บทที่ 314 สมหวัง
ตอนนั้นเฝิงหนานพูดออกได้อย่างดิบดีทั้งๆ ที่ไม่รู้อะไรจริงๆ เลยสักอย่าง บวกกับที่หล่อนอ้างใช้ฐานะและอำนาจของตัวเอง ว่าเป็นถึงคุณหนูแห่งวิสาหกิจจงหนานของตระกูลเฝิง มีคุณปู่ที่เป็นทหารปฏิวัติ รู้จักกับคนที่มีทั้งฐานะและอำนาจมากมาย อีกทั้งยังรู้จักดีอีกด้วย
และเพราะคำพูดเหล่านั้น ทำให้ต่งหมิงเซิงหลงเชื่อหล่อนอย่างไม่เคยนึกสงสัย
แล้วเธอก็พูดถึงหนังเรื่องต่างๆ ที่เธอจะถ่ายอีก พูดออกมาได้อย่างน่าเชื่อถือ ต่งหมิงเซิงจึงหลวมตัวถอนทุนออกจากเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ เสีย ทำให้ต้องผิดใจกับหลินซีเหวินก็อีกเรื่อง แต่หลังจากที่ถอนทุนนี่สิ ก็เพิ่งจะรู้ว่าเบื้องหลังของเจียงเซ่อมีคนหนุนหลังเธออยู่มากมาย
ถ้าหากว่าหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ออกฉาย แล้วเป็นอย่างที่เฝิงหนานพูดเอาไว้จริงๆ ว่ายอดขายภายในประเทศได้ไม่ถึงเจ็ดร้อยล้านแล้วก็ว่าไปอย่างสิ
อย่างไรเสียหนังเรื่องนี้ก็ลงทุนไปกว่าสองร้อยล้าน หักค่าส่วนแบ่งของโรงภาพยนตร์บวกกับค่าภาษีต่างๆ และสิ่งต่างๆ อีกมากมายแล้ว เงินที่ทำได้จริงๆ ก็ไม่ได้เยอะอะไร เลยทำให้ต่งหมิงเซิงเชื่อแบบนั้นมาโดยตลอด
แต่ที่ไหนกัน หลังจากเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ เข้าฉายเท่านั้นแหละ แค่รายได้จากภายในประเทศก็ทะลุ 2.3 พันล้านไปแล้ว รวมรายได้จากทั่วโลกได้ไปเกือบ 3.8 พันล้าน
พวกคนที่ลงทุนอยู่เบื้องหลังก็ได้กอบโกยกำไรกันไปเต็มไม้เต็มมือ ตอนที่ต่งหมิงเซิงได้ยินแบบนั้น ก็รู้สึกเสียดายจนท้องไส้มันปั่นป่วนไปหมด ทำเอานอนไปหลับไปหลายเดือน ทุกครั้งที่เกิดนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร ก็หงุดหงิดจนอยากจะเป็นบ้าทุกที
และเพราะเขาเชื่อคำพูดเหล่านั้นของเฝิงหนาน ทำให้ตัวเองต้องเกิดการผิดใจต่อใครหลายๆ คนจากการถอนทุนออกในครั้งนั้น ตอนนี้การร่วมมือต่างๆ ของหัวโถวเองก็โดนกันเอาไว้ ในระยะเวลาหนึ่งปีกว่ามานี้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่ราบรื่นไปหมด หลายคนที่พอเห็นรายชื่อแล้ว ก็พากันเล่นตัวไปหมด แถมยังต้องมาแตกหักกับหลินซีเหวินเพื่อนที่คบกันมานานอีก
กลับกันทางเฝิงหนาน หล่อนไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถออกมาให้เห็นเลยสักนิด
ที่ตอนนั้นต่งหมิงเซิงยอมที่จะร่วมงานกับหล่อน ก็เพราะเชื่อในคำหลอกลวงของหล่อนทั้งนั้น เป็นเพราะว่าชื่อของเฝิงจงเหลียง แต่สุดท้ายก็มาได้ยินว่าเฝิงหนานและเฝิงจงเหลียงทะเลาะกันจนแทบจะเจอหน้ากันไม่ได้แล้วเสียอย่างนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างปู่หลานแย่ลงทุกวันๆ
แถมพักหลังมาก็ยังมีข่าวว่าหล่อนกับทายาทเจียงหัวกรุ๊ปอย่างจ้าวจวินฮั่นเกิดการแตกแยกกันอีก ตอนนั้นเขาก็เดาๆ ไว้แล้วว่าหรือวิสาหกิจจงหนานและเจียงหัวกรุ๊ปกำลังแตกกันหรือเปล่า เลยถือโอกาสนี้ในการถอนตัวออกมา แต่เฝิงหนานก็ยังคิดทีจะมาพูดเกลี้ยกล่อมหลอกให้เขากลับไปลงทุนให้เหมือนเดิม
ต่งหมิงเซิงพยายามกักเก็บความโกรธเอาไว้ เขาเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ สีหน้าท่าทางแสดงถึงความถากถางออกมาอย่างไม่ปิดบัง
ส่วนเฝิงหนานเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าคำว่ารับรอองที่ตัวเองพูดออกไปนั้นมันหลอกลวง และต่งหมิงเซิงก็กำลังแสดงออกอย่างชัดเจนว่าถ้าไม่เห็นเป้าหมายที่ต้องการจริงๆ ก็จะไม่ลงมือทำเด็ดขาด และเฝิงหนานก็ได้เตรียมคำพูดที่จะมาเกลี้ยกล่อมตรงนี้เอาไว้แล้ว
เธอดันกองเอกสารปึกใหญ่ที่วางอยู่ตรงหน้าไปให้ต่งหมิงเซิง และยิ้มตาหยี
“ผู้จัดการต่ง คุณลองดูนี่ก่อนสิคะ”
ต่งหมิงเซิงหยิบมันขึ้นไป เขาเปิดแผ่นกระดาษออก ข้างในนั้นมีเอกสารการร่วมมืออยู่สองชุด เฝิงหนานเองก็ขี้เกียจจะพูดอ้อมค้อมกับเขาแล้วเหมือนกัน
“เอกสารสองฉบับนี้ ไม่เหมือนกับที่เราเคยเดิมพันกันไว้หรอกนะคะ การเซ็นสัญญาเดิมพันในครั้งนี้ ตัวหลักที่เราจะเดิมพันกันคือหนังเรื่อง ‘Revenge’”
เธอเว้นระยะไปครู่หนึ่ง มองดูต่งหมิงเซิงที่พลิกเปิดเอกสารดูอย่างไม่ใส่ใจนัก ในใจก็คิดแล้วว่าไอ้คนสับปลับตรงหน้านี่ก็คงไม่ได้สนใจสิ่งที่เธอพูดอยู่เหมือนกัน เธอระงับความไม่พอใจเอาไว้ แล้วพูดต่อ
“ดิฉันรู้ว่าเรื่องหนัง ‘The Occasion of Beiping’ คงทำให้คุณรู้สึกผิดหวังไปไม่น้อย และคงจะทำให้คุณเข้าใจดิฉันผิดด้วย และดิฉันก็หวังว่าคุณพอจะมีโอกาสให้ดิฉันบ้าง และดิฉันจะเดิมพันกับคุณด้วยหนังเรื่อง ‘Revenge’ ถ้าคุณลงทุนให้กับหนังเรื่อง ‘Revenge’ ห้าล้าน ฉันรับรองเลยว่าคุณจะได้กลับไปห้าเท่า” เธอยกมือข้างขวาขึ้นมา แล้วกางนิ้วทั้งห้านิ้ว ด้วยท่าทางที่นิ่งสงบ
“ถ้าหากว่ายอดขายทั้งหมดที่คุณได้กลับมันเกินกว่าห้าเท่าละก็ หนังที่เหลือคุณก็จะต้องลงทุนด้วย”
พอเฝิงหนานพูดถึงตรงนี้ ต่งหมิงเซิงก็เริ่มที่จะสนใจขึ้นมา “แล้วถ้าหากว่ายอดขายทั้งหมดมันไม่ได้เป็นไปตามที่คุณคาดเอาไว้ล่ะ?”
“ไม่มีทาง!” เฝิงหนานพูดออกมาอย่างเด็ดขาด
ต่งหมิงเซิงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหล่อนไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน พอหล่อนพูดจบ ก็เหมือนว่าเพิ่งจะรู้สึกวันว่าตัวเองดูมั่นใจในคำพูดตัวเองมากแค่ไหน และคงจะรู้ด้วยว่ามันทำให้ต่งหมิงเซิงเกิดสงสัยขึ้นมา หล่อนจึงพยายามสงบเสงี่ยมลง
“ถ้าหากว่ายอดขายมันไม่เป็นไปตามที่ดิฉันบอก ถ้ามันได้ไม่ถึงห้าเท่า ดิฉันก็จะออกส่วนของตัวเองให้คุณทั้งหมด ส่วนเรื่องทุนของหนังเรื่องต่อๆ ไป ก็แล้วแต่ความสบายใจของคุณเลย ถ้าคุณไม่เชื่อ เราก็มาเขียนตัวหนังสือสีดำลงไปบนกระดาษสัญญาสีขาวนี่เถอะค่ะ”
หล่อนเองก็พูดมาขนาดนี้แล้ว ต่งหมิงเซิงก็ไม่มีอะไรที่จะตอบปฏิเสธหล่อนอีก ทำแค่เพียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ท่าทางแบบนี้ของเขา มันก็แสดงให้เห็นอยู่แล้วว่าเขาเริ่มที่จะสนใจ ต่งหมิงเซิงเป็นนักลงทุน การเดิมพันแบบนี้ถือว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ถ้าหนังเรื่อง ‘Revenge’ ประสบความสำเร็จก็เป็นเรื่องของเฝิงหนาน ถ้าหากว่ายอดขายบัตรหนังมันได้คืนกลับมาถึงห้าเท่าตามที่หล่อนบอกจริงๆ การร่วมเดิมพันครั้งนี้ก็ยังพอที่จะน่าเข้าร่วม
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเฝิงหนานมั่นใจในตัวหนัง ‘Revenge’ มาก และรู้อีกว่าหลังจากนี้หลายปีหนังเรื่อง ‘Revenge’ จะกลายเป็นหนังที่มีชื่อเสียงโด่งดังในหัวเซี่ย ที่ถึงแม้ว่าจะมาจากนิยายเรื่องเล็กๆ แต่ก็ทำยอดขายบัตรสูง และได้รับคำชื่นชมมากมายและได้รับรางวัลหลายสาขาแล้วละก็ เฝิงหนานไม่มีวันที่จะกล้าเดิมพันกับต่งหมิงเซิงขนาดนี้แน่ๆ
แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ สุดท้ายแล้วต่งหมิงเซิงก็ยอมที่จะเซ็นสัญญาวางเดิมพันกับหล่อน แต่ก็เพราะตัวเองร่วมเซ็นสัญญาเดิมพันกับต่งหมิงเซิงด้วยท่าทางที่มั่นอกมั่นใจขนาดนี้แล้ว พอคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ในใจของเฝิงหนานมันก็เริ่มหงุดหงิดโมโหขึ้นมาอีก
ตั้งแต่ที่หล่อนเกิดใหม่มาในสามปีนี้ ไม่ว่าหล่อนจะทำเรื่องอะไรมันก็ไม่เคยที่จะราบรื่น จึงตั้งใจที่จะใช้หนังเรื่อง ‘Revenge’ ในการเรียกความสนใจจากทุนคนกลับมา
หล่อนคิดเอาไว้แล้ว ที่จริงหนังเรื่อง ‘Revenge’ เรื่องนี้ลงทุนไปแค่สองล้านกว่าเท่านั้น ไม่ถึงสามล้านเหมือนในตอนนี้ด้วยซ้ำ แต่กว่าจะได้ถ่ายทำก็ดันเกิดปัญหาขึ้นมากมายแบบนี้
เฝิงหนานเคยได้ดูบทสัมภาษณ์ของหลี่ลี่ผู้กำกับที่เคยกำกับเรื่องนี้มาแล้ว เขาได้พูดถึงประสบการณ์ตอนที่ถ่ายทำเอาไว้ทั้งหมด และตัวเนื้อเรื่องของ ‘Revenge’ หล่อนก็จำมันได้ขึ้นใจ เมื่อลองเทียบกับหนังเรื่อง ‘Evil’ ที่ได้รับรางวัลใหญ่ไปไม่น้อยแล้ว มันก็เป็นเรื่องราวที่แม่แก้แค้นให้ลูกเหมือนกันนั่นแหละ
นางเอกในเรื่อง ‘Revenge’ เป็นตำรวจ และสามีก็ได้หย่ากันไปนานหลายปีแล้ว เหลือแค่เพียงลูกสาวคนหนึ่งเท่านั้น
แต่ก็ต้องมาเกิดเรื่องที่เหนือความคาดหมายกับลูกสาวคนนี้ เพราะเด็กสาวต้องตายด้วยน้ำมือวัยรุ่นคนหนึ่ง
นางเอกของเรื่องโกรธมาก จึงเริ่มคิดแผนการแก้แค้น
เฝิงหนานจำเนื้อเรื่องของเรื่องราวนั้นได้ หล่อนจดจำและทวนขั้นตอนการถ่ายทำต่างๆ อย่างขึ้นใจ อีกทั้งยังอัดเสียงเอาไว้แล้วด้วย หล่อนจึงตัดสินใจที่จะเพิ่มจำนวนเงินที่ต้องลงทุน เพื่อที่จะทำให้หนังเรื่องนี้มันออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด
หล่อนนึกถึงเหตุการณ์ในโลกก่อนหน้า ตอนที่หล่อนได้เห็นว่ามีนักวิจารณ์ภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงมากมายเขียนบทวิจารณ์ให้กับหนังเรื่องนี้ ดังนั้นหล่อนจึงได้ปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องบางจุด เพราะคิดว่ามันจะทำให้คนดูได้รู้สึกอย่างลึกซึ้งมากขึ้น
แต่จำได้ว่าหนังเรื่อง ‘Revenge’ ไม่เคยต้องเจอเรื่องยุ่งยากลำบากแบบนี้มาก่อน แต่เฝิงหนานก็เชื่อว่าหลังจากที่หนังได้ฉายออกไปแล้ว ห้าเท่าที่จะได้รับคืนกลับมาก็คงไม่ใช่ปัญหาอะไร
ถึงแม้ว่าการถ่ายทำของหนังเรื่อง ‘Revenge’ จะไม่เทียบเท่ากับของเรื่อง ‘Evil’ ก็ตาม แต่จากที่เฝิงหนานมองแล้ว ความสำเร็จของเรื่อง ‘Evil’ ก็คงจะหนีไม่พ้นพระเอกของเรื่องอย่างหลิวเย่แน่ๆ
การแสดงของเขามันยอดเยี่ยมและลึกซึ้ง เขาคงจะสามารถแสดงปีศาจลั่วเซิ่นของเรื่องได้ราวกับว่าตัวละครนั้นมีตัวตนจริงๆ ยิ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้ลองเปลี่ยนคาแรคเตอร์ ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของเขาหลังจากที่เป็นนักแสดงมาหลายปี
บวกกับก่อนหน้านี้ที่เขาได้เล่นเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ของจางจิ้งอานมา ทำให้เขาได้เริ่มมีชื่อเสียงในวงการการหนังนานาชาติขึ้นมา
เพราะงั้นตอนหลังที่หนังเรื่อง ‘Evil’ ได้เข้าฉายที่เทศกาลภาพยนตร์ในประเทศฝรั่งเศส ถึงแม้หลิวเย่จะได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์ของฝรั่งเศสมา ถึงเขาจะได้ก้าวเข้าไปในวงการหนังต่างประเทศอีกก้าว แต่นางเอกของเรื่องกลับดังได้ไม่นานนัก เวลาที่คนพูดถึงหนังเรื่อง ‘Evil’ กัน นอกจากจะพูดว่ามันเป็นความสำเร็จของจ้าวร่างแล้ว ส่วนมากก็จะจำได้แต่หลิวเย่เท่านั้น