เชือกเส้นเล็กๆ ยึดเหนี่ยวเอาไว้ ถ้ามันหลุดไปสักข้าง อีกเส้นที่มันยึดเกี่ยวกันไว้ก็จะไหลตกลงไปเหมือนกัน