webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

317

บทที่ 317 ฉันที่รักเธอ

เก็บความเศร้าเสียใจตลอดการจัดงานศพ จนมาถึงตอนนี้เพิ่งจะได้ระเบิดมันออกมา

เสียงร้องไห้จากหนักค่อยเบาลงและเงียบหายไป เหลือไว้ให้เหล่าคนดูได้จิตนาการต่ออย่างไม่จำกัด

ในตอนที่ไฟในห้องฉายหนังค่อยๆ สว่างขึ้น แต่หลายๆ คนในโรงหนังยังคงตกอยู่ในภวังค์ห้วงอารมณ์จากหนังอย่างยากที่จะกู่กลับมา

ตอนที่เจียงเซ่อได้มีชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ นั้น หลายๆ คนก็ตั้งคำถามและสงสัยในตัวเธอว่าที่เธอได้มีชื่อเข้าชิงรางวัลนี้ต้องมีการเล่นนอกกรอบแน่ๆ

แต่เมื่อหนังออกฉายแล้ว หลายๆ คนที่ได้เข้าชมหนังรอบแรกของเรื่องนี้กลับรู้สึกว่า การที่เจียงเซ่อใช้บทบาทโจวเหวยในเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมแล้วไม่ได้รางวัลมานั้น มันดูไม่ยุติธรรมยิ่งกว่าเสียอีก

เธอแสดงเป็นโจวเหวยในเรื่องที่ดูสดใสร่าเริงกว่าใคร ทั้งๆ ที่เธอเคยแสดงบทโต้วโค่วในเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’มาก่อน แต่พอเธอมาแสดงเป็นนางเอกที่มีคาแรคเตอร์สดใสร่าเริงอย่างโจวเหวยแบบนี้แล้วก็ยิ่งดูเข้ากับเธอมากกว่าอีก อีกทั้งยังแสดงเป็นโจวเหวยที่อยู่คนละช่วงวัยได้อย่างดีอีกด้วย

ตอนที่เพิ่งรักกับจางเจินใหม่ๆ เธอทั้งงดงามและน่ารักสุดๆ ตอนที่อยู่กับแฟนหนุ่มเธอก็ยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น จนถึงตอนสุดท้ายของเรื่องที่ต้องเหนื่อยล้าและเศร้าโศก กับการที่ต้องกักเก็บความเสียใจเอาไว้ตลอดงานศพของแฟนหนุ่ม

เพราะว่าเก็บความรู้สึกเอาไว้นานเข้า ต้องกดต้องซ่อนอารมณ์เอาไว้ และสุดท้ายก็ระเบิดมันออกมาพร้อมกับน้ำตาและเสียงร้องไห้ เมื่อลองเทียบกับนิสัยและท่าทางของโจวเหวยในตอนแรกแล้ว ถึงได้รู้ว่าสุดท้ายแล้วเธอเสียใจมากแค่ไหน เธอปลุกปั่นความรู้สึกของคนดูได้เป็นอย่างดี ดึงให้คนดูได้เข้าถึงเนื้อเรื่องของหนังเรื่องนี้อีกนิด เพื่อให้สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดและความสิ้นหวังของนางเอก

นี่คือหนังรักโรงแมนติกเรื่องหนึ่ง แต่ถูกถ่ายทอดออกมาในมุมมองใหม่ของจ้าวร่าง

นักข่าวและนักวิจารณ์ภาพยนตร์ต่างก็สัมผัสถึงมันได้ ดูจากสีหน้าของแขกทั้งหลายที่อยู่ในงานแล้ว จ้าวร่างก็รู้แล้วว่าหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ได้ตีฝ่าความสำเร็จไปได้หนึ่งขั้น

พูดตามความจริง หลังจากที่จ้าวร่างขาดทุนกับหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’ ไปก่อนหน้านี้ เขาก็ทนอัดอั้นตันใจมาโดยตลอด

ในตอนที่ทุกคนพากันหัวเราะเยาะที่เขากล้าเอาเจียงเซ่อมาเป็นนางเอกของเรื่องนี้ ในตอนที่คนวงในพากันดูถูกว่าหนังเรื่องนี้มันจะไม่รอด ที่จริงก่อนที่จะมีการเปลี่ยนตัวนักแสดงของ ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ นั้น นอกจากเซี่ยเชาฉวินและซื่อจี้หยินเหอจนไปถึงผู้ลงทุนต่างที่ได้ตกลงถึงผลประโยชน์กันเรียบร้อยแล้ว เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงความกดดันอยู่ดี

จริงอยู่ว่าในเรื่อง ‘99 Love Letter’ เขาตั้งใจที่จะให้เจียงเซ่อมาเป็นมุขเรียกคนดู จนสุดท้ายทำให้เกิดความขัดแย้งกันระหว่างนักแสดงหญิงทั้งสองคนขึ้นมา จนส่งผลกระทบกับยอดขาย

ผู้ลงทุนการถ่ายทำต่างก็พากันเพ่งเล็งเขาสุดๆ อีกทั้งยังสงสัยใจเนื้อเรื่องหนังกันอย่างมากมาย

ตลาดหนังรักในหัวเซี่ย น้อยมากที่จะใช้วิธีถ่ายทำแบบนี้ ส่วนมากจะเป็นการถ่ายทำตามแบบแผนมีเริ่มต้นมีตอนจบ และจบอย่างแฮปปี้เอนดิ้งด้วย

แต่เรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ แตกต่างอย่างสิ้นเชิง มันเริ่มด้วยความเศร้า นี่ถือว่าเป็นการสวนกระแสและให้ความรู้สึกต่อคนดูที่แตกต่างกันออกไปจากหนังรักเรื่องอื่นๆ ที่เคยมีมาเลย กว่าจะมาเป็นหนังเรื่องนี้ได้จ้าวร่างเองก็ต้องทนแบกรับความกดดันมาเยอะเหมือนกัน

ตอนนี้หนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ฉายจบแล้ว ไฟในห้องฉายก็เปิดสว่างหมดแล้ว เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วงาน จ้าวร่างถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ

เถาเถาปรบมือคนมันแดงเถือกไปหมด แต่ก็ยังรู้สึกว่ายังไม่เพียงพอ

จนมาถึงวันนี้ การพัฒนาการแสดงของเจียงเซ่อก็ได้ปรากฏให้ได้เห็นในหนังอย่างถึงอกถึงใจ จากเริ่มแรกที่เป็นแค่บทตัวประดับจนทำให้ผู้คนรู้สึกประทับใจ จนมาถึงตอนนี้ เธอเป็นเหมือนหนอนที่ค่อยๆกลายเป็นผีเสื้อ ยิ่งเติบโตมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เถาเถารู้สึกภูมิใจมากขึ้นเท่านั้น!

ต่อมาเป็นขั้นตอนพาหนังเข้าสู่การกุศล หลังจากนี้จะมีการเชิญเหล่าสื่อและแขกทั้งหลายที่มาในงานนี้ร่วมงานเลี้ยงมื้อค่ำและแจกของที่ระลึก

ยอดจำหน่ายบัตรหนังล่วงหน้าเป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้เรียบร้อย ดังนั้นทีมงานกองถ่ายจึงได้จัดงานเลี้ยงฉลองเอาไว้ เจียงเซ่อเองก็ไปด้วย

จนกระทั่งเสร็จกิจกรรมเรียบร้อย เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบจะห้าทุ่มแล้ว

ตอนที่เจียงเซ่อขึ้นรถ แอลกอฮอล์ก็ไหลวนไปทั้งตัวแล้ว แก้มของเธอแดงปลั่ง แววตาก็ดูลอยๆ

ที่จริงเธอใช่คนดื่มเหล้า แต่ในงานฉลองมีคนเดินเข้ามาดื่มเหล้าแสดงความยินดีมากมาย แต่ส่วนใหญ่ก็โดนเซี่ยเชาฉวินช่วยปฏิเสธไว้ให้

“ดื่มน้ำหน่อย”

เซี่ยเชาฉวินหยิบขวดน้ำแร่ขึ้นมา เปิดฝาแล้วยื่นให้เจียงเซ่อ

“เธอดูไม่ควรแตะเหล้าแม้แต่น้อยเลยนะ น่าจะบอกฉันเอาไว้ก่อน”

หล่อนนิ่งๆ แต่ก็ดูจริงจังกับเรื่องนี้มาก เจียงเซ่อรับน้ำไปดื่มสองอึก พอปิดฝาเรียบร้อยแล้วก็เขยิบตัวไปพิงที่นั่ง

โม่อานฉีมองเธอผ่านกระจกด้วยความเป็นห่วง ดูเหมือนว่าเธอจะเมาแล้ว ที่จริงคืนนี้เธอเพิ่งจะดื่มไปแค่สองแก้วเอง และเพราะเซี่ยเชาฉวินเองเข้มงวดกับเรื่องนี้เหมือนกัน เหล้าที่ดื่มไปจึงเป็นแค่เหล้าผลไม้เท่านั้น

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เจียงเซ่อก็ยังเมาอยู่ดี

“ไม่กลัวหรอกค่ะ พี่เชาฉวิน ก็ยังมีพี่อยู่นี่นา ไม่ใช่หรือ?”

เจียงเซ่อส่ายหัว เซี่ยเชาฉวินที่ได้ยินแบบนั้น ก็ชะงักนิ่งไป

เหมือนว่าเธอจะวางใจกับหล่อนมากไปแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองคออ่อน ก็ยังจะไปรับเหล้าพวกนั้นอีก

ในวงการนี้ความสวยของเธอเป็นสิ่งที่น่าเชิดชูที่สุด อีกทั้งเธอยังเป็นแค่เด็กสาว ที่มีพวกแมลงมาคอยจ้องตาเป็นมันมากมาย

ถึงแม้ว่าเบื้องหลังของเธอจะมีคนคอยหนุนอยู่ และคนในวงการเองก็ลือถึงเรื่องนี้อยู่มากมาย แต่ตอนนี้เผยอี้ไปเรียนอยู่ที่อื่นตั้งนานแล้ว อีกอย่างคนในวงการนี้ก็เป็นพวกขี้ลืมเสียด้วย คงยากที่จะไม่ให้มีพวกเกิดใจกล้าขึ้นมา อย่างในคืนนี้ก็มีหลายๆ คนกำลังจ้องเธออยู่ด้วย

เจียงเซ่อเป็นคนฉลาด กับเรื่องพวกนี้ใช่ว่าเธอเองจะไม่รู้ แต่เธอก็ยังมั่นใจในตัวเองเกินไป แถมยังกล้าดื่มเหล้าไปตั้งสองแก้วอีก

เซี่ยเชาฉวินช่วยเธอจัดกระโปรงให้เรียบร้อย และเริ่มที่จะต้องเข้มงวดกับความคออ่อนของเจียงเซ่อให้มากขึ้นแล้ว และตั้งมั่นว่าครั้งต่อไปจะจับตาดูและคุมเข้มให้มากกว่านี้

ตั้งแต่ที่เซ็นสัญญากับเจียงเซ่อมา และวางมือจากเถาเฉิน ตัดสินใจที่จะมาดูแลเธอเพียงคนเดียว คอยจัดระเบียบและดูแลภาพลักษณ์ที่สวยงามของเธอเอาไว้ ดูแลเธอให้เหมือนกับดอกไม้ที่งดงามดอกหนึ่ง ไม่ใช่เพื่อให้ใครมาเด็ดไปเชยชม แต่หวังว่าเธอจะสามารถผลิบานอย่างสวยงามด้วยมือของหล่อน

“พี่เชาฉวิน พี่เป็นคนดีจริงๆ”

เจียงเซ่อยื่นมือไปกอดแขนเซี่ยเชาฉวินเอาไว้ แล้วเอียงศีรษะพิงไว้บนไหล่ของหล่อน

น้อยมากที่เธอจะมีท่าทางออดอ้อนแบบนี้ พอโม่อานฉีที่นั่งอยู่ข้างหน้าเห็นเธอทำแบบนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

เซี่ยเชาฉวินปล่อยให้เจียงเซ่อกอดแขนตัวเองเอาไว้ ที่จริงหล่อนไม่ค่อยชินที่มีคนมาแสดงความสนิทสนมใกล้ชิดขนาดนี้ ปล่อยแบบนั้นเพียงแปบเดียว หล่อนก็ยื่นมือไปดันศีรษะของเจียงเซ่อออก ด้วยท่าทางที่นิ่งเงียบเหมือนเดิม

“คำพูดแบบนั้นไม่มีผลกับฉันหรอกนะ เธอก็รู้ว่าฉันชอบพูดอะไรให้มันชัดเจนไปเลย ฉันมีหน้าที่ของฉัน เธอเองก็มีหน้าที่ของเธอ”

หน้าที่ของผู้จัดการส่วนตัวของเธอก็คือนำพาเธอไปอย่างดีที่สุด ขยายต้นทุนให้เธอ เปิดลู่ทางให้เธอ แต่หน้าที่ของเธอก็คือการพัฒนาฝีมือการแสดงไปเรื่อยๆ พัฒนาเพื่อยกระดับตัวเอง เพื่อให้มันเพียงพอที่จะก้าวเท้ามายืนอยู่ข้างตัวหล่อนได้

แต่ถ้ามีวันหนึ่งเจียงเซ่อเต็มที่ได้แค่นี้ และไม่สามารถที่จะก้าวเท้าให้ขึ้นมาเทียบเท่ากับเซี่ยเชาฉวินได้ เธอก็คือเถาเฉินคนต่อไป ตัวอย่างมีอยู่ตรงหน้าแล้ว ในตอนที่เซี่ยเชาฉวินค้นพบว่ามีใครอีกคนที่สามารถร่วมงานได้อย่างน่าพึงพอใจ เซี่ยเชาฉวินก็จะสลัดเจียงเซ่อไปอย่างไม่ลังเล

และทั้งๆ ที่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้แต่เซี่ยเชาฉวินก็ยังดูเย็นชาอยู่ดี หล่อนพูดออกมาอย่างชัดเจน ทำเอาโม่อานฉีรู้สึกวางตัวไม่ถูกขึ้นมา แต่เจียงเซ่อกลับยิ้มออกมา

“ฉันเข้าใจค่ะ”

เธอหันหน้าไปมองเซี่ยเชาฉวิน

“ฉันเองก็เหมือนกัน”

เซี่ยเชาฉวินอาจจะยอมทิ้งเธอเอาไว้กลางทาง ถ้าหากว่าเธอไม่สามารถที่จะก้าวขึ้นมาให้เทียบเท่าตัวหล่อนได้จริงๆ แต่สำหรับเจียงเซ่อแล้ว มันก็เหมือนกันนั่นแหละ

ถ้าหากว่ามีวันหนึ่ง ถ้าเซี่ยเชาฉวินไม่สามารถเทียบเท่าเธอได้ เธอก็คงจะทิ้งเซี่ยเชาฉวินเอาไว้กลางทางเหมือนกัน

ตอนที่เจียงเซ่อพูดแบบนั้น มันดูเย็นชาและจริงจังไม่น้อย แต่คนที่นิ่งเงียบมาได้ตลอดอย่างเซี่ยเชาฉวิน กลับหัวเราะขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“ฉันรู้”

ก่อนหน้าที่เจียงเซ่อจะมาออดอ้อนเธอแบบนี้ เธอไม่เคยนได้แสดงสีหน้าหรือท่าทางออกมาว่ากำลังมีความสุข แต่ตอนนี้กลับไม่มีการปิดซ่อนสิ่งที่ตัวเองชอบจากปากเลยสักนิด

“ฉันชอบที่พี่เป็นแบบนี้แหละ”

ถ้าเจียงเซ่อไม่ได้มีท่าทางอย่างตอนนี้ เซี่ยเชาฉวินก็คงจะรู้สึกนับถือเธอไปแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการส่วนหรือตัวนักแสดง ต่างก็ต้องอยู่เทียบเท่ากันให้ได้ ทั้งสองฝ่ายจะต้องคอยรักษาความก้าวหน้าและหนทางที่สดใส ถึงจะสามารถพากันจูงมือข้ามผ่านมันไปได้ไกล

ทั้งสองพูดคุยกันด้วยบทสนทนาธรรมดาๆ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่การแสดงความรู้สึกต่อกัน แต่โม่อานฉีที่นั่งฟังอยู่ข้างหน้ากลับรู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างเซี่ยเชาฉวินและเจียงเซ่อดูดีขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

เซี่ยเชาฉวินกำลังจะสั่งให้เจียงเซ่อหลับพักสักหน่อย แต่ยังไม่ทันจะได้พูด มือถือในกระเป๋าของเธอก็ดังขึ้นเสียก่อน เธอปรือตาล้วงมือเข้าไปหยิบมันขึ้นมา ยังไม่ทันจะได้ดูหน้าจอเซี่ยเชาฉวินก็เห็นแล้วว่าบนหน้าจอนั่นขึ้นชื่อ ‘เผยอี้’ เอาไว้