webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

309

บทที่ 309 ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่

เจียงเซ่อเริ่มหวนนึกถึงเรื่องราวในความทรงจำ และปล่อยให้ตัวเองเคลิบเคลิ้มไปในห้วงความรู้สึก

ในหัวของเธอเริ่มมีภาพที่จ้าวร่างได้ลองจิตนาการเอาไว้ และได้วาดภาพขึ้นมากับผู้ทำสตอรี่บอร์ดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เธอลองเอาจางยวี่ฉินในสตอรี่บอร์ดมาเทียบกับการแสดงของตัวเองดู

ในตอนที่ศพของจูจูถูกพบที่นี่ และวินาทีที่ได้รู้แน่ชัดแล้วว่าลูกสาวของตนเองโดนทำร้าย แน่นอนว่ามันทำให้ในใจของจางยวี่ฉินยิ่งเจ็บช้ำและเจ็บปวดทรมานอย่างที่สุด

เธอวิ่งรอกไปมาอยู่นาน ก็เพื่อที่จะหาจูจูที่ยังมีชีวิตกลับมา เธอกลัวว่าถ้าตัวเองมัวแต่ช้าโอ้เอ้ การมีอยู่ของจูจูก็จะยิ่งน้อยลง อย่างตอนนี้เธอก็ยังคงเอาแต่วิ่งตามหาทั้งวันทั้งคืนและยอมอดหลับอดนอน แม้แต่เมืองใกล้ๆ กันเธอก็ยังไป แต่ในระยะเวลาสั้นๆ สิ่งที่มันแหลกสลายไม่ใช่ตัวเธอ แต่ความศรัทธราที่เชื่อว่าจะช่วยลูกสาวตัวเองได้ต่างหากที่ถูกทำลายลง

แต่ในตอนที่ศพของลูกสาวมาวางไว้อยู่ตรงหน้าเธอ ความเชื่อและความหวังของเธอมันก็พลังทลายลง เจียงเซ่อหลับตาลง ใบหน้าเผยความทุรนทุรายออกมา

จ้าวร่างยืนสั่งให้ทีมงานไปจำตำแหน่งของตัวแสดงติดตามเอาไว้ คนตกแต่งฉากกำลังเอาอุปกรณ์ต่างๆ มาตั้งเอาไว้ ดูกวดขันกับสิ่งต่างๆ ที่ต้องการให้เป็นมากจริงๆ

รอบด้านมีแต่กลิ่นไม่พึงประสงค์ ไอร้อนของอากาศก็ไม่มีท่าทีว่าจะลดลง นี่มันยิ่งทำให้รู้สึกเกินจะรับได้เข้าไปอีก

เจียงเซ่อยกมือขึ้นถูจมูก พยายามลดความรำคาญใจของตัวเองลง จ้าวร่างยังกวักมือเรียกเธอ เพื่อคุยถึงสิ่งที่ต้องถ่ายทำในวันพรุ่งนี้

“ศพของจูจูจะถูกพบที่ตรงนั้นนะ”

เขาชี้ไปยังจุดที่จะซ่อนของเอาไว้ในวันพรุ่งนี้ บริเวณนั้นได้ขุดเป็นหลุมเอาไว้แล้ว พอถึงเวลาถ่ายทำพรุ่งนี้ ทางทีมงานตกแต่งฉากก็คงจะเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้นักแสดงหลักทั้งสองคนของกองถ่าย จะต้องแสร้งทำเป็นว่าตรงนี้มันมีพวกสิ่งของเหล่านั้นอยู่ และเตรียมจุดเดินเอาไว้ให้เรียบร้อย เพื่อลดเวลาการถ่ายทำในวันพรุ่งนี้ลง

เจียงเซ่อพยักหน้า และฟังในสิ่งที่เขากำลังบอกอย่างตั้งใจ หลิวเย่เองก็อยู่ด้วย ถึงแม้ว่าซีนส่วนใหญ่ที่จะถ่ายในวันพรุ่งนี้จะเป็นของเจียงเซ่อ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาอยู่กองถ่ายหนังเรื่องนี้ การแสดงก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อย

พูดไปพูดมาก็ดูน่าสนใจอยู่เหมือนกัน กับเจียงเซ่อที่ช่วงนี้ลดน้ำนักจนผอมลงไปอย่างกับคนละคน แต่หลิวเย่กลับอ้วนขึ้นเกือบสิบกิโลแล้ว เขาสวมเสื้อยืด T เชิ้ต และบริเวณหน้าท้องก็นูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด และเขาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับสายตาของคนอื่นที่มองมาอย่างสงสัย และตั้งใจฟังจ้าวร่างพูดไปเรื่อยๆ

ทุกครั้งที่อยู่ในเวลางาน ความตั้งใจทำงานของเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกับรูปลักษณ์ภายนอกทั้งนั้น อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายแบบนี้ จ้าวร่างก็ยิ่งต้องคอยกำกับจุดเดินต่างๆ อย่างเข้มงวด

ทีมงานอาร์ตติสเองก็กำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสภาพแวดล้อมแถวนี้ว่าจะต้องปรับปรุงอะไรอีกหรือไม่ กว่าจะวางแผนกันเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบสองทุ่มแล้ว

หลังจากเก็บของเสร็จเรียบร้อย จ้าวร่างก็ชวนหลิวเย่และเจียงเซ่อให้ไปทานมื้อค่ำด้วยกัน

และเพราะว่าทีมงานกองถ่ายจะต้องอยู่ใกล้กับสถานที่ถ่ายทำที่สุด โรงแรมที่พักกันอยู่จึงไม่ได้หรูหราอะไรมากมาย ของที่กินได้ก็มีให้เลือกไม่มาก

ทุกคนพากันนั่งลง แน่นอนว่าตอนนี้เจียงเซ่อก็รู้สึกว่ากินไม่ลงเท่าไหร่ เพราะตลอดบ่ายที่ผ่านมาต้องทนดมกลิ่นของเสียจากโรงงานจนเวียนหัวตาลายไปหมด ในตอนที่กับข้าวต่างๆ มาเสิร์ฟ จ้าวร่างก็มองซ้ายมองขวา

“ป๋อซีไปไหนแล้วล่ะ?”

“เขาไปอ้วกน่ะครับ”

หลิวเย่ปัดมือ สถานที่ถ่ายทำที่ทีมงานเลือกมันทั้งสกปรก ทั้งเหม็นและแย่สุดๆ ไปเลย แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปถึงได้มีที่แบบนี้ขึ้นมาได้ หยางป๋อซีอยู่กับหลิวเย่มานาน สิ่งดีๆ ก็เจอมามากมาย ฉากจะยิ่งใหญ่อลังการแค่ไหนก็รับมือได้ทั้งนั้น แต่พอต้องมาเจอกับที่ที่สกปรกและเน่าเหม็นแบบนี้แล้ว แค่แปบเดียวก็รับไม่ไหวแล้ว ช่วงบ่ายนี้ก็เลยอาเจียนไปแล้วสองรอบ

ทุกคนต่างก็ทานไม่ลงกันหมด และถึงแม้ว่าหลิวเย่จะหยิบเมนูมาเลือกอาหารแล้ว แต่ก็เหมือนว่าที่สั่งไปทั้งหมดเป็นเนื้อสัตว์และของร้อนทั้งนั้น

ส่วนเจียงเซ่อสั่งเป็นอาหารที่ทานแล้วชุ่มคอ พออาหารมาเสิร์ฟ ทุกคนก็มีอาการกินไม่ลง มีแค่หลิวเย่ที่กินได้กินดี

“คุณหลิว คุณดูเจริญอาหารดีนะคะ”

ของที่เขาทานเป็นของมันๆ ทั้งนั้น แต่เขาดูรีบๆ กินแปลกๆ ดูๆ จากที่กินแล้ว ถึงว่าไม่กี่เดือนที่ผ่านมาถึงได้ดูตัวใหญ่ขึ้นขนาดนี้ คนทั้งคนดูเปลี่ยนไปไม่น้อยเลย

เจียงเซ่อเอ่ยชมออกไป พอหลิวเย่ได้ยินแบบนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มแห้งๆ

“ที่จริงผมก็ทานไม่ลงเหมือนกันแหละครับ”

ในขณะที่เขาพูด มือก็ยังไม่หยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ จ้าวร่างที่ได้ยินแบบนั้นก็อดที่จะขำขึ้นมาไม่ได้ แต่เจียงเซ่อกลับหัวเราะไม่ออก และนึกถึงเรื่องที่เขาอ้วนขึ้นมาแบบนี้

“หรือว่าคุณกำลังเพิ่มน้ำหนักงั้นหรือคะ?”

“ใช่แล้วครับ”

หลิวเย่พยักหน้า ตอนนี้ในปากของเขามันมันมากจริงๆ แต่เขาก็ไม่ได้รีบหาน้ำมาดื่ม เขาเองก็อยากจะทำเหมือนเจียงเซ่อ อยากจะเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายทำในวันพรุ่งนี้

บทที่เขาต้องแสดงคือปีศาจที่ฆ่าจูจูอย่างลั่วเซิ่น ในนาทีที่ศพของจูจูถูกพบ ลั่วเซิ่นเองก็จะต้องไปปรากฏตัวอยู่ในฉากด้วยเช่นกัน

ทางตำรวจเองก็ออกตามหาคนร้ายไปทั่วทุกทิศ ต่อหน้าแม่คนหนึ่งที่ประสบกับความโชคร้าย เมื่อเขาได้ลองศึกษาตัวละครฆาตกรนี้ดูแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นระคนเร้าใจ

ริมฝีปากของเขามันจะต้องแห้งผาก ถึงแม้ว่าตอนนี้การเมคอัพจะพัฒนาไปมากแล้ว ถ้าใช้การเมคอัพแทนก็ใช่ว่าจะให้ผลแบบเดียวกันไม่ได้ แต่ในเวลาที่นักแสดงทำการแสดง ร่างกายจะต้องเข้าไปอยู่ในสภาวะนั้น และมันจะส่งผลกับความรู้สึกที่ต้องสื่อออกมาด้วย

“สองสามเดือนที่ผ่านมานี้ผมเองก็ลองศึกษาบทหนังดูแล้ว ได้ลองพิจารณาตัวละครลั่วเซิ่นให้ดีด้วย”

หลิวเย่ยังคงขยับตะเกียบในมือไปเรื่อยๆ กินไปด้วยขมวดคิ้วไปด้วย

“อายุเขาประมาณเกือบจะห้าสิบ โสด และมีนิสัยสันโดษ” เขาเป็นช่างตัดเสื้อ ชีวิตไม่ได้หวือหวาอะไร และเขารู้สึกคับแค้นใจที่ชีวิตไม่เคยประสบความสำเร็จ และไม่เคยได้แต่งงาน ไม่มีลูกหลาน พ่อเสียชีวิต เหลือเพียงแม่คนหนึ่งที่แก่หง่อมคนหนึ่งที่ยังอยู่บนโลก

เมื่อลองมาสรุปดูแล้ว “เธอเองก็คงพอจะนึกถึงลักษณะท่าทางและนิสัยของเขาได้”

พอเริ่มกินจนเลี่ยนแล้วจริงๆ หลิวเย่ก็หยุดตะเกียบในมือลง “ที่จริงก่อนหน้านี้ผู้วาดสตอรี่บอร์ดเองก็เคยเอาคาแรคเตอร์ของลั่วเซิ่นให้ฉันดูแล้วล่ะ”

ตัวละครมีผมสีเทาขาว แผ่นหลังโค้งงอ ดูแล้วเป็นพวกไม่ค่อยพูด ไม่จำเป็นก็จะไม่พูดอะไรออกมา

“แต่นั่นก็ยังไม่พอ” เขาส่ายหน้า แล้วชี้นิ้วขึ้นมา

“คนที่อยู่ในช่วงอายุวัยกลางคนแบบนี้ จะมีปัญหาหลักอีกอย่าง นั่นก็คือการควบคุมตัวเองไม่ได้ หากอยากฆ่าคน เมื่อได้โอกาสลงมือก็จะทำทันที”

ก่อนที่ลั่วเซิ่นจะฆ่าจูจู ไม่มีการเตรียมตัวหรือวางแผนอะไรทั้งนั้น และไม่ใช่ฆ่าเพราะต้องการแสวงหาความตื่นเต้น และคนแบบนี้เป็นกลุ่มคนที่ทางตำรวจกลัวมากที่สุด เขามีเจตนาร้ายมาก่อนอยู่แล้ว สำหรับตัวเขา ก็เหมือนกับว่าหากผ่านไปแล้วครึ่งวัน แต่หากเกิดอยากจะฆ่าคนขึ้นมา ก็จะลงมือทำอย่างไม่ลังเลทันที

ไม่มีการเตรียมการวางแผนก่อนล่วงหน้า และมันก็ทำให้สืบหาต้นสายปลายเหตุหรือร่องรอยได้ยากมาก ไม่ใช่คนใกล้ชิด ไม่ใช่การฆ่าโดยมีเหตุจูงใจ มันเหมือนเป็นการเพิ่มงานตรวจสอบให้กับตำรวจมากยิ่งขึ้น

“เซ่อเซ่อ เธอเองก็ไม่คิดหรือว่าตรงนี้มีปัญหาอะไรอยู่?”

หลิวเย่มองเธอยิ้มๆ

หลังจากที่เขาอ้วนขึ้น ใบหน้าที่งามราวกับวีรบุรุษก็เปลี่ยนรูปไปด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังดูมีอายุมากขึ้นอีกด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นรุ่นอาวุโส

เมื่อพูดถึงตัวบทหนังแล้ว จ้าวร่างเองก็เริ่มสนใจขึ้นมา ก็เริ่มเดาๆ บ้าง แต่หลิวเย่ก็ยังส่ายหน้าพร้อมเสียงหัวเราะ

“ไม่ใช่แค่นั้นหรอกครับ”

เจียงเซ่อขมวดคิ้วคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็นึกถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้

“หรือคุณหลิวหมายถึง เพราะว่าเขามีอาการควบคุมตัวเองไม่ได้ นั่นก็พูดได้ว่า เขาเองก็ไม่ควบคุมการกระทำของตนเองเหมือนกันหรือคะ”

หลิวเย่ยิ้มไม่พูดอะไร ก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อเริ่มกินอีกครั้ง เจียงเซ่อพูดต่อ

“เพราะเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ หรือแม้แต่พฤติกรรมก็ควบคุมไม่ได้เช่นกัน และแน่นอนว่าไม่มีทางที่จะมาคอยสนใจร่างกายของตนเองด้วย”

“ใช่แล้ว!”

และนั่นก็เป็นสิ่งที่หลิวเย่คิดพิจารณามาหลายตลบ จนได้ข้อสรุปว่า หลังจากที่ตนเองได้ตอบรับเล่นหนังเรื่อง ‘Evil’ แล้ว เขาก็เอาแต่กินเพื่อเพิ่มน้ำหนักทันที

คาแรคเตอร์ของลั่วเซิ่นนั้น เพียงแวบเดียวมันก็ปรากฏชัดอยู่ในหัวของเขา

จ้าวร่างยกนิ้วโป้งขึ้น พร้อมกับสีหน้าชมเชย