webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

313

บทที่ 313 เดิมพัน

ผู้จัดการส่วนตัวของหังยวี๋อีทำไม่ได้แม้กระทั่งขอพูดคุยกับเซี่ยเชาฉวิน ทำให้เรื่องที่จะลองเสนอให้ฟังเป็นอันตกไป

ถ้าหากว่าเป็นสองปีก่อน ถ้าเจียงเซ่อมีข่าวฉาวกับเขา แน่นอนว่าเจียงเซ่อต้องเป็นฝ่ายที่ได้คบคนที่ฐานะสูงกว่า แต่แค่ระยะเวลาสองปีสั้นๆ ที่ผ่านไป เขาคิดที่จะมีข่าวฉาวกับเธอบ้าง แต่กลับกลายเป็นว่าเขาไม่สามารถเอื้อมถึงได้เสียอย่างนั้น

ในงานหนังรอบปฐมทัศน์พวกนักข่าวจากสำนักข่าวใหญ่ๆ ก็เอาแต่ไปยืนรายล้อมเพื่อถามไถ่เจียงเซ่อ ถึงแม้ว่าจะมีบางส่วนที่เดินมาถามถึงเรื่องที่จ้าวร่าง ‘กระทบกระทั่ง’ กับหัวเซี่ยจือซวิ้นและสือไต้บันเทิงอยู่บ้าง แต่คนในวงการก็รู้กันดีอยู่แล้ว นั่นเป็นแค่การสร้างเรื่องขึ้นมาเท่านั้นเอง แน่นอนว่าไม่มีใครมัวแต่ไปติดถามอยู่กับแต่เรื่องนั้นหรอก

แต่เรื่องที่เจียงเซ่อและหลิวเย่ร่วมงานกัน ดูมันจะเป็นที่น่าสนใจมากกว่าอีก

ทั้งสองคนร่วมงานกันในหนังเรื่องใหม่ ซึ่งไม่มีการเปิดเผยแม้กระทั่งชื่อเรื่องและข้อมูล ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีสื่อต่างๆ ไปสืบมาบ้างแล้ว แต่ทีมงานของหนังเรื่องนี้ก็ปิดเงียบมากจริงๆ ถึงแม้ว่าจะมีคนถ่ายรูปตอนถ่ายทำได้จากที่ไกลๆ แต่ก็ดูไม่ชัดเจนอยู่ดี และแม้แต่รูปที่แอบถ่ายมาได้ ก็โดนทีมงานหนังจัดการไปอย่างรวดเร็ว

คนในวงการที่มีฝีมือสูงๆ ก็ยังไม่มีรูปอะไรเลยด้วยซ้ำ

คนนอกก็พากันเดาไปต่างๆ นาๆ มากมาย เพราะอย่างไรเสียทั้งฐานะและชื่อเสียงของทั้งสองคน ก็ไม่ใช่ในระดับธรรมดาทั่วไป

หรืออาจจะโชคดีที่มีหลิวเย่คอยออกหน้า จากนั้นก็มีคนถามเรื่องที่มีการเปลี่ยนตัวนางเอกเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ในก่อนที่จะได้เริ่มถ่ายทำ แต่จ้าวร่างก็ตอบปัดคำถามนั้นไป

เหล่านักข่าวเริ่มพากันถามอย่างดุเดือดมากขึ้น คำถามต่อคำถาม ข้างล่างนั่นยังมีคนที่คอยถ่ายรูปอยู่มากมาย กล้องทุกตัวหันขึ้นมาบนเวที และภาพเหล่านั้นก็คงถูกเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตแล้ว

ในส่วนของของหัวเซี่ยจือซวิ้น มีนักข่าวผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น

“คุณเจียงคะ ในมุมมองของคุณแล้ว ระหว่างหลิวเย่และหังยวี๋อีที่นั่งอยู่ข้างๆ คุณ พวกเขามีอะไรที่แตกต่างกันไหมคะ?”

คำถามนี้อาจจะดูธรรมดา แต่มันก็มีกับดักซ่อนเอาไว้อยู่ในนั้น

ตอนที่เถาเถาได้ยินคำถามนั้น เหงื่อเย็นๆ ก็ซึมออกมาทั้งตัวของเธอ

คำถามนี้เป็นอะไรที่ไม่น่าตอบนัก ถ้าหากว่าเจียงเซ่อตอบออกไป ถึงแม้ว่าจะพยายามที่จะแยกแยะนิสัยและลักษณะที่ไม่เหมือนกันของทั้งสองคน มันก็ยังง่ายที่จะทำให้แฟนคลับของหลิวเย่ไม่พอใจ และอาจจะทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรจริงพากันคิดว่าเจียงเซ่อเป็นพวกไม่เคารพรุ่นพี่

สื่อจะต้องมีการตัดคำพูดเพื่อนำไปลงข่าวอยู่แล้ว ถึงสิ่งที่ออกไปจะเป็นแค่หัวข้อ แต่มันก็มากพอที่จะทำให้คนเข้ามาด่าทอได้

ถ้าพูดว่าหลิวเย่ดีกว่า แฟนคลับของหังยวี๋อีก็คงไม่มีทางยอมรับแน่ๆ แล้วถ้าบอกว่าหังยวี๋อีดีกว่า แฟนคลับของหลิวเย่ก็คงไม่พอใจเช่นกัน

ไม่ว่าจะทางไหนก็ไม่มีผลดีทั้งนั้น คำถามแบบนี้แหละที่ตอบยากที่สุด

ดาราทุกคนล้วนแล้วมีประสบการณ์กับการโดนถามแบบนี้ และส่วนมากก็มักจะเลือกทำเป็นเฉไปเรื่องอีก

แต่ว่าเถาเถารู้ถึงนิสัยของเจียงเซ่อดี ว่าเธอไม่ชอบที่จะทำแบบนั้นมากที่สุด นิสัยของเธอคือถ้าพูดได้ก็จะพูด ถ้าพูดไม่ได้ก็จะไม่พูดอะไรเลยสักคำ

แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ว่าจะพูดหรือไม่พูดก็ต้องเกิดปัญหาแน่นอน

เถาเถาเกิดร้อนใจไม่น้อย จ้าวร่างที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็กำลังขมวดคิ้วเช่นกัน และในขณะที่กำลังจะพูดแทรกขึ้นมานั้น เจียงเซ่อก็ตอบออกมาเสียก่อน

“ชื่อของทั้งสองคนไม่เหมือนกันค่ะ”

‘คิก’ พอเธอพูดจบ ใครหลายๆ คนที่นั่งอยู่ข้างล่างก็พากันหลุดหัวเราะออกมา และทั้งงานก็เกิดเสียงหัวเราะขำขันขึ้น หังยวี๋อีที่นั่งอยู่บนเวทีด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียดก็ดูผ่อนคลายลงด้วย และเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเช่นกัน จ้าวร่างส่งสายตาให้เจียงเซ่ออย่างชื่นชม

ผู้คนที่กำลังนั่งดูถ่ายทอดสดหน้าคอมเองก็ต้องหัวเราะออกมาเพราะเจียงเซ่อ เถาเถาเองก็กำลังหัวเราะจนตาหยี

เธอมักจะแสดงออกอย่างซื่อตรงเสมอ และมักจะพูดอะไรที่ทำให้นึกไม่ถึง

คำถามแบบนั้นจึงโดนเจียงเซ่อกำจัดออกไปอย่างง่ายดาย และไม่มีทางไหนที่จะมาจับผิดได้อีก

หลังจากที่นักข่าวของหัวเซี่ยจือซวิ้นพูดอะไรต่อไม่ถูกแล้ว ก็ดูท่าทางจะไม่พอใจเหมือนกันที่โดนเจียงเซ่อโต้ตอบแบบนั้น จึงไม่ยอมแพ้ที่จะไล่ถามต่อ

“งั้นสำหรับคุณแล้ว พวกเขามีอะไรที่เหมือนกันหรือคะ?”

จากสถานการณ์ที่เพิ่งผ่านเมื่อครู่ ทำให้เถาเถาตั้งตารอฟังคำตอบของเจียงเซ่อมากยิ่งขึ้นอีก และอยากจะฟังว่าตอบยังไงเพื่อทำให้คนถามใบ้กินได้อีก

และเธอก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ เจียงเซ่อยกไมค์ขึ้นมา แล้วตอบกลับ

“เพศค่ะ!”

และนั่นก็ทำเอาคนในงานหัวเราะดังขึ้นอีก จ้าวร่างเองก็หัวเราะขึ้นมาด้วย

และเพราะว่างานหนังรอบปฐมทัศน์มีเวลาจำกัด เวลาที่จัดให้สื่อสัมภาษณ์ก็มีจำกัดเช่นกัน นักข่าวของหัวเซี่ยจือซวิ้นจึงต้องส่งโอกาสถามให้กับคนอื่นไปอย่างทำอะไรไม่ได้

ณ สโมสรแห่งหนึ่งในตี้ตู เฝิงหนานกำลังนัดเชิญต่งหมิงเซิงให้มาเจรจากัน ซึ่งมันก็ไม่ได้ง่ายๆ เลย ทีวีทีติดอยู่บนกำแพงของโถงรับรองแขกขนาดใหญ่กำลังฉายภาพการสัมภาษณ์ในงานหนังรอบปฐมทัศน์ของหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’

ในทีวีเจียงเซ่อกำลังถือไมค์ตอบคำถามของนักข่าว เวลาที่เธอพูด ทั้งน้ำเสียงและกิริยาท่าทางทำให้เฝิงหนานรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย

สองปีที่ผ่านมานี้เจียงเซ่อดูจะราบรื่นเกินไปแล้ว ตอนนี้เธอเป็นเหมือนกับเหยี่ยวตัวหนึ่งที่กำลังกางปีกบินอย่างงดงาม และซื่อจี้หยินเหอก็กำลังจะดันให้เธอกลายเป็นนักแสดงหญิงแนวหน้า

เมื่อลองเทียบกันแล้ว เฝิงหนานก็ดูด้อยกว่าเธอไปทุกทาง

ทั้งๆ ที่เห็นได้อย่างชัดเจนอยู่แล้วว่าทั้ง ‘ชาติกำเนิดและฐานะ’ ของทั้งสองคนต่างกันราวกับฟ้ากับเหว หลังจากที่หล่อนมาเกิดใหม่ หล่อนได้ทั้งจุดเริ่มต้นที่ดีกว่าโลกก่อนหน้านี้เป็นร้อยเท่า พอได้เข้าวงการบันเทิงมา หล่อนก็มีความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในโลกก่อนหน้านี้ทั้งหมด เฝิงหนานคิดว่าตัวเองจะต้องได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ในวงการบันเทิงแน่ๆ แต่ทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิดที่หวังเอาไว้เลยสักนิด

ตอนที่ถ่ายหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ เสร็จ เธอได้ชื่อว่าเป็นถึงลูกคุณผู้สูงส่ง และบทในหนังอย่างคุณหนูเอกุชิที่แสนน่าสงสารก็ได้สร้างชื่อเสียงมากมายให้กับเธอ แต่น่าเสียดายที่ในตอนนั้นยังมีเจียงเซ่ออีกคน

และบทโต้วโค่วในหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ที่เธอแสดงก็ทำให้หล่อนต้องพลาดจากรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมในงานหนังภาพยนตร์ไป เธอแย่งสิ่งที่หล่อนต้องการไป ทำให้หล่อนต้องเสียเส้นทางดีๆ หลังจากที่เล่นบท ‘คุณหนูเอกุชิ’ ไปทั้งหมด และต้องทนมองให้หนังทั้งสองเรื่องที่ตัวเองเล็งเอาไว้โดนเจียงเซ่อแย่งไปต่อหน้าต่อตา

ในเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ เธอได้ร่วมงานกับหังยวี๋อี ได้รับบทที่น่ารักสดใสอย่างโจวเหวยไป

ในเรื่อง ‘Evil’ เธอก็ได้แสดงกับหลิวเย่ ทำให้ชื่อเสียงของเธอมีมากขึ้น กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากมาย

ตอนนั้นที่หล่อนตั้งใจจะทำให้เธอและเซี่ยเชาฉวินแตกคอกัน แต่กลับทำให้เธอได้เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ของกังหัว

เมื่อลองเทียบกันแล้ว ตั้งแต่ที่หล่อนมาเกิดใหม่เรื่องแรกที่เป็นปัญหาก็คือเฝิงจงเหลียง ทำให้เธอพลาดจากเผยอี้ พลาดไปแล้วหนึ่งก้าว สุดท้ายก็กลายเป็นว่าพลาดไปทั้งหมด

แถมตอนนี้หล่อนกับจ้าวจวินฮั่นก็ร่วมงานกันได้แต่ใจไม่ได้ตรงกันอีกต่อไป ระหว่างสองคนเหลือแค่เพียงการร่วมมือทางธุรกิจ ส่วนเรื่องส่วนตัวก็ติดต่อกันน้อยลงทุกที

และสิ่งที่เธอลงทุนไปกับหนัง ก็ไม่ได้ราบรื่นอะไรนัก

หนังเรื่อง ‘Revenge’ ที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะให้เข้าฉายในต้นปีหน้า กลับต้องมาเจอผลกระทบเพียงเพราะไอ้บ้าต่งหมิงเซิงนั่นมาถอนทุนออกไปหน้าตาเฉย ทำให้เธอต้องคิดหาวิธีพูดเกลี้ยกล่อม จนต้องเสียเวลาในการถ่ายทำไป

จนมาถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มถ่าย และต้นปีหน้าก็คงเอาไปฉายไม่ได้ จึงต้องเลื่อนกำหนดไปฉายปลายปีแทน

พอเห็นว่าต่งหมิงเซิงเดินมานั่งที่โซฟาอีกด้านหนึ่งแล้ว เฝิงหนานก็วาดรอยยิ้มลงบนใบหน้า แต่แววตาเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ ต่งหมิงเซิงเป็นได้แค่พวกฉวยโอกาสจริงๆ ทั้งที่ตอนแรกพูดเสียดิบดีว่าจะร่วมลงทุนให้กับหนังเรื่องใหม่ต่อๆ ไปของเธอ แต่สุดท้ายกลับกลับคำพูดได้อย่างง่ายดาย

หลังจากที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว เฝิงหนานก็นัดเจอเขามาตั้งหลายครั้ง ไอ้คนสับปลับคนนี้มันกลับทำเป็นเฉไฉทุกครั้ง ไม่ยอมพูดถึงเรื่องนี้จริงๆ จังเสียที

บนโต๊ะชามีเอกสารข้อมูลปึกหนาวางเอาไว้ หนึ่งในนั้นมีบทหนังเรื่อง ‘Revenge’ ที่ถูกยืดเวลาถ่ายทำไปกว่าครึ่งปีแล้วก็ยังไม่ได้ถ่าย และเฝิงหนานก็เริ่มที่จะหมดความอดทนลงทุกที เธอยกมือขึ้นลูบหน้าผาก พยายามเก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ แล้วพยายามยิ้มออกมา

“ผู้จัดการต่ง เรื่องเงินทุน คุณก็รู้ใช่ไหมคะว่าฉันตั้งใจและบริสุทธิ์ใจมากแค่ไหน หนังที่ฉันบอกไปแต่ละเรื่อง รับรองว่าไม่มีทางทำให้คุณผิดหวังแน่นอน”

“รับรองหรือ?”

ต่งหมิงเซิงหัวเราะออกมาเสียงดัง ไม่มีท่าทางอ่อนน้อมเหมือนอย่างที่เคยคุยกับเฝิงหนานเหมือนเดิมอีก “คุณเฝิง คุณจะเอาอะไรมารับรองกัน?”

ตอนแรกเป็นเพราะหล่อนพูดว่ายอดบัตรหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ไม่มีทางได้ถึงเจ็ดร้อยล้าน หักส่วนแบ่งให้กับโรงหนัง บวกกับภาษีที่ต้องจ่ายและค่าใช้จ่ายอื่นๆ แล้ว เงินที่เขาจะได้ก็คงแค่พอได้ค่าลงทุนคืนเท่านั้น